ถ้าจะมีสักที่ ที่เหมาะกับการหนีความวุ่นวายในเมืองไปพักใจ ใช้ชีวิตช้า ๆ แบบ Slow life "เชียงคาน" ก็คงเป็นหนึ่งในลิสต์ที่นึกออกและอยากแนะนำ เมืองเล็ก ๆ ในภาคอีสาน ที่ยังคงอัตลักษณ์ของความเรียบง่ายในวันวาน บ้านไม้เก่า ๆ กับวิถีชีวิตดั้งเดิม ที่เพิ่มเติมคือสีสันจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ผู้คนแวะเวียนไปเยือนอยู่เนือง ๆ บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสกับ "เชียงคาน" เมืองที่วันวานไม่เคยหลับไหลกันค่ะ "เชียงคาน" ตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย การเดินทางสามารถไปได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว หรือรถทัวร์ ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง จากกรุงเทพมหานคร หรือถ้าใครสะดวกจะเดินทางด้วยเครื่องบิน เมื่อลงเครื่องที่สนามบินจังหวัดเลย ก็ต่อรถไปที่อำเภอเชียงคานได้ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ อำเภอเชียงคานตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นจุดแรกของภาคอีสานที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน และเป็นแหล่งทำมาหากินของผู้คนในชุมชนค่ะ ด้วยทัศนียภาพที่งดงามของวิวแม่น้ำโขง ตัดกับบ้านเรือนไม้เก่าสุดคลาสสิค ทำให้เชียงคานกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้คนจากเมืองใหญ่ ที่อยากหนีความวุ่นวายไปเปลี่ยนบรรยากาศ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิดด้วยความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิด 'โฮมเสตย์' ขึ้นในเชียงคานหลายแห่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนในการเปิดให้เข้าพัก รวมไปถึงร้านรวงขายสินค้าพื้นถิ่นจากภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยเฉพาะงานศิลปะ งานฝีมือ ที่นับว่าจุดขายของเชียงคานเลยทีเดียวค่ะ เป็นแหล่งรวมของคนที่มีรสนิยมเดียวกัน และคนที่คิดถึงความคลาสสิคในวันวาน ที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย อาคารห้างร้านที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีปูนบ้างตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและเพื่อความคงทน แต่ดีไซน์จะยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นเชียงคานไว้เสมอ เป็นการประยุกต์ความทันสมัยและความคลาสสิคไว้ด้วยกัน แม้แต่ตามถนนหนทาง ก็ดูเหมือนจะเป็นงานศิลปะไปเสียหมด บอกเลยว่าที่นี่ สามารถเสพความคลาสสิคศิลป์ได้แทบจะทุกตารางนิ้วเลยล่ะค่ะ น่าตื่นตาตื่นใจไปหมด..ด้วยความเป็นเมืองแห่งความคลาสสิค ที่นี่จึงมีพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ของคนในชุมชนเองให้เข้าชมด้วยค่ะ เป็นแกลอรี่กึ่งพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสิ่งของเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของภาพยนต์สมัยก่อน ระหว่างที่ถ่ายรูปเล่นก็เดินหลงเข้าไปโดยบังเอิญค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วตอนนั้นเจ้าของเขาแค่เปิดเพื่อทำความสะอาดเฉยๆ ด้วยความไม่รู้จึงถือวิสาสะเดินเข้าไป (เสียมารยาทไปนิด แหะ ๆ) คุณลุงเจ้าของแกลอรี่แกใจดีมากค่ะ เข้ามาพูดคุย ต้อนรับอย่างดี เล่าเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับการถ่ายหนังสมัยก่อนให้ฟังเยอะมาก เครื่องฉายหนังสมัยก่อนเป็นยังไง เครื่องถ่ายรูปใช้เทคนิคแบบไหน เล่าถึงคนดังหลาย ๆ คนที่เคยมาเยี่ยมเยียนที่แห่งนี้ มีตั้งแต่เอลวิส เพลสลีย์ ไปจนถึงล่าสุดก็คุณโตโน่ ภาคิณ พร้อมกับโชว์ภาพที่ถ่ายกับคนดังให้ดูอย่างภาคภูมิใจ คุณลุงดูมีความสุขที่เห็นคนรุ่นหลังยังให้คุณค่ากับสิ่งของสมัยเก่า ทราบมาว่าลุงแกเป็นเจ้าของโรงหนังเก่า ที่ใช้ถ่ายภาพยนต์ "ตุ๊กแกรักแป้งมาก" พอแกบอกเท่านั้นแหล่ะ วินาทีนั้นก็ร้องอ๋อออ เอ้อใช่ เรื่องนั้นถ่ายที่เชียงคานนี่นา แล้วก็เป็นเรื่องที่ชอบมาก ๆ ด้วย เหมือนได้มาตามรอยภาพยนต์เลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ แกบอกว่า เห็นเราตั้งแต่ก่อนเดินเข้ามาแล้ว มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นคนแบบไหน ต้องชอบอะไรเก่า ๆ แบบนี้แน่ ๆ เลยไม่ได้ห้ามปรามอะไร แหม.. จบท้ายด้วยการคะยั้นคะยอจะถ่ายรูปให้ แม้จะดูขัด ๆ ใจกับกล้องสมัยใหม่ แต่คุณลุงก็ถ่ายออกมาได้ดีทีเดียว สรุปวันนั้นก็ติดอยู่ในแกลลอรี่นั้นราว ๆ ชั่วโมงได้ พร้อมได้โปสการ์ดใบปิดหนังสมัยก่อน ติดไม้ติดมือมาเป็นที่ระลึก ใครชอบแกลลอรี่สะสมความทรงจำเก่า ๆ แบบนี้ ถ้ามีโอกาสไปเชียงคาน ไปเยี่ยมเยียนพูดคุยกับคุณลุงได้ที่ "ภู่เชียงคานแกลลอรี่" นะคะ แต่ดูเหมือนว่าคุณลุงแกจะเปิดตามอารมณ์ วันต่อมาเดินผ่านก็ไม่เห็นเปิดแล้ว ก็ตามประสาศิลปินอ่ะเนอะ จุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ "ถนนคนเดินเชียงคาน" แหล่งรวมของขายที่น่าสนใจไปหมด โดยเฉพาะของกินพื้นบ้าน หลายอย่างก็เพิ่งเคยชิมที่นี่ที่แรก ที่มีเยอะไม่แพ้กันคืองานแฮนด์เมดน่ารัก ๆ เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝาก ที่นี่มีจักรยานให้เช่าปั่นด้วยนะคะ เพราถนนคนเดินยาวมาก ๆ กอไก่ล้านตัว (ก็เวอร์ไปนิด) ร้านรวงจะเริ่มตั้งตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินค่ะ นักท่องเที่ยวจะนิยมไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่ริมแม่น้ำโขงก่อน จากนั้นมาเดินเที่ยวถนนคนเดินกันอย่างหนำใจ แสงไฟสีส้มที่ประดับประดาให้ความสว่างกับถนนคนเดินแห่งนี้ โดยมีแบล็คกราวด์เป็นบ้านไม้หลังเก่า เป็นภาพที่ละมุนตาน่าประทับใจมาก ๆ เลยล่ะค่ะ หรือถ้าใครอยากจะสังสรรค์ในค่ำคืนดี ๆ แบบนี้ ก็มีร้านเหล้าปั่นให้นั่งชิล ๆ กันด้วยนะคะ เรียกได้ว่าเดินวันเดียวอาจหมดตัวได้ ฮ่า ๆ ๆ เมนูเด็ดของเชียงคานที่ภูมิใจนำเสนอมาก ๆ นั่นคือ "เมี่ยงคำเชียงคาน" นั่นเองค่ะ เป็นเมี่ยงแบบที่เรารู้จักกันดี นำมาห่อด้วยใบชะพลูแบบพอดีคำ เสียบไม้ขาย ไม้ละ 10 บาทค่ะ ขอบอกว่าเด็ดมาก ๆ เครื่องแน่น น้ำจิ้มกลมกล่อมหอมหวานมาก ๆ ค่ะ มื้ออาหารของที่นี่ ก็รับประทานกันแบบบ้าน ๆ ที่ประทับใจมากก็คือ ที่นี่จะนิยมรับประทานผักเป็นเครื่องเคียงในทุกมื้ออาหาร โดยจะนำผักห่อไว้ในกรวยที่ทำจากใบตอง เสิร์ฟให้กับลูกค้าค่ะ น่ารักมาก ๆ เลยเลย สำหรับใครที่อยากหลบหนีความวุ่นวายไปพักใจที่ไหนสักแห่ง ขอแนะนำ "เชียงคาน" ไว้เป็นหนึ่งในลิสต์สำหรับตัดสินใจนะคะ นอกจากความน่ารักที่ได้พูดถึงในบทความนี้แล้ว หากอยากสัมผัสธรรมชาติ เพื่อน ๆ สามารถตื่นเช้าไปชมทะเลหมอกที่ "ภูทอก" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงคานได้ด้วยค่ะ เรียกว่าได้ทั้งสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน ตักบาตรดอกไม้ยามเช้า ปั่นจักรยานริมฝั่งโขง ชมพระอาทิตย์ตกสบายตา และยังได้ยลความงามของทะเลหมอก ครบรสจริง ๆ ค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม พิกัด GPS : เชียงคาน Facebook Page : ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองเชียงคาน เรื่อง-ภาพ : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)