วันนี้ไปกินอาหารแขกกับพี่ผึ้งและพี่ตู่มา เป็นความอยากกินส่วนตัวบวกกับอยากแนะนำอาหารอินเดียที่รสชาติใช้ได้ให้พี่ทั้งสองได้ลองชิมกัน ร้านอาหารอินเดียในขอนแก่นน่าจะมีไม่กี่ร้าน และที่เรารู้จักกันก็คือร้านควินนส์ ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยไปลองมาแล้วสองรอบ รสชาติผ่าน บรรยากาศปกติ (คือไม่ได้หวือหวา จัดร้านเรียบ สะอาดดี ทีเด็ดของร้านคืออาหารนี่แหละ) พี่ตู่ไปถึงก่อนแล้วแต่ยังไม่ได้สั่งอะไร น่าจะเพราะรอเรากับพี่ผึ้งช่วยตัดสินใจอยู่ พอเราไปถึงเสียเวลาขยับรถนิดหน่อยก่อนเดินเข้าร้านตามไปคนหลังสุด ...นั่งลงปุ๊บยังไม่ทันเปิดเมนูพี่ผึ้งก็สั่งไปแล้วหนึ่งจาน (เอ... แปลกแฮะ ไม่ถามแพนก่อนเหรอว่าตัวเองจะกินได้มั้ย อา.. คงได้แหละ รอดูว่าคืออะไรแล้วกัน) หลังจากเลือกสรรโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ก็ได้สั่งนานไปแล้วสองสามแผ่น ฮ่าๆ นานก็คือขนมปังของอินเดียซึ่งคนไทยติดปากเรียกเมนูหน้าตาแบบนี้ว่าโรตีเพราะคุ้นเคยกับโรตีมากกว่า มันก็ดูคล้ายๆ กันจริงๆ แหละ นานกับโรตีแตกต่างกันที่ตัวแป้ง ส่วนผสม และวิธีการ ทำให้เนื้อสัมผัสและรสชาติต่างกันไปด้วย นานทำจากแป้งไมด้า ส่วนโรตีทำจากแป้งสาลีโฮลหวีท ทำให้โรตีมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า เพราะไมด้าคือแป้งสาลีขัดขาวอย่างละเอียดที่ทำจากแกนกลางของเมล็ดข้าวสาลี ทำให้ขาดสารอาหารจากส่วนอื่นของเมล็ดข้าวไป เราจะเปรียบเทียบแป้งที่ทำโรตีว่าเป็นข้าวกล้องส่วนแป้งที่ทำนานว่าเป็นข้าวขาวแล้วกัน คุณค่าทางสารอาหารต่างกันประมาณนั้นเลย นานที่เราสั่งกันไปมื้อนี้ ได้แก่ นานธรรมดา (Plain Naan) และ นานกระเทียม (Garlic Naan) แต่เดี๋ยวก่อน เมนูแป้งยังไม่หมดเพียงแค่สองนาน เราสั่งโรตีไปอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า พารัตพาราต้า (Parat Paratha) ฮั่นแน่ งงดิ พารัตพาราต้าก็คือโรตีชั้น (นึกถึงขนมชั้นก่อนให้พอเห็นภาพ) ใส่สมุนไพรบ้างมันบดบ้างเข้าไปด้วยในแต่ละชั้นแป้งระหว่างที่นวด (นึกถึงวิธีการทำครัวซองนะ ประมาณนั้นเลย) พารัตพาราต้าก็จะมีรสชาติและกลิ่นที่ละมุน หอมเครื่องเทศและสมุนไพรที่ใส่ลงไปมากกว่านานธรรมดา สารอาหารนี่แน่นเลยล่ะ อาหารประเภทแป้งของอินเดียยังมีอีกประเภทนะ นั่นคือ “ทันดูรี” ซึ่งทำจากแป้งแบบเดียวกับนานนี่แหละแต่วิธีการจะพิเศษหน่อยเพราะต้องอบด้วยการแปะด้านข้างเตาทันดูร์ (เตาอบโอ่ง) แตกต่างจากนานที่อบด้วยเตาอบธรรมดา และโรตีที่ปิ้งบนกระทะแบนต่อด้วยเผาไฟให้สุก เมนูแป้งๆ ผ่านไปต่อมาเราจะเล่าคร่าวๆ ถึงกับข้าวอื่นๆที่จะกินกับแป้งพวกนี้แล้วกัน เมนูแรกขอพูดถึงเมนูที่พี่ผึ้งผู้ไม่กินเผ็ดสั่งก่อน นั่นก็คือ “ชิคเก้น ทิคก้า” (Chicken Tikka) แถ่นแท๊น ใครรู้จักพี่ผึ้งจะรู้ว่าพี่แกไม่กินเผ็ด เซอร์ไพรส์เลยค่ะครั้งนี้สั่งไก่ย่างรสเผ็ดไป ซึ่งไก่เผ็ดนี่ก็ทำจากไก่ (นั่นสินะจะเป็นหมูได้ไง) หมักด้วยเครื่องเทศทั้งหลายแหล่ ได้แก่ กระเทียม ขิง ผงพริก ผงมาซาล่า และน้ำมะนาว แล้วนำไปอบด้วยเตาอบทันดูร์หรือย่างไฟแบบไก่เคบับ รสชาติจะออกไปทางเนื้อไก่หมักพริก จริงๆ ไม่เผ็ดมากหรอก ใส่ผงพริกป่นแค่พอให้ได้กลิ่นหอม ร้านนี้เสิร์ฟพร้อมแตงกวาที่โรยผงพริกและบีบน้ำมะนาวลงไปหน่อย กินอร่อย เพลินๆดีค่ะ (เหมาะกับการกินเป็นกับแกล้มมาก ฮ่าๆ) ทางเราน่ะหรือสั่งชิลลี่ชิคเก้น เอ้ะ Chilli Chicken คือ “ไก่เผ็ด” นี่ มันไม่เผ็ดกว่าเมนูที่พี่ผึ้งสั่งเหรอ ไม่หรอกค่ะ ชื่อน่ากลัวแต่รสชาติน่ารัก ชิลลี่ชิคเก้นเริ่มจากหั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำ คลุกด้วยเกลือ พริกไทยดำ น้ำส้มสายชู ซอสถั่วเหลือง ไข่ขาว แป้งข้าวโพด คลุกเข้ากันแล้วก็เอาไปทอดในน้ำมันขลุกขลิก เสร็จแล้วสะเด็ดน้ำมัน ตั้งกระทะอีกกระทะหนึ่ง ผัดกระเทียม ขิง พริกเขียว หอมแดง พริกหยวก (ใส่ส่วนผสมตามลำดับเลยนะ) พอสุกแล้วใส่น้ำตาลนิดหน่อย ใส่ต้นหอมหั่นเพิ่มไปอีกเล็กน้อย ปรุงด้วยซอสถั่วเหลือง ซอสพริก เกลือ พริกไทย เติมน้ำหน่อยให้ชุ่มฉ่ำ (อ่านไปแล้วเริ่มได้กลิ่นกันหรือยังนะ เราท้องร้องแล้วเนี่ย) เติมแป้งมันที่ผสมน้ำลงไป ผัดจนข้นแล้วใส่ไก่ที่เราทอดพักไว้ลงไปได้เลย ปรุงรสเพิ่มได้ตามต้องการ ใส่ต้นหอมซอยไปอีกก่อนที่จะปิดไฟ โอ้ยยย กลิ่นนี่มาแบบถ้าใครนึกออกจะเป็นแบบไก่เกาหลีเลย รสชาติก็คล้ายกัน มีความเปรี้ยวหวานหอมมาก อาหารอีกจานที่สั่งในวันนี้นุ่มละมุนลิ้นมาก นามว่า “พาลัค พาเนียร์” (Palak Paneer) คือแกงผักโขมใส่ชีสของอินเดีย เป็นอาหารจานมังสวิรัติที่เราโปรดปรานสุดๆ ไปเลย ต้มผักโขมในน้ำที่ใส่เกลือเข้าไปนิดหน่อยให้สุกแล้วตักผักโขมออกมาแช่น้ำเย็นเพื่อหยุดกระบวนการ นำผักโขมนี้ไปปั่นละเอียดจนมีลักษณะซุปข้นแล้วพักไว้ ตั้งกระทะใส่กี(เนย) ผงขมิ้น กระเทียมสับ หอมสับ ผัดพอให้หอมสุกแล้วใส่มะเขือเทศสับ เติมผงเมล็ดผักชีป่น ผงมาซาล่า คลุกเข้ากันแล้วใส่ผักโขมลงไป เติมซอสตามใจคนทำ จากนั้นใส่คอทเทชชีสหั่นเต๋า ผัดต่อให้สุกทั่วแล้วตักใส่ถ้วย ราดครีมสวยๆหน่อย ...น้ำลายไหลแล้ว ช่วยด้วย รสชาติครีมๆ นัวด้วยเครื่องเทศและชีส กินกับนานคือฟินมากค่ะพี่น้อง จบยังไม่ได้ถ้าไม่ได้บอกว่าสั่งเครื่องดื่มอะไรไป วันนี้มีเครื่องดื่มสองแก้ว แก้วแรกคือชามาซาล่ามะนาว(คือเปลี่ยนจากชาแดงที่เรากินกันปกติเป็นชามาซาล่า) เราเพิ่งเคยกินครั้งแรก อร่อยดี เป็นชามะนาวที่มีกลิ่นเครื่องเทศมาซาล่าเบาๆ แบบเบาๆ จริงๆ อร่อยดี อีกแก้วคือ Mango Lassi ลาสซี่มะม่วง เป็นมะม่วงกับโยเกิร์ตปั่นเข้าด้วยกัน แก้วนี้ไม่แน่ใจว่าได้ใส่น้ำกุหลาบแบบที่อินเดียทำหรือเปล่า เพราะกลิ่นไม่ชัด แต่อร่อยเบาๆดี อ้าวได้เวลาจบแบบไม่ทันรู้ตัว สุดท้ายขอบอกว่าอาหารอินเดียกินง่ายนะ ลิ้นเรากับคนอินเดียไม่น่าต่างกันมากเท่าไหร่ อยากให้ไปลองกัน จะลองเมนูที่เรากินวันนี้เลยก็ได้ เพราะนี่คือเมนูแนะนำสำหรับการหัดกินอาหารอินเดียเริ่มต้นเลย ต่อไปถ้ามีโอกาสไปอีกจะแนะนำเมนูแอดวานส์ให้ดูกันเรื่อยๆนะ ควรนอนก่อนที่จะหิวมากไปกว่านี้ ขอบพระคุณทุกคนที่ทนอ่านจนบรรทัดสุดท้าย คำคมวันนี้คือ “อยากบอกเธอว่าคิดถึงนะ แยกขยะกันสักนิด” ...ใครสอนเขียนกลอน ตอบ?! ลาก่อนสวัสดีค่ะ จุ๊บๆ