หนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” เขียนโดย โรเบิร์ต คิโยซากิ นอกจากจะสร้างนักธุรกิจ และผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากมายแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง ก็พบผู้อ่านอีกกลุ่มที่ได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามเพราะพวกเขายังตีโจทย์ไม่แตก และยังหลงทางอยู่ในกับดักความคิดทางการเงินอยู่อย่างน่าเสียดายหากใครอ่าน “พ่อรวยสอนลูก” จะเห็นว่ามีหลักความคิดสำคัญๆ อยู่เพียงแค่– การทำงานนั้น เป็นไปเพื่อสร้างความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเพื่อการรับจ้างภาพจาก https://pixabay.com/ https://pixabay.com/users/dariuszsankowski-1441456/ https://pixabay.com/photos/reading-book-girl-woman-people-925589/– เราต้องเป็นเจ้าของระบบ แต่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งในระบบ เพื่อการสร้างรายได้ที่เป็น “รายได้จากทรัพย์สิน”– การสร้างรายได้จากทรัพย์สิน เป็นไปเพื่อให้เงินจากทรัพย์สินมีมากพอจนสามารถเลี้ยงดูเราได้ โดยไม่ต้องทำงาน– การดูแลเงินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการลงทุนใช้มันออกไปทำงานเพื่อสร้างเงินเพิ่มอีก *เน้นว่า “เพื่อสร้างเงินเพิ่ม”หลักแนวคิดที่เรียบง่ายและมีพลัง ซึ่งถูกใช้มาตลอดหลายยุคหลายสมัย โรเบิร์ต คิโยซากิ สังเกตเห็นและทราบถึงความสำคัญ จึงนำมาตีแผ่ให้ทุกคนบนโลกได้รับรู้ว่า “ไม่ว่าใครก็ร่ำรวยได้ ถ้ามีวิธีการคิดที่ถูกต้อง”หรือ อีกนัยหนึ่งคือ “ความรู้ และวิธีการ สำคัญมากกว่าจำนวนเงิน!”ซึ่งหากผู้อ่านท่านใดยังตีโจทย์ไม่แตก และหาทางเริ่มต้นโดยลงมือทำตามแบบลอกเขาเป๊ะๆ โดยไม่มีการประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง และเหมาะสมกับประเทศไทย ก็มักจะเจอผลลัพธ์ที่เจ็บปวดมากกว่าที่คิดที่ฝันไว้ บางคนล้มไม่เป็นท่า ขาดทุนเป็นหนี้สินมากมาย และพาลเกิดความคิดที่เป็นทางตรงกันข้ามอย่างเช่น– เรียนรู้จากงานไปโดยไม่มีค่าจ้างที่สมเหตุสมผล มันโลกสวยเกินไป– ถ้าทุกคนมีรายได้จากทรัพย์สินกันทุกคน โลกก็คงมีแต่คนขี้เกียจเต็มไปหมดแล้ว– เราจะสร้างเงินเยอะๆ ได้ ก็ต่อเมื่อเรามีทุนสูงๆเพราะอะไร ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่หลังอ่านหนังสือจบ มักมีความฝัน มีแรงบันดาลใจ มีความคิดที่อยากจะได้รับ อิสรภาพทางการเงิน แต่ก็ไม่ได้ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับคนบางคน บางท่านยิ่งอ่านยิ่งจน ยิ่งลงมือทำยิ่งจนลงไปอีกภาพจาก https://pixabay.com/illustrations/depression-depressed-forlorn-1252577/ซึ่งหากเราสังเกตกัน ผู้ที่ยังติดอยู่กับหลักความคิดจากยุคเดิม ที่ว่า ขยันเรียนหนักๆ เพื่อให้ได้เกรดดีๆ เราจะได้มีงานที่มั่นคงคำว่า “มั่นคง” ที่ถูกหล่อหลอมมายังเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดลักษณะทางความคิดของเขา ให้ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่เพื่อไม่ให้เราพลาดไปกับการแก้ปัญหาทางธุรกิจด้วยโยนเงินเข้าไปในระบบ และคาดหวังผลลัพธ์ในลักษณะ “เงินตอบแทน” ที่เหมือนจะได้มาง่ายๆ ฟรีๆ เราต้องกลับมาเน้นย้ำถึงกฎเหล็กของ “การสร้างเงิน” อีกครั้ง1. เงินทองมีอยู่ทั่วไป และมากพอสำหรับคนทุกคนบนโลกหากคุณรู้ว่า หากเราเอาเงินของทุกที่ทั่วโลกมากองรวมกัน เปรียบเทียบกับ จำนวนคนบนโลกที่มีเพียงแค่ 7.4 พันล้านคน หากหารเท่าๆ กันแล้ว เราทุกคนบนโลกนี้สามารถเป็นมหาเศรษฐีได้เลยทีเดียวสิ่งที่จะทำให้ตัวเราดูดเงินมานั้น ไม่ใช่การทำงานหนักๆ เพื่อให้เจ้านายหรือใครสักคนมาเลี้ยง แต่เป็นการที่เราทำประโยชน์ต่อคนบนโลกอย่างมากมายและคนบนโลกนี้ก็พร้อมที่จะแบ่งเงินมาให้เราเพื่อเป็นรางวัลที่เราช่วยให้เขาใช้ชีวิตได้ดีขึ้น สุขสบายมากขึ้น2. การสร้างรายได้จากทรัพย์สิน เป็นเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน“หนังสือพ่อรวยสอนลูก” พยายามเน้นย้ำมากๆ ในเรื่อง ของ “ความคิดและไอเดียในการสร้างเงิน” เมื่อเราตระหนักว่าเงินวิ่งอยู่รอบตัวเรามากมาย มันไม่ได้หมายความว่า “เราไม่ต้องทำอะไรเลย” แต่หมายความว่า “เราจะลงทุน ลงแรง และใช้วิธีการแบบไหน”ลักษณะทางความคิดที่มีต่อเงินของเรา เปรียบเหมือนช่องว่างระหว่างรูของอวนดักปลา “ยิ่งคิดและมีไอเดียเฉียบขาดเท่าไหร่ ปลาก็ยิ่งติดอวนมากขึ้นเท่านั้น”3. ทุกความคิด ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องอย่างสม่ำเสมอเหตุผลที่คนลงมือทำธุรกิจใหม่ๆ มักไปไม่ถึงฝั่งฝัน เป็นเพราะเขาไม่คอยตรวจสอบตลาด ไม่มีการวางแผน และไม่ประเมินวิธีการ หรือปรับกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอเห็นได้ว่าการลงทุนแต่ละครั้งในหนังสือ พ่อรวยสอนลูก มักถูกกำหนด ราคา ความเสี่ยง และรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ ออกมาเป็นตัวเลข ทั้งนี้ก็เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ การวางแผน และการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจเราไม่มีทางรู้ได้ว่า รถยนต์ที่เราขับ ภายในยังทำงานปกติหรือไม่ จนกว่าเราจะเปิดมันออกมาตรวจดูการที่เราไม่มีการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ออกมาเป็นตัวเลข มันไม่ต่างจากการมองรถที่จอดอยู่เฉยๆ แล้วตีความไปเองข้างเดียวว่ามันเป็น “รถที่ดี”4. การลงทุน ต้องมีแผนการทุกๆ การลงทุนที่เกิดขึ้นใน “พ่อรวยสอนลูก” เราเห็นได้ว่าการลงทุนแต่ละครั้งล้วนเกิดขึ้นจากไอเดีย และความคาดหวังในทางที่ดี แต่ยังมีอีกด้านที่เราควรใส่ใจเช่นกันการลงทุนหรือทำธุรกิจ เจ้าของต้องรู้จักวิธีการเอาตัวออกจากธุรกิจให้ได้ เขาเหล่านั้นต้องรู้จักใช้คน รู้จักการกระจายงาน มีการวางแผนในหลายๆ ระดับ ซึ่งรวมไปถึงการหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยมีแผนการถอนเงินทุนออก หรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในภายหลังไว้ล่วงหน้าก่อนลงทุนจริง“พ่อรวยสอนลูก” เน้นย้ำถึงการมองธุรกิจและการลงทุนให้ขาด ตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง และมีการวางแผนรองรับไว้ตั้งแต่ต้นก่อนที่จะลงทุนจริง และมีการสอนผ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องไปถึงการวิเคราะห์ตลาด การดูแลบัญชี การปรับกลยุทธ์ การเลือกทำเล การดูวงจรเศรษฐกิจ การเปิดบริษัทอย่างได้ผลประโยชน์ทางกฎหมายและภาษี ตลอดไปจนการช่วยปรับวิสัยทัศน์ ของผู้อ่านอีกด้วยของผู้อ่านอีกด้วยเมื่อคุณนำหลักความคิดดีๆ เหล่านี้ไปตอกย้ำให้เป็นของตนเองแล้ว คุณจะพบว่า– คุณจะต้องพัฒนาตัวเอง ทั้งทางความคิดและความเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วเมื่อคุณอยู่ในงานที่ดี โดยไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ เลยกับค่าจ้างที่ได้รับ– หลักการคิดด้านการเป็นลูกจ้างถือเป็นอีกช่องทางรายได้ ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องออกจากงานเพื่อมาฝากชีวิตไว้กับธุรกิจหรือการลงทุน ช่องทางต่างๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่คุณจะมีมากเท่าไหร่ก็ได้– การสร้างระบบ ไม่ใช่เพื่อแต่การเป็นเจ้านายตัวเอง แต่เป็นการสร้างงาน และแบ่งปันรายได้จากธุรกิจออกไปเพื่อดูแลคนที่ยังค้นหาโอกาสของตนไม่เจอ– การสร้างรายได้จากทรัพย์สินปลายทางไม่ใช่เพื่อความสะดวกสบาย แต่เพื่อให้ตัวคุณมีอิสระจนเลือกทำเฉพาะในสิ่งที่รัก และทำเพื่อสังคมได้มากขึ้น– สิ่งที่ดึงดูดเงินไม่ใช่เงิน แต่เป็น “ความคิดหรือไอเดีย” ในการทำให้เงินที่ตนถืออยู่มีอำนาจ มีมูลค่าและมีประโยชน์มากขึ้นไม่มีหนังสือใดในยุคนี้ ที่จะช่วยติดอาวุธทางความคิดด้านธุรกิจและความสำเร็จเท่า “พ่อรวยสอนลูก” อีกแล้วด้วยความปรารถนาดีเจตนิพิฐเยี่ยมชมบทความต้นฉบับ และงานเขียนเรื่องอื่นของผมได้ที่ website: https://jetkoanajombojet.wixsite.com/jetnipitt