"สิ่งศักดิ์สิทธิ์เฮงซวย" ใครได้ยินคำนี้เข้าก็ต้องอุทานตกใจว่าคนคิดหรือคนพูด ทำมันลงไปได้อย่างไร แต่หารู้ไม่ว่ามีคนอยู่จำนวนนึงคิดและพูดประโยคเหล่านี้อยู่ ใช่ครับฟังไม่ผิดมีคนพูดหรือคิดแบบนี้อยู่ โดยคนที่พูดหรือคิดประโยคเหล่านี้พวกเค้าไม่สามารถควบคุมความคิดได้ ในทางการแพทย์พวกเค้ามีแนวโน้มจะถูกวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นโรค "ย้ำคิดย้ำทำ" หรือ OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) โดยลักษณะอาการของโรค ผมขออธิบายง่ายๆ ครับ ว่าคือการทำอะไรซ้ำๆ คิดอะไรซ้ำๆ ยกตัวอย่าง ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ , ปิดเตาแก๊สซ้ำแล้วซ้ำอีก, มีปัญหากับการปิดกลอนล็อคประตู เป็นต้น โดยภาวะดังกล่าวผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมความคิดหรือพฤติกรรมได้ และร่างกายเหมือนมีแรงกระตุ้นภายในให้คิดหรือทำอะไรบางอย่างซ้ำไปซ้ำมา. โรค ย้ำคิดย้ำทำ สามารถรักษาได้โดยกินยาที่จ่ายโดยจิตแพทย์ควบคู่ไปกับการทำจิตบำบัด ส่วนมากผู้ป่วยที่รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำหมออย่างเคร่งครัดส่วนใหญ่จะหายขาดจากโรคนี้ หรือไม่ก็ยังมีอาการอยู่บ้างเป็นครั้งคราว บทความนี้ไม่ได้เชิญชวนให้ผู้ป่วยเลิกรักษาตามแนวทางแพทย์แผนปัจจุบัน แต่จะเพิ่มตัวช่วย Self Help อีกหนึ่งตัวเพื่อรักษาควบคู่กันไป Self Help ตัวนี้อยู่เคียงข้างคนไทยมากว่า 2,000 กว่าปีแล้ว นั่นก็คือ ธรรมะ นั่นเอง โดยที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่คิดค้นหนทางแห่งการดับทุกข์โดยสุดท้ายแล้วพระพุทธเจ้าทรงได้คิดค้นวิธีปฏิบัติที่ได้ผลชะงัดหรือที่เราเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆว่าเป้าหมายของการเจริญวิปัสสนาคืออะไร จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าทรง ต้องการให้ผู้ปฏิบัตินั่นมี ความรู้สึกตัว หมายความว่า ตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น นั่นคือการบริหารกำลังสตินั่นเอง การบริหารกำลังสติในชีวิตประจำวันอย่างง่าย อาจจะเป็น เมื่อไหร่ที่เรากวาดบ้าน ให้เราวางใจไปที่กิจกรรมกวาดบ้าน รู้สึกถึงมือที่ค่อยๆเคลื่อนไหว ย่างก้าวที่ค่อยๆเดิน หรือเมื่อไหร่ที่มีการเคลื่อนไหวให้ผูกใจของเราเข้าไปในกิจกรรมด้วย ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เรามีอาการ ย้ำคิดย้ำทำ ให้เราเลือกกิจกรรมที่สำคัญ ให้ปล่อยวางความคิดและสนใจกิจกรรมที่เป็นหน้าที่หลักในชีวิตต่อไป ว่าต่อไป เราต้องขับรถ ใจเราก็อยู่ที่ถนน ต่อไปเราต้องเดินไปออฟิศ ใจเราก็ผูกไปที่กิจกรรมการย่างก้าวเดิน ถ้าเราทำบ่อยๆ ทำจนเคยตัวเราจะมีสติมากขึ้น และจะไม่ค่อยหลุดเข้าไปในภวังค์ของโรต ย้ำคิดย้ำทำ หรือหลุดเข้าไปแล้วจะออกมาได้ง่ายขึ้น หากใครสนใจการบริหารสติอย่างจริงจัง สามารถดูรายละเอียดแฟนเพจของวัดป่าโสมพนัสได้ที่ลิงค์ ==> https://www.facebook.com/watsomphanas/ ขอให้ทุกคนมีสติรู้สึกตัวนะครับ. Credit รูปภาพจาก Website: www.unsplash.com