2 วัน 1 คืน ไปสัมผัสอากาศหนาว...จังหวัดชัยภูมิ ถ้าให้พูดถึงจังหวัดชัยภูมิ หลายคนก็อาจจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลายไปหมด แต่อาจจะมีอยู่บางที่ ๆ หลาย ๆ คนก็อาจจะไม่คุ้นเคย... และในครั้งที่เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับ ชายแดนของชัยภูมิ ซึ่งเราเองก็เคยไปครั้งแรกเหมือนกัน ในวันที่เราเดินทางกันนั้น อยู่ในช่วงวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2562 ช่วงหน้าหนาวพอดี และอากาศตอนนั้นเหมาะเจาะพอดีเลยอุณหภูมิลดต่ำมากเลยทีเดียว เช่นเคยเราเดินทางด้วยรถส่วนตัวจากจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เพื่อไปที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ และนี่ก็ใกล้จะถึงอำเภอคอนสารกันแล้วภาพถ่ายภูเขาผ่านกระจกรถยนต์ของเราเอง... อำเภอคอนสาร อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 125 กิโลเมตร และเมื่อเทียบกับการเดินทางไปอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่นนั้น มันใกล้กว่ากันเยอะมาก ประชาชนที่นี่จึงนิยมไปทำธุระ ซื้อของ รวมถึงไปโรงพยาบาลที่ขอนแก่นกันซะมากกว่า สำหรับอำเภอคอนสารนั้น มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอน้ำหนาว(จังหวัดเพชรบูรณ์) และอำเภอภูผาม่าน (จังหวัดขอนแก่น) ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอชุมแพ(จังหวัดขอนแก่น) ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอภูเขียว อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอหนองบัวแดง ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และอำเภอหล่มสัก(จังหวัดเพชรบูรณ์) และนี่คือที่มาที่ไปของการมาเที่ยวของเราครั้งนี้ค่ะ โดยที่เมื่อเรามาถึงก็เข้าที่พักกันค่ะ เป็นบ้านของหนึ่งในสมาชิกในทริปของเรานี่เอง โดยเรามาถึงประมาณ 16.00 น. ก็ทำการนั่งพักผ่อนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเราจึงขึ้นรถและเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่อำเภอน้ำหนาวกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีได้ค่ะ จากบ้านที่เราพักอยู่กัน เส้นทางระหว่างขับไปนั้นเป็นเขาและทางชันคดเคี้ยวอยู่พอได้ แต่ก็เป็นช่วง ๆ ค่ะ ในจุดที่เราจะไปกันนี้เรียกว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินและก็จะมีนักท่องเที่ยวบางส่วน มากางเต้นท์นอนด้วยค่ะ และนี้ก็คือ...อำเภอน้ำหนาวจังหวัดเพชรบูรณ์ เรียกได้ว่าขับรถมาแป๊บเดียวข้ามจังหวัดมาซะแล้วค่ะ จุดชมพระอาทิตย์ตกที่น้ำหนาว เนื่องด้วยว่าเป็นหน้าหนาวที่ล้อมไปด้วยเขา และยังอยู่บนเขาด้วยในวันที่เราไปกันนี้ ช่วงเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ 22-23 องศาได้ค่ะ คือหนาวจริงๆค่ะ บริเวณจุดชมวิวจะมีต้นไม้แบบนี้อยู่รอบ ๆ ค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าต้นอะไรแต่ได้ฟิวเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยนะคะ เพราะในจุดที่เรามากันนี้ นอกจากจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินกันแล้ว เรายังสามารถมองเห็นเขา ที่เรียกได้ว่าเป็น ฟูจิเมืองไทย ได้ด้วยนะคะ ต้นไม้นี้ก็เลยจะเข้ากับบรรยากาศพอดีเลยค่ะ และภาพด้านบนนี่ค่ะ คือฟูจิเมืองไทยที่เราพูดถึงกัน บรรยากาศที่นี่ช่วงเย็น มีทั้งลมหนาว และนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์กันหลายคนเลย และช่วงค่ำ ๆ หน่อยอาจจะเริ่มไม่มีไฟแล้วค่ะ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นเอง ทำให้เราอาจจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ได้สัมผัสบรรยากาศกับวิวสวย ๆ ก็ชื่นใจมากค่ะ หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดินกับบรรยากาศหนาว ๆ เย็น ๆ เราก็เดินทางกลับบ้านพักเพื่อรับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อตื่นเวลา 05.00 น. เราจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและสัมผัสหมอกกันที่ เขื่อนจุฬาภรณ์ค่ะ อยากจะบอกว่าช่วงกลางคืนของที่นี่หนาวจริงจังมากค่ะ 10 องศากันเลยทีเดียวนอนหลับแบบฟิน ๆ โดยไม่มีแอร์หรือพัดลมใดใดทั้งสิ้นค๊า เมื่อถึงเวลาต้องตื่นเราก็ต้องทำเวลาค่ะเพราะต้องเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชม.เลยทีเดียวกว่าจะถึงเขื่อน เมื่อเราเตรียมตัวเสร็จก็ไม่ลืมที่จะพกข้าวเหนียวร้อน ๆ ไปด้วยค่ะมันคืออาหารชั้นดีของหน้าหนาวเลยทีเดียว ทางไปเขื่อนจะออกตำบลที่เราพักกันค่ะ คือทุ่งนาเลา ส่วนเขื่อนจุฬาภรณ์นั้นอยู่ตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอคอนสารเช่นกันค่ะ ทางที่ขับรถไปทางชันไม่มากค่ะ ขับไปได้สบาย ๆ เลย ในระหว่างเส้นทางที่ขับขึ้นเขื่อนนั้น เราจะเจอกับจุดชมวิวก่อนค่ะ ซึ่งจุดนี้จะมองเห็นหมอกสวยมากและอากาศที่เย็นสบาย เหมือนอยู่เชียงใหม่เลยค่ะ อันที่จริงจุดชมวิวตรงนี้จะมีตลาดเล็ก ๆ ขายของกินและของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เค้าจะมากันช่วงสาย ๆ ค่ะ เราเลยไม่ได้เห็นบรรยากาศของตลาดกันเลยเพราะเรามาเช้ากันมาก อีกอย่างจุดนี้มองเห็น ฟูจิเมืองไทยด้วยนะคะ ด้านหลังของเรานั่นเองค่ะ สวยสุดๆ ไปเลย และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายของเราค่ะ เขื่อนจุฬาภรณ์ ในวันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวที่มาชมบรรยากาศในตอนเช้าเหมือนเราค่อนข้างหลายคนค่ะ แต่ไม่ได้ดูวุ่นวายอะไรเพราะพื้นที่ของเขื่อนเยอะมาก และสามารถเก็บภาพ บรรยากาศได้เต็มที่เลยค่ะ ไม่คิดว่าเขื่อนในหน้าหนาวจะให้ความรู้สึกสดชื่นและเต็มอิ่มของธรรมชาติขนาดนี้ ดีมากค่ะ ในส่วนของเขื่อนถ้ามองไปรอบๆจะเห็นเป็นภูเขาสีเขียว ล้อมรอบแม่น้ำที่มีหมอกเบาๆ ลอยอยู่ ในช่วงที่อากาศเย็นประมาณ 10 องศา มันฟินมาก ๆ เลยค่ะ อยากอยู่สูดอากาศไปนาน ๆ เลยทีเดียว บริเวณที่เรายืนอยู่กันคือบริเวณสันเขื่อนค่ะ เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด สามารถมองเห็นทั้งสองฝั่งที่เป็นแม่น้ำมองไปไกลสุดสายตา กับฝั่งตรงข้ามที่มองเห็นเขาสีเขียวชัดเจนอยู่ใกล้เรา ในจุดสันเขื่อนตรงนี้ รถยนต์สามารถขับผ่านได้ค่ะ เราก็ขับรถมาจอดที่ริมถนนบนสันเขื่อนและชมบรรยากาศกันมันเป็นการบันทึกการเดินทางที่น่าประทับใจอีกที่เลยค่ะ ชมวิวกันเสร็จแล้ว ขับรถต่อมาอีกไม่ไกลเลยค่ะ จุดนี้ช่วงกลางวันหรือสาย ๆ หน่อยจะมีเป็นร้านอาหารมาขายอาหารให้แก่ผู้ที่มาเที่ยวค่ะ แต่เรามากันเช้าไปหน่อย อาหารมื้อเช้าของเราก็เป็นข้าวเหนียวร้อน ๆ กับไก่ย่าง ที่เราพกมากันนี่หละค่ะ ได้นั่งกินข้าวกับบรรยากาศเขื่อน บนลานสนามหญ้ามีความสุขไปอีกแบบค่ะ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ กลับมาที่ตำบลทุ่งนาเลาเหมือนเดิมค่ะ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องน้ำตก และน้ำผุดธรรมชาติหลายที่เลยค่ะ เราจะไปเที่ยวใกล้ ๆ กันก่อนละกันนะคะ และที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ น้ำผุดนาเลาค่ะ เรียกได้ว่าถ้าเป็นหน้าร้อนที่นี่จะเป็นแหล่งพักผ่อนที่คนมาเยอะมาก ๆ อีกหนึ่งที่เลยหละค่ะ เป็นบ่อน้ำธรรมชาติที่ใสและสะอาดมากจริง ๆ ค่ะ ที่นี่จะมีสะพานไม้สวย ๆ และสวนดอกไม้เล็ก ๆ ให้ได้ถ่ายภาพกันด้วยนะคะ น้ำลงเล่นได้นะคะเพียงแต่ช่วงนี้ประมาณ 24-25 องศาเลยไม่มีใครสนใจบ่อน้ำผุดเอาซะเลยค่ะเอกลักษณ์ของที่นี่คือ ความสงบร่มรื่นที่น่าพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุดเลยค่ะ ถัดมานะคะ นี่ก็เป็นน้ำผุดขึ้นชื่ออีกที่เหมือนกันค่ะ เรียกว่า น้ำผุดทัพลาวค่ะ ที่นี่จะมีขนาดใหญ่และกว้างกว่าที่นาเลาค่ะ คนจึงนิยมมาที่นี่เยอะกว่า รวมทั้งมีอาหารเพียบร้านค้าเรียงยาวเป็นแถวให้ทุกท่านที่มาเล่นน้ำกัน ได้กินแบบไม่ขาดสายแถมราคาก็ไม่แพงด้วยค่ะ แต่ถ้าต้องการบรรยากาศเงียบสงบอาจจะยากนิดนึงค่ะเพราะที่นี่คนมาตลอดเลย แต่ต้องยอมรับความเป็นธรรมชาติจริง ๆ ค่ะ น้ำใสเย็นมาก สะอาดด้วย คือถ้าไม่ติดที่อากาศหนาวก็อยากจะลงไปแช่น้ำบ้างเหมือนกันค่ะ รอบ ๆ ของน้ำผุดก็จะมีต้นไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติให้ร่มเงาอยู่ตลอด รวมถึงมีสะพานทอดยาวตามทางไปเรื่อยๆ ให้เราเดินหาจุดเล่นน้ำกันได้ตามสะดวกเลยค่ะ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ธรรมชาติทุกที่ล้วนสวยงามแตกต่างกันไป และให้ความรู้สึกแตกต่างกันทุกครั้งที่เราไปเยือน เราเองเมื่อได้รับความสุขจากธรรมชาติแล้ว ก็ต้องตอบแทนธรรมชาติด้วยอย่างน้อยก็รักษาความสะอาดในทุก ๆ สถานที่ที่เราไป ให้ธรรมชาติได้อยู่กับเราไปนาน ๆ นะคะ ไว้มาเจอกันใหม่ค่ะ ธรรมชาติบำบัด (ภาพทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียนค่ะ)