วันนี้เราจะมา รีวิวทริปภูทับเบิก เขาค้อ 2020 เพื่อต้อนรับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน และ เที่ยวปันสุข เผื่อเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ที่ต้องการจะไปหาที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ชมทะเลหมอก หลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่นาน และคิดถึงธรรมชาติ คิดถึงเขา อยากกลับไปสู่อ้อมกอดเขากันแล้ว อดใจรอสักนิดสำหรับคนที่รอลงทะเบียนเที่ยวปันสุข และเราเที่ยวด้วยกัน ที่กลางเดือนนี้เราก็จะได้ลงทะเบียนกันแล้ว สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ และใกล้ชิดธรรมชาติอย่าง ภูทับเบิก และ เขาค้อ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวในยุคที่กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กำลังมาแรง ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นี้ คือการที่เรามีส่วนร่วมและได้สัมผัสกับธรรมชาติ เพื่อสร้างจิตสำนึกแก่นักท่องเที่ยวดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือทางรถยนต์ ซึ่งหากเราต้องการย่นระยะทางก็สามารถเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่จังหวัดพิษณุโลก แล้วเช่ารถขับไปที่ เขาค้อและภูทับเบิก ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง การเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางไม่มีอะไรมากค่ะ ที่สำคัญคือเราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะจะต้องเดินเยอะหน่อย โดยเฉพาะเดินขึ้นเขา และเช้า ๆ ก็ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอติดไปด้วยเพราะอากาศจะค่อนข้างเย็น เตรียมอาหารการกินติดไปด้วยก็ดีค่ะ โดยเฉพาะมาม่า กินมาม่าร้อน ๆ ตอนอากาศเย็น ๆ จะฟินหน่อย คนส่วนใหญ่ที่ต้องการไปเที่ยวภูทับเบิก และเขาค้อ ก็เพราะต้องการมาสัมผัสอากาศหนาวและอากาศบริสุทธิ์เพราะว่าอากาศที่นี่จะเย็นสบายทั้งปี เนื่องจากตั้งอยู่บนภูเขาสูง คือประมาณ 1,700 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งยอดภูทับเบิกถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมถึงต้องการไปชมความงามของทะเลหมอก ซึ่งช่วงที่เหมาะที่สุดในการชมทะเลหมอกคือช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะโอกาสที่เราจะได้เห็นทะเลหมอกมีมากกว่าช่วงอื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าหากเราไปช่วงนี้แล้วเราจะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกในทุกวัน บางครั้งดวงก็สำคัญค่ะ ใครดวงดีก็จะได้เห็นทะเลหมอกเต็ม ๆ บางคนก็อาจจะเป็นหมอกบางเบา หรืออาจจะไม่เห็นเลยก็เป็นได้ สำหรับที่พัก แม้ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องเที่ยวอย่างลำบาก แบบนอนกลางดินกินกลางทราย แม้บางส่วนของการเดินทางอาจจะยากลำบากและท้าทาย แต่เราสามารถเลือกที่พักแบบใกล้ชิดธรรมชาติแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นได้ ทางเลือกหลัก ๆ สำหรับคนที่จะมาเที่ยวภูทับเบิกและเขาค้อ เราว่ามีอยู่ 3 ทางเลือก คือ ทางเลือกที่หนึ่ง กางเต็นท์ ที่จุดกางเต็นท์บนจุดชมวิวภูทับเบิก เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาเห็นทะเลหมอกอยู่หน้าเราเลย แต่ข้อเสียของการนอนเต็นท์นอกจากความไม่สะดวกสบายแล้ว ยังมีเรื่องของความเป็นส่วนตัว และระหว่างวันจะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ หากใครต้องการกางเต้นท์ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก โทร. 085 733 9737 ทางเลือกที่สองคือใช้บริการบ้านพักที่อยู่ในบริเวณภูทับเบิก มีหลาย ๆ แห่งที่ให้บริการในราคาที่ไม่แพง เลือกได้ตามงบประมาณของเรา เช่น ไร่กะหล่ำหวาน & ไรเดอร์ รีสอร์ท https://www.facebook.com/Cabbage.sweet/ หรือออกมาประมาณสิบนาที Chill Chill Farm https://www.facebook.com/chillchillfarm/ หรือทางเลือกที่สามคือเราสามารถไปพักที่เขาค้อ หรือบริเวณใกล้เคียง ระหว่างภูทับเบิกและเขาค้อ แบบที่ยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติ มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ระหว่างทางเขาค้อ-ภูทับเบิก มี จุดชมวิวน่ารัก ๆ ร้านกาแฟให้แวะ รวมถึงไปสักการะพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ก็ได้ สำหรับที่พักบางโรงแรมจะมีจักรยานให้ยืมใช้ฟรี หรือมีที่ตั้งแคมป์ มีครัวให้ทำอาหารได้ด้วย เช่นวิลล่าป่าสน https://www.facebook.com/VillaPasonKhaokho/ ที่มีที่พักเป็นห้องพัก และรถบ้าน สำหรับราคาค่าที่พักในแต่ละแบบในแต่ละที่ อดใจรอสักนิดค่ะ กลางเดือนน่าจะชัดเจนสำหรับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ที่เปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 15 กรกฎาคม แล้วค่อยมาตัดสินใจเลือกค่ะว่าจะพักที่ไหนดี แต่ดูไว้คร่าว ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ หากเราเลือกพักที่เขาค้อหรือนอกบริเวณภูทับเบิก เราควรจะมาถึงที่ภูทับเบิกแต่เช้ามืด สักประมาณตีห้า เพื่อที่จะรอชมทะเลหมอก การขับรถต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากถนนบนเขาจะคดเคี้ยว เราอาจจะมาสำรวจเส้นทางก่อนในตอนกลางวัน (มาก่อนห้าโมงเย็นนะคะ) และปักหมุดที่จอดรถไว้เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลังจากที่ชมทะเลหมอกแล้วด้านบนก็มีร้านอาหารหลายร้านให้เราเลือกใช้บริการได้ พร้อมกับนั่งชมหมอกไปด้วย บนภูทับเบิก ยังเป็นไร่กะหล่ำปลี ซึ่งแต่ละดอกมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งไร่กะหล่ำปลีที่นี่ปลูกโดยชาวม้งที่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินบนยอดเขาสูง หากเรามาในช่วงฤดูฝน ก็จะเห็นกะหล่ำปลี เต็มภูเขาไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม และ เดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ส่วนในช่วงหน้าหนาว ก็จะมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็ม ภูทับเบิก สำหรับเราแล้วความประทับใจสำหรับทริปนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เห็นทะเลหมอกแบบเต็ม ๆ อย่างที่ตั้งใจ แต่ก็ทำให้อยากกลับไปแก้ตัวใหม่ เพื่อที่จะได้เห็นแบบเต็ม ๆ คืออากาศที่เย็นสบาย บริสุทธิ์และหายใจได้อย่างเต็มปอด ทริปหน้าเราต้องหาวันหยุดให้ตรงกับคืนเดือนมืด เพื่อที่กลางคืนเราจะได้ดูดาวที่มีคนบอกว่าเห็นได้แบบเต็มท้องฟ้า และก็ไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวเพื่อชมนางพญาเสือโคร่งบานค่ะ #ภูทับเบิก #เขาค้อ #เราเที่ยวด้วยกัน #เที่ยวปันสุข #เที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภาพประกอบโดยผู้เขียน