สวัสดีค่ะทุกคน พบกันอีกแล้วนะคะครั้งนี้แต้วจะมารีวิวการขึ้นเขาครั้งแรกในชีวิต! ซึ่งมันก็นานมาแล้ว แต่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ และความทรงจำให้กับเพื่อน ๆ สายลุยทุกคนที่อยากจะลองขึ้นภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนแต้ว ซึ่งแต้วไป 2 คืน 3 วันกับโครงการค่ายคณิตศาสตร์มีอาจารย์และเพื่อน ๆ ไปอีกหลายคนเลยละค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าการขึ้นเขาครั้งแรกมันโหด มัน ฮาแค่ไหน ไปดูพร้อม ๆ กันเลย ภาพถ่ายโดย : นักเขียน *แต้วใช้กล้อง Cannon ถ่ายเองซึ่งเป็นรุ่นเก่ามากถ้าภาพไม่ชัดขออภัยด้วยนะคะ วันที่ 1 เริ่มออกเดินทางประมาณตี 5 (หนองคาย – เลย) และได้แวะจุดทานข้าวก่อนเดินขึ้นภูกระดึง พร้อมกับแวะ 7-11 เพื่อซื้อน้ำเปล่าแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ทุกคนพกติดตัวไว้กินระหว่างทางการเดินขึ้นภูกระดึงเพราะถ้าไปซื้อตามทางขึ้นภูกระดึงราคาจะแพงกว่าซื้อข้างล่างค่ะ และก็นั่งรถต่อเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึงอีกซึ่งจะมีค่าเข้าประตูอุทยานคนละ 40 บาท มีที่จอดรถสำหรับคนที่ค้างคืนระบบรักษาความปลอดภัยถือว่าดีมาก ๆ เลยนะคะ เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมากค่ะ ภาพถ่ายโดย : นักเขียน ก่อนเดินขึ้นเขาเราจะต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับตั๋วการเดินขึ้นไปยังภูกระดึง และสำหรับบางคนที่ไม่สามารถแบกเป้เองได้ก็สามารถใช้บริการลูกหาบสัมภาระ โดยกิโลกรัมละ 30 บาท (แต่แต้วแบกเป้ขึ้นไปเองจ้า) สตรอง! ภาพถ่ายโดย : นักเขียน ซำแฮก เป็นซำแรกเลยสำหรับการเดินขึ้นภูกระดึง แต่บอกไว้ก่อนค่ะนี่แค่ซำแรกก็คือเหนื่อยมากสมกับชื่อซำแฮก ขาล้าไปหมดจนเกิดคำถามในใจว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่” แต่ในเมื่อเราตัดสินใจแล้วต้องเดินขึ้นไปให้สุดค่ะ เส้นทางการเดินขึ้นภูกระดึง อุทยานศรีฐาน >ปากกกค่า >ซำแฮก >ซำบอน >ซำกกกอก >ซำกอซาง >พร่านพรานแป >ซำกกหว้า >ซำกกไผ่ >ซำกกโดน >ซำแคร่ >หลังแป (เสียดายที่แต้วไม่ได้รูปมาทุกซำเพราะมัวแต่บ่นว่าเหนื่อย) ภาพถ่ายโดย : นักเขียน เดินไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4-5 โมงเย็นในที่สุดเราก็ขึ้นมาบนอุทยานแห่งขาติภูกระดึงได้สำเร็จ (ซึ่งถามลูกหาบตลอดทางว่าใกล้ถึงยัง) พอมาเห็นวิวและบรรยากาศความสวยงามรอบ ๆ ตัวเราแล้วมันหายเหนื่อยเลยละค่ะเพราะเราสามารถมองเห็นวิวของจังหวัดเลยได้กว้างสุดลุกหูลูกตา ซึ่งระยะทางการเดินขึ้นมาบนภูกระดึง 5.5 กิโลเมตร มีความสูงอยู่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ภาพถ่ายโดย : นักเขียน และความเหนื่อยล้าก็ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะเราต้องเดินเข้าไปยังที่พักอีก 3.5 กิโลเมตรจ้า! (ความรู้สึกตอนนั้นแบบใครก็ได้ลากฉันไปที) เพราะมันเหนื่อยมาก ๆ พอเดินถึงจุดแต่ละคนก็จัดการกางเต็นท์ของตัวเองและพักผ่อนตามอัธยาศัย ซึ่งข้าง ๆ จุดกางเต็นท์ก็จะมีร้านค้ามากมายเช่น ร้านข้าวแกง หมูกระทะ ร้านขายของฝาก เป็นต้น วันที่ 2 พอวันรุ่งขึ้นแต้วและเพื่อน ๆ นัดกันตี 5 เพราะเจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ปรากฏว่าตื่นสายค่ะทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งแบบพี่ตูนอย่างเดียว พอไปถึงคนเยอะมากแต่สุดท้ายแต้วและเพื่อน ๆ ก็สามารถไปชมพระอาทิตย์ขึ้นทันเวลาค่ะ ภาพถ่ายโดย : นักเขียน สวยมาก ๆ เลยบรรยากาศแบบนี้ หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากอุทยานแห่งชาติภูกระดึง และระหว่างทางกลับเจอเจ้ากวางน้อยน่ารักด้วยค่ะ ภาพถ่ายโดย : นักเขียน ได้เวลาออกไปผจญภัย ซึ่งทางอุทยานจะมีจักรยานให้เช่านะคะแต่แต้วและเพื่อน ๆ ใช้การเดินเท้าเอาค่ะ โดยบริเวณแหล่งท่องเที่ยวปกติก็จะแบ่งได้เป็นสองเส้นทางคือ เส้นทางน้ำตก และ เส้นทางเลียบผา แต้วและเพื่อน ๆ เลือกเดินเท้าด้วยเส้นทางน้ำตกเพื่อชมธรรมชาติได้ใกล้ชิดและเดินเส้นทางที่จักรยานไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยค่ะ เราไปชมภาพความงามของธรรมชาติที่ภูกระดึงกันเลย ภาพถ่ายโดย : นักเขียน ตลอดการเดินเราจะเห็นน้ำตกแทบทุก ๆ ทางเดินเลยก็ว่าได้และน้ำใสมาก เย็นฉ่ำด้วยเดินไปตามทางเรื่อย ๆ ตามที่ป้ายบอกเลยค่ะไม่ต้องกลัวหลงทางนะคะเพราะทางอุทยานมีแผนที่ให้กับเราและมีป้ายบอกทางเป็นระยะด้วยค่ะ ปลอดภัยแน่นอน ภาพถ่ายโดย : นักเขียน และจะต้องไม่พลาดเมื่อเดินมาถึงผาหล่มสัก ที่เรียกได้ว่าเป็นหน้าผาวัดใจกันเลยทีเดียว (เดินเข้าไปใกล้ ๆ หน้าผาเหมือนจะวูบ555) เพราะถ้าใครมาผาหล่มสักจะต้องมาถ่ายรูปจุดที่เป็นไฮไลท์เลย แต่แต้วขอเป็นตากล้อง ไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ อิอิ วันที่ 3 และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายของการท่องเที่ยว เดินเขาบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ไม่รอช้าค่ะเก็บกระเป๋าสัมภาระของตัวเองให้พร้อม และเดินทางกลับกันเลย ซึ่งการเดินลงเขาหรืออาจจะเรียกว่าวิ่งก็ได้ค่ะ เพราะมันมีความชันทำให้เดินลงแบบปกติไม่ได้ ต้องวิ่งลงเท่านั้นค่ะ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การลงเขาง่ายการขึ้นเขาอีกค่ะ 5555 (สำหรับคนที่เข่าไม่ดีเดินลงแบบช้า ๆ ก็ได้นะคะ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง อิอิ) ภาพถ่ายโดย : นักเขียน ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึงคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ เพราะจะได้ชมใบเมเปิ้ลสีแดงสดที่สวยงาม ซึ่งเป็นช่วงที่น่าเที่ยวมากที่สุดแล้ว แต้วไปช่วงต้นเดือนธันวาคมค่ะ อากาศหนาวมาก ๆ และอากาศก็ดีมากเช่นกัน ใครที่ขี้หนาวละก็ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวอุ่น ๆ ไปสักตัวค่ะ อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไปเดินเขา - ไฟฉาย - ยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาดม ยาหม่อง ยานวดลดอาการปวดกล้ามเนื้อ พลาสเตอร์ - หมวก ใส่กันแดดเพราะแดดแรงและร้อนมากในตอนกลางวัน - แป้งเย็นไว้โรยรอบเต็นท์นอน กันตัวทาก - เต็นท์และถุงนอน แต่สำหรับใครที่ไม่มีบนภูกระดึงมีให้เช่านะคะติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย - เสื้อผ้าเอาไป 2 ชุดก็พอ (เพราะตอนเช้าหนาวมากอาบน้ำไม่ได้) และแนะนำการแต่งตัวเดินขึ้นเขาให้ใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ กางเกงเลคกิ้ง วอร์ม (ไม่แนะนำกางเกงยีนส์เพราะอาจทำให้ลำบากในการเดิน) เสื้อยืดธรรมดาที่ระบายอากาศได้ดี รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าแตะรัดส้นก็ได้ค่ะ ส่วนใครที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ควรศึกษาให้ดีก่อนเดินเขา สำหรับใครที่ยังไม่เคยสัมผัสกับประสบการณ์ลุย ๆ แบบนี้แล้วละก็ อุทยานแห่งชาติภูกระดึงก็เป็นตัวเลือกที่ดี เลยนะคะ คนที่ชอบความเป็นธรรมชาติ ความไม่วุ่นวาย สายลุยไม่คุยให้เสียเวลา และเพื่อน ๆ จะได้พบกับมิตรภาพที่ดี ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึงค่ะ *ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางและอาหารทั้งหมดทางอาจารย์เป็นคนจัดการทั้งหมดนะคะซึ่งถ้าใครที่สนใจ สามารถติดต่อ สอบถาม หรือสำรองที่พักกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้เลยค่ะ