พามาเที่ยวขอนแก่นค่ะ เมืองแห่งมหาวิทยาลัยก้าวหน้า แต่ก็มิวายที่จะดั้นด้นหาแหล่งท่องเที่ยวแนวสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่จนเจอ ขอนแก่นเป็นเมืองที่มาเป็นครั้งแรก ไม่ได้เป็นเมืองที่ตั้งใจมา หากแต่โปรราคาเครื่องบินที่แสนถูกมีมาลงที่จังหวัดนี้ ก็เลยคิดว่าลองเดินทางมาที่นี่ดูสักครั้ง เผื่อมีอะไรให้ได้ประทับใจไม่มากก็น้อย และแล้วการเดินทางก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการขึ้นเครื่องบินมาลงที่สนามบินขอนแก่นด้วยเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมื่อถึงสนามบินแล้วก็ทำการเช่ารถพร้อมคนขับในราคา 2,000 บาทต่อหนึ่งวันเต็มๆ เมื่อได้พาหนะแล้วก็ให้คนขับซึ่งเป็นไกด์ในตัวด้วยเลย พาไปโรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระก่อน จะได้เที่ยวแบบตัวเบาๆ โรงแรมที่เลือกพักสองคืนเลยคือ "HOP INN" จองผ่าน Agoda ราคาเพียงคืนละ 650 บาทเท่านั้น จากนั้นเราก็เริ่มปฏิบัติภารกิจเดินทางทันที เริ่มหมุดแรกที่ "สิม" วัดไชยศรี อำเภอเมือง สิมในภาคอีสานหมายถึงอุโบสถนั่นเอง บอกแล้วว่ายังไงก็ต้องได้เก็บแหล่งประวัติศาสตร์ของจังหวัดให้ได้ โชคดีเหลือเกินที่ได้มาที่สิมแห่งนี้ สวยงามมาก ชอบฮูบแต้มหรือจิตรกรรมฝาผนังของอุโบสถที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะช่างมอญในสมัยก่อน มีลักษณะแปลกตาแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ชอบตรงที่สภาพเก่าแก่ ยังไม่ได้มีการบูรณะจนดูใหม่เกินไป ความโบราณดั้งเดิมของสิมแห่งนี้คือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หาดูได้ยาก และนี่คือจุดเริ่มต้นของการตามล่าหาสิมอื่นๆ อีกต่อไป ใช่ค่ะ หลงรักศิลปะแห่งสิมอีสานเข้าให้แล้ว สิมวัดไชยศรี จากสิมวัดไชยศรี เราไปต่อที่ "กู่แก้ว" สถาปัตยกรรมในรูปของปราสาทเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่ในบ้านหัวสระ ตำบลดอนช้าง อำเภอเมืองขอนแก่น เดิมทีปราสาทแห่งนี้เป็นศาสนสถานประจำโรงพยาบาลที่เรียกว่า "อโรคยศาล" สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม กู่แก้วแห่งนี้ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินมาก่อน แต่ที่ได้มาที่นี่เป็นเพราะคนขับหรือไกด์ของเราแนะนำและพามา ซึ่งต้องขอบคุณคนขับรถคนนี้มาก บริการดี มีใจบริการ ไม่ทำให้นักเดินทางต่างถิ่นคนนี้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด กู่แก้ว จากกู่แก้ว เราไปกันต่อที่ พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง ซึ่งตั้งอยู่ตรงริมบึงแก่นนคร อำเภอเมืองขอนแก่น ลักษณะเป็นพระธาตุเก้าชั้น คือภายในมีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดเก้าชั้นด้วยกัน เราสามารถทำบุญได้ในชั้นแรก และตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปเป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น กว่าเราจะเดินขึ้นไปถึงชั้นเก้าก็ใช้เวลานานโข เพราะแต่ละชั้นนั้นมากมีไปด้วยของมีค่า หาดูได้ยากยิ่งนัก จนไม่รู้สึกเลยว่าเก้าชั้นนี้จะทำให้เหนื่อยตรงไหน จนในที่สุดเมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นเก้า เราก็ได้เห็นวิวเมืองขอนแก่นแบบ 360 องศา สามารถมองเห็นบึงแก่นนครด้วย สวยงามจริงๆ บึงแก่นนคร พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง ยังคงอยู่ในอำเภอเมือง หลังจากดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมมาแล้วสามหมุด รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน อยากหาอะไรลงท้อง นั่งพักขาให้สบายตัวซะหน่อย มาที่ร้านกาแฟร้านนี้ "BLUEKOFF" ตั้งอยู่ตรงถนนหน้าเมือง ใกล้กับ เค.เค.คอนโด และติดกับร้านล้างรถ ร้านนี้แปะมาตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง แรงจูงใจในการมาร้านนี้คือ Coconut Latte หรือ "ลาเต้บักพร้าว" เป็นกาแฟที่เสิร์ฟมาพร้อมกับลูกมะพร้าว คือน้ำกาแฟลาเต้บรรจุอยู่ในลูกมะพร้าวจริงๆ แล้วยังมีเนื้อมะพร้าวติดอยู่ คือถ้าคุณจิบกาแฟหมดแล้ว คุณก็ขูดมะพร้าวกินต่อด้วยเลย ทางร้านมีที่ขูดมะพร้าวมาให้พร้อมเสร็จ 5555 เป็นเมนูที่ดูครีเอทสุดๆ ราคาอยู่ที่ 150 บาท โดนค่ะ เลยต้องมาร้านนี้เพื่อมาพิสูจน์ความคิดสร้างสรรค์อันน่าทึ่งนี้ ร้านเปิดแต่เช้า 8.00 - 18.00 น. พระธาตุขามแก่น อิ่มท้องแล้ว เดินทางต่อไป หมุดสุดท้ายนี้ไปไกลนอกเมืองหน่อยนึง "พระธาตุขามแก่น" ตั้งอยู่ในวัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดขอนแก่น เป็นที่เคารพสักการะของชาวขอนแก่น เรียกว่าถ้าไม่ได้มาที่พระธาตุแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงขอนแก่น เนื่องจากเรามาถึงพระธาตุขามแก่นในเวลาใกล้ค่ำ ทำให้สีทองที่ปรากฏบนองค์เจดีย์นั้นเปล่งประกายสีทองออกมาอย่างสวยงาม เป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวบางตา เกิดความรู้สึกสงบเงียบ เงียบเสียจนเกิดความวังเวงเล็กน้อย และแล้ววันแรกของทริปก็จบลงอย่างลงตัว กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมอย่างมีความสุข เพื่อเตรียมพร้อมการเดินทางต่อไปในวันรุ่งขึ้น Columbo Craft Village เข้าสู่วันที่สองของทริป ยังคงอยู่ที่ขอนแก่น วันที่สองไม่ได้ไปไหนเยอะเหมือนวันแรก ตั้งใจไปแค่มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่มหาวิทยาลัย แต่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนถนนโคลัมโบ ซอย 1 อยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยขอนแก่น หมู่บ้านที่ว่านี้มีชื่อว่า "Columbo Craft Village" หมู่บ้านที่รวบรวมช็อปที่จัดแสดงงานแฮนด์เมดของกลุ่มผู้รักงานศิลปะ และเป็นแหล่งแฮงเอาท์ของวัยรุ่นที่มีความสนใจในงานคราฟอาร์ตๆ อันเกิดจากไอเดียการสร้างสรรค์งานศิลปะจากกลุ่มเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกัน มาร่วมกันผลิตผลงานของแต่ละคนในรูปแบบของร้านกาแฟ งานเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า งานวาดการ์ตูนลายเส้น งานไม้ ปักผ้า และงานเซอรามิค ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ ด้วยเงินทุนของพวกเขาเอง แต่ละร้านมีเวลาเปิดปิดแตกต่างกันไป หากใครสนใจจะมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ แนะนำให้สอบถามที่เพจ Columbo craft village ก่อนจะดีกว่าค่ะ แต่โดยรวมร้านเปิดทุกวัน เวลาประมาณ 11.00 - 18.00 น. แต่ปิดทำการวันจันทร์และอังคารเพียงสองวันเท่านั้น Under The Tree cafe เสพย์งานศิลป์กันอิ่มอกอิ่มใจแล้ว มาหาอะไรอิ่มท้องกันที่คาเฟ่น่ารักในตัวเมืองกันอีกสักร้านเป็นการส่งท้ายดีกว่า แนะนำที่ "Under The Tree" คาเฟ่สไตล์อังกฤษที่เสิร์ฟเบอเกอรี่โฮมเมดรสชาติอร่อย ร้านแลดูหรูนะแต่ราคาไม่แพงอย่างที่คิด อย่างเครื่องดื่มที่สั่งมาทาน อิตาเลี่ยนโซดา จัดมาเป็นชุด ราคาอยู่ที่ 85 บาทเท่านั้น ส่วนบรรยากาศร้านเหมือนอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่อบอุ่น คล้ายๆ ว่าข้างนอกมีหิมะตกมาโปรยปราย อันนี้ก็จินตนาการกันไป ร้านเปิดทุกวัน 10.30 - 21.30 น. มีที่จอดรถ ร้านอยู่หลัง Hugmall ขอนแก่น เข้าสู่วันสุดท้ายของทริป เป้าหมายคือไปร้านซื้อของฝากกลับบ้าน เลือกไปร้าน "เตียฮั่วหยู" อยู่ใกล้ๆ โรงแรม ตั้งอยู่บนถนนศรีจันทร์ ตรงข้ามวัดศรีจันทร์ เป็นร้านจำหน่ายของฝากที่ออกไปทางขนมโบราณ เป็นสูตรต้นตำรับหากินยาก เช่น ขนมตุ๊บตั๊บ ถั่วตัด ถั่วกระจก เม็ดมะม่วง ขนมแต่งงาน กุนเชียง ไส้กรอก หรือหมูยอ ฯลฯ ร้านเปิดทุกวัน 7.00 - 19.00 น. เมื่อได้ของฝากแล้วก็พร้อมกลับบ้านด้วยเครื่องบินเหมือนเดิม สะดวก รวดเร็ว ถ้าจองราคาโปรก็ถูกกว่ารถทัวร์อีก ประหยัดเวลาในการเดินทาง สำหรับการมาเยือนขอนแก่นครั้งนี้ถือว่าโอเคระดับนึง เมืองขอนแก่นเป็นศูนย์กลางการค้าเศรษฐกิจและการศึกษาของภูมิภาค เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย มีแหล่งรวมร้านอาหารและโรงแรมชื่อดัง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบท่องเที่ยวแบบไม่ต้องลุยมากนัก หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็มีรถสาธารณะไว้คอยบริการในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น วินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถว หรือแท็กซี่ มีความเป็นเมืองสูงมาก ทริปหน้าของคุณหากจะมาเที่ยวภาคอีสาน ลองเลี้ยวมาขอนแก่นดูสักครั้งนะคะ ปล.ทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดย เอ๋จัง ลากแตะ (ผู้เขียน)