ในเดือนตุลาคมเมื่อฝนซาเม็ดลงแล้ว ลำน้ำหมันไหลเอื่อยช้าทอดตัวยาวไปตามทุ่งข้าวที่เมล็ดเริ่มตั้งเรียวรวง กลางสายน้ำเอื่อยช้าจะเห็นกงล้อไม้ไผ่ป่าขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงรายตามคุ้งน้ำ มันส่งเสียงเอียดออดหมุนเอื่อยช้าไม่ต่างจากสายน้ำเพื่อตักน้ำจากสายน้ำส่งไปตามลำรางสู่ท้องทุ่ง พัดทดน้ำ จึงเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้มาเยือนราวกับสถาปัตยกรรมของศิลปินเอกพัดทดน้ำ เป็นภูมิปัญญาการจัดการน้ำของชาวด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยการนำน้ำจากลำน้ำหมันซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของชาวด่านซ้ายมาใช้เพื่อการทำนา ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น หรือ ป่า ที่อยู่รอบชุมชนในฤดูแล้งชาวบ้านจะขึ้นเขาเพื่อเสาะหาไม้เนื้อแข็งสำหรับทำ “ดุมพัด” หรือแกนหมุนของพัดทดน้ำ จากนั้นจะใช้ไม้ไผ่นานาชนิดมาวางเรียงรายริมน้ำหมัน และพี่น้อง เครือญาติ หรือชุมชนจะมาช่วยกัน “เอาแรง” ประกอบโครงพัดขึ้นอย่างพร้อมใจ เมื่อถึงฤดูฝน “พัดหมุน” หมายถึงการเริ่มต้นของการเกษตรกรรม เมื่อนั้นท้องนาในที่ราบของชาวบ้านที่อยู่ห่างลำน้ำออกไปจะได้อาศัยน้ำจากลำน้ำหมันอย่างเสมอหน้า พัดทดน้ำ จึงเป็น “สถาปัตยกรรม” หนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตหลายชีวิตและพลังสามัคคีของชุมชนในการสร้างขึ้นปัจจุบันลำน้ำหมันตื้นเขินขึ้น ทำให้มีการขุดลอกลำน้ำหมันทำให้หลายหมู่บ้านรื้อถอนพัดทดน้ำไป ทว่าที่บ้านนาหมูม่น ตำบลนาดี อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หมู่บ้านเก่าแก่ริมลำน้ำหมันยังคงต่อรองกับการพัฒนาเพื่อสงวนรักษาประติมากรรมแห่งชีวิตเหล่านี้ไว้ได้บ้านนาหมูม่น เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของอำเภอด่านซ้าย อยู่ทางทิศเหนือของอำเภอ หากเราอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้ายหรือตลาดแลง (เย็น) จะมีถนนเส้นหนึ่งนำเราเลียบลำน้ำหมันไปราว 10 กิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านที่สงบเงียบและสวยงามแห่งนี้ ที่นาหมูม่นสำหรับบ้านนาหมูม่นไม่ใช่แค่เพียงการป้องกันพัดทดน้ำไว้ได้เท่านั้น แต่ที่บ้านนาหมูม่น ยังมีการศึกษาวิจัยประวัติความเป็นมาร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย และมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อจัดทำแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาพัดทดน้ำ สำหรับถ่ายทอดแก่เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านตลอดจนแขกจากภายนอกชุมชนที่มาเยือนอย่างไรก็ตาม สถานการณ์พัดทดน้ำยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากการสร้างพัดต้องอาศัยทรัพยากรจากป่าโดยรอบชุมชน ซึ่งปัจจุบันนี้ทั้งการตัดไม้ในป่าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังทั้งข้อกฏหมายและสถานการณ์ป่าไม้ที่ไม่สมบูรณ์เหมือนเก่า ไม่แน่ว่าในอนาคตเมื่อพัดทดน้ำที่เหลืออยู่ทรุดโทรมลง “ประติมากรรมแห่งชีวิต” นี้อาจเหลือเพียงชื่อ และแบบจำลองในศูนย์การเรียนรู้เท่านั้นหากเอ่ยถึงชื่ออำเภอด่านซ้าย มักนึกถึงประเพณี “ผีตาโขน” แต่ด่านซ้ายคือเมืองที่มีเสน่ห์ในหลายมิติทั้ง วิถีชีวิต ความเชื่อ ประเพณี หากคราวหน้าท่านผู้อ่านกำลังอยากเดินทางในช่วงปลายฝนต้นหนาว ลองปักหมุดที่บ้านนาหมูม่น หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในด่านซ้ายนี้ เพื่อสัมผัสกับเรื่องราวของประติมากรรมแห่งชีวิตนี้ด้วยตัวเอง ก่อนมรดกภูมิปัญญานี่จะเลือนหายไปตามกาลเวลา