ก่อนอื่นขอสวัสดีครับ ทุกท่านที่เข้ามาร่วมรับฟังประสบการณ์ดีๆ แนะนำตัวแล้วกันครับ ผมชื่อแม็คครับ หรือเรียกครูแม็ค ปัจจุบันอยู่จังหวัดอุบลราชธานี ขอเล่าอดีตในตอนที่ยังเป็นนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู โดยได้ไปฝึกสอนที่โรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา และได้ร่วมโครงการห้องเรียนสีเขียวของโรงเรียน ได้เขียนโครงการศึกษาดูงานเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยจัดค่ายห้องเรียนสีเขียวและได้มีการวางแผนจะไปที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย จุดเริ่มต้นของเรื่อง ในปี 2558 วันที่ 9 ธันวาคม 2558 ได้นำนักเรียนมาร่วมโครงการห้องเรียนสีเขียว โดยระยะเวลาบนภูกระดึงคือ3วัน2คืนกับการทำกิจกรรมจนเสร็จสิ้นก่อนกลับบ้านผมได้มาไหว้ศาลและได้บนไว้ว่า "ถ้าลูกสอบบรรจุติดรับราชการครูลูกจะกลับมาขึ้นภูกระดึงอีกครั้ง" จนเวลาผ่านไปเข้าสู่ปี2559 ผมได้เรียนจบชั้นปีที่5 และได้เตรียมสอบบรรจุครูผู้ช่วยปีครั้งที่1/2559 ซึ่งเป็นปีที่ข้อสอบยากมากครับแต่สุดท้ายแล้ววันที่ 26 กันยายน2559 ก็ได้ประกาศผลสอบผลปรากฏว่าสอบบรรจุติดได้ที่10 วิชาเอกเคมี และได้บรรจุข้าราชการในวันที่ 26 ธันวาคม 2559 เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร........ วันเวลาผ่านไปเร็วมากผมหาเวลาที่จะมาขึ้นภูกระดึงก็นานพอสมควร จนมาวันนี้คือวันที่ 29 ธันวาคม 2561 เดินทางมาจากอุบลราชธานีขับรถมาคนเดียวชวนเพื่อนแต่เพื่อนไม่มาด้วยจึงได้สะพายกระเป๋าคนเดียวกับการทำภาระกิจในครั้งนี้ให้สำเร็จ ผมมาถึงภูกระดึงก็เวลาประมาณ 09.00 น. และได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆแต่ผมไม่ได้เอามาเยอะเนื่องจากจะมาแค่นอนคืนเดียวก็กลับ ผมเริ่มเดินทางขึ้นภูกระดึงประมาณ 09.30 น. ด้วยกระเป๋าใบไม่ใหญ่ แต่มองดูข้างหน้าแล้วพี่ๆเก่งจังเลยครับ เราจะเรียนอาชีพนี้ว่า "ลูกหาบ" ซึ่งจะคอบแบกสำภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังภูกระดึง ราคาที่สอบถามก็กิโลละ 30 บาทครับ สำหรับใครที่ไม่ไหวเอาของมาเยอะผมว่าคุ้มครับเพราะระยะมางไม่ง่ายเลย เดินทางมาจนถึง "ซำแฮก" แต่ละจุดจะมีซำต่างๆตามชื่อครับ แฮกของภาษาอีสานคือเหนื่อยครับหมดแรงมากกว่าจะมาถึง ได้น้ำแข็งใสหนึ่งถ้วยแบบเย็นชื่นใจมาก เดินคนเดียวแต่ได้เพื่อนมากมายพูดคุยก็หายเหนื่อยมีแรงเดินต่อ เดินทางครั้งนี้ผมมีน้ำแค่ขวดเดียวครับก็ค่อยๆกินทีละนิดกินเยอะเดี่ยวจะจุกท้องครับ ความเหนื่อยล้าหมดไปเพราะธรรมชาติรอบตัวเรายิ่งขึ้นไปสูงอากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเริ่มมองเห็นหมอกจากๆลองในอากาศ ด้วยความเหนื่อยล้าของร่างกาย ถึงแล้วแต่ต้องเดินทางต่ออีก3 กิโลเมตรถึงจะถึงจุดพัก บรรยากาศบนนี้บอกได้เลยครับเย็นสบายโอโซนที่ดีไม่มีฝุ่นแน่นอน บรรยากาศที่อยู่ตรงหน้า การมาคนเดียวการเก็บภาพก็จะยากแม้ไม่สามารถเก็บภาพตัวเองได้แต่เราก็เก็บความทรงจำในวันนั้นได้ดีเสมอมา โอบกอดด้วยป่าสน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เกิดเหตุไฟป่าขึ้น ทำให้ไม่สวยเหมือนวันที่ผมไป ธรรมชาติยังเขียว ป่าไม่ร่มรื่นสองข้างทางอากาศเย็นสบายเดินคนเดียวก็ไม่เหงานะคุยกับเพื่อนๆที่เดินด้วยกัน ยิ้มไป หัวเราะไป ไม่นานก็ถึง ถึงแล้วที่พักผ่อนซึ่งผมไม่ได้นำเต็นท์มาเองจึงได้เช่าของอุทยานกับเจ้าหน้าที่โชคดีวันที่ผมไปยังมีเหลือ เช่าทั้งผ้าห่ม หมอน ถุงนอน อากาศบนนั้นเย็นมากครับนอนคนเดียวคืนนี้คงเหงาน่าดู หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มาทานข้าวเย็น กินคนเดียวเหงาบ้าง ข้าวราดแกงราคาก็ไม่แพงครับผมสั่ง50บาทก็ได้เยอะและอิ่มด้วย พร้อมที่จะเข้านอนในคืนนี้แล้ว เช้าของอีกวัน เริ่มวันใหม่ด้วยการดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ตอนเช้าบรรยากาศหนาวมากครับ วิวสวยดีครับน่าไปนั่งกับแฟน(โสด) ข้าวจี่ร้อนๆกับอากาศหนาวเช่นนี้เข้ากันได้ดี ราคา 20 บาท กินคนเดียวไม่หมด ซื้อไว้ก่อนเดินทางกลับ ลาแล้วนะภูกระดึง ต้องเดินทางกลับจะกลับไปปีใหม่ที่บ้านครับ เลยได้นอนแค่คืนเดียวเมื่อคืนนี้หลับยาวๆเลย สุดท้ายและภารกิจก็สำเร็จกับการมาแก้บนที่ภูกกระดึงเป็นหนึ่งคืนที่เหนื่อยและเป็นคืนที่มีความสุข เที่ยวคนเดียวความสุขหาได้ถ้าใจเรามีความสุข ครั้งหนึ่งในชีวิตพิชิตภูกระดึง ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่ทำให้ผมได้เป็นครูผู้สร้างศิษย์ในอนาคตต่อไป ทุกอย่างล้วนมาจากความพยายามและตั้งใจครับ ภาพโดย ผู้เขียน นายกฤษพัฒน์ สุขเลิม