อื่นๆ

แมนชั่นสยอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
แมนชั่นสยอง

ขอบคุณรูปภาพจาก https://freerangestock.com/photos/36203/dark-tunnel.html

ครืด… ครืด...

กึก...กึก...กึก...

เสียงเหมือนวัตถุถูกลากผ่านพื้นหน้าห้องไปพร้อมกับเสียงของฝีเท้ากระทบกับพื้นอย่างเป็นจังหวะจะโคน สม่ำเสมอ ไม่ช้า และไม่เร็ว

ท่ามกลางความเงียบสงัดของรัตติกาล

พลอย...  หญิงสาววัยเบญจเพส  นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ความรีบเร่งของงาน ทำให้แทบไม่ได้สนใจกับเสียงอื่นใด  เพราะรู้ดีตั้งแต่เมื่อหิ้วข้าวของเข้ามาเช่าพักที่แมนชั่นแห่งนี้ว่า  ที่นี่ค่อนข้างพลุกพล่านอยู่ ค่าที่มันเป็นสถานที่เช่าพักอาศัยราคาค่อนข้างต่ำ จึงไม่ได้มีกฎระเบียบและการดูแลเคร่งครัดเท่าไรนัก

หญิงสาวตั้งใจพักอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ที่เลือกแมนชั่นนี้ เพราะมันอยู่ใกล้ที่ทำงานแห่งใหม่ของหล่อนที่สุดก็เท่านั้น

พลอยเป็นนักการบัญชีระดับมีใบอนุญาตผู้ตรวจสอบบัญชี ในวัย 25 ปี หล่อนมีเงินเดือนและรายได้พิเศษค่อนข้างมาก  แต่ก็ด้วยวิสัยของนักการเงิน  ไม่เพียงละเอียดลออทั้งในเรื่องตัวเลขการเงินของลูกค้า  หากยังมีอิทธิพลต่อการใช้เงินของตัวเองด้วย

Advertisement

Advertisement

หญิงสาวไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย ออกจากยากจน ได้อาศัยทุนกู้เรียนของรัฐบาลเรียนจนจบปริญญาตรี   ในระหว่างเรียนก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเที่ยวเล่นเหมือนเช่นเพื่อนๆ หญิงสาวใช้เวลาว่างรับงานพิเศษทำไปด้วย จนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต

การรู้จักทำงานตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา จึงทำให้พลอยมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว  จะว่าไปก็เป็นเรื่องดี  แต่ในอีกแง่หนึ่ง  มันทำให้เรื่องบางเรื่องหายไปเหมือนกัน  เช่นหล่อนไม่เคยมีแฟน  ไม่มีเพื่อนชายมาให้ความสนใจเป็นพิเศษ

บางครั้ง พลอยรู้สึกเหงาเหมือนกัน  มันเป็นบางช่วงบางเวลาของอารมณ์  แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในสภาพแบบนั้นอย่างยาวนาน  หล่อนต้องรีบหางานทำ  เพื่อดับความคิดฟุ้งซ่าน  ในที่สุดก็กลายเป็นความเคยชิน

ไม่มีแฟน เพื่อนก็น้อย การสื่อสารกับคนอื่นเริ่มน้อยลงตาม ในขณะเดียวกัน ตัวเลขในบัญชีเงินฝากประจำของพลอยก็ทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

Advertisement

Advertisement

หญิงสาวตั้งใจเอาไว้ว่า วันหนึ่งหล่อนจะหยุดทำงาน ใช้ชีวิตเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก เพื่อให้กำไรกับชีวิต แต่คงต้องหลังจากที่หล่อนซื้อบ้านหลังเล็กๆสำหรับกลับไปใช้ชีวิตในบั้นปลาย

ชีวิตของคนคนหนึ่ง คงไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว

พลอยเลิกคิดถึงเรื่องชีวิตคู่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นเพราะได้เห็นความทุกข์ของเพื่อนบางคน

ทุกข์จากการมีคู่

ทุกข์จากการต้องรับเอาชีวิตของอีกคนเข้ามาเกี่ยวข้อง และถ้าหากมีชีวิตเล็กๆเกิดขึ้นอีก ก็ต้องรับผิดชอบไม่รู้จักจบสิ้น

ณ  เวลานี้จึงคิดเพียงเรื่องงานเท่านั้น งานที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีไปอย่าง ด้วยว่ามันเกี่ยวข้องกับตัวเลข จึงจำเป็นต้องเพ่ง จิตจดจ่ออยู่กับความเปลี่ยนแปลงของตัวเลขกระทั่งใจไม่มีโอกาสวอกแวกไปเรื่องอื่นโดยอัตโนมัติ

กว่าค่อนคืนเข้าไปแล้ว...

Advertisement

Advertisement

พลอยจึงเสร็จงาน นาทีนั้นเอง หล่อนจึงรับรู้ว่ามีเสียงบางอย่างดังอยู่ภายนอกห้อง เป็นเสียงฝีเท้าย่ำเป็นจังหวะ

ยิ่งตั้งใจฟัง ก็ยิ่งรู้สึกว่าเสียงนั้นดังขึ้น... ดังแรงขึ้น...

ครืด... ครืด...

เสียงอะไรอีกน่ะ หญิงสาวขมวดคิ้ว ขยับเก้าอี้ออกห่างแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู เสียงฝีเท้าและเสียงเหมือนกับคนลากวัตถุได้ผ่านหน้าห้องของหล่อนไปแล้ว  จึงถอดกลอน  แง้มประตูออก  ยื่นหน้าออกไปดู

แต่พลอยก็แทบผงะกับกลิ่นคาวเหมือนเลือด ไม่ใช่...  ไม่ใช่เหมือน  นั่นคือกลิ่นเลือดสดๆจริงๆ  คุณพระช่วย  บนพื้นห้อง  มันคือร่องรอยของเลือดที่ถูกลากผ่าน คล้ายกับใช้พู่กันขนาดใหญ่จุ่มสีแล้วปาดผ่านไปบนพื้นนั่นเอง

แล้วภาพที่หล่อนมองเห็น.... มีคนกำลังลากร่างของคนจริงๆ!

พลอยรีบล็อกประตู กุมอก เพราะหัวใจของหล่อนกำลังกระตุกเต้นแทบกระดอนออกมานอกโพรงอก

ฉับพลัน เสียงฝีเท้าก็ย้อนกลับมา และผ่านหน้าห้องของพลอยไปอีก คราวนี้ได้ยินเสียงกระแทกประตูห้อง  เป็นห้องที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับห้องของหล่อน  ห่างไม่เกิน 3 ห้องถัดไป เสียงโครมคราม เสียงกรีดร้อง และเสียงเหมือนกับวัตถุกระหน่ำตีบนร่างของผู้ส่งเสียงร้องโหยหวน

พลอยตัวสั่นเทา เหงื่อกาฬทะลักออกมาทุกรูขุมขน ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หล่อนเริ่มคิด แต่เจ้าความคิดดูจะน้อยกว่าความตื่นตระหนก

เสียงฝีเท้าก้าวผ่านหน้าห้องของหล่อนไปอีกแล้ว  พร้อมกับเสียงลากดังครืดๆนั่น  มันจะเป็นอื่นไปไม่ได้   นั่นคือเสียงคนลากศพ พลอยเข่าอ่อน ไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้ ยามนี้หัวสมองตื้อตัน คิดหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้

หญิงสาวรู้เพียงอย่างเดียวว่า หล่อนยังไม่อยากตาย โดยเฉพาะต้องตายในสภาพสยดสยองด้วยการถูกฆาตกรรม

หล่อนหวนคิดถึงช่วงเวลาที่หอบหิ้วของเข้ามาขอเช่าห้อง...

จริงสินะ ตอนนั้นหล่อนเองก็รู้สึกว่าที่นี่ค่อนข้างพิลึกอย่างไรอยู่

ยังจำได้  กระทั่งแววตาของผู้จัดการแมนชั่น เขาเป็นชายวัยประมาณ 50 ปีหรืออาจจะน้อยกว่า แต่ความที่มีโครงร่างสูงใหญ่ จึงดูแก่มากกว่าอายุจริง น้ำเสียงแรกทักทายของเขา คล้ายกับไม่ได้ให้ความสนใจหล่อนเท่าใดนัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร  เนื่องจากหล่อนเป็นคนเรียบๆ ไม่มีอะไรเป็นที่สะดุดตาเลย

“ทำไมคุณเลือกมาพักที่นี่ล่ะครับ?”

ผู้จัดการถามอย่างนี้ พลอยไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นการชวนคุยธรรมดา จึงตอบกลับไปว่า

“ใกล้ที่ทำงานค่ะ”

“งั้นหรือครับ”

หล่อนเริ่มสะกิดใจ ย้อนถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

รอยยิ้มชนิดหนึ่งผุดขึ้นที่มุมปากของผู้จัดการร่างใหญ่ ดวงตาของเขาดูวาวโรจน์ประหลาด แต่พลอยคงไม่ได้สังเกต

หลังจากเข้าพักหลายวัน วันหนึ่งขากลับจากที่ทำงาน  พลอยแวะซื้อของใช้จำเป็นในมินิมาร์ทเล็กๆที่อยู่ตรงกันข้ามกับแมนชั่น   เจ้าของมินิมาร์ทคงเห็นว่าหล่อนแปลกหน้า  จึงถามด้วยคำถามคล้ายๆกับผู้จัดการแมนชั่น

“คุณเช่าห้องแมนชั่นนั่นอยู่หรือคะ?”

“ค่ะ  ใช่ค่ะ” จำได้ว่าหญิงสาวได้ตอบไปเช่นนั้น “มันใกล้ที่ทำงานน่ะค่ะ  ก็เลยเลือกจะพักที่นี่  มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ?”

“เอ้อ...เปล่าหรอกค่ะ”

เจ้าของมินิมาร์ทตอบปฏิเสธอีกแล้ว  แต่สีหน้าและแววตาตรงกันข้าม  คล้ายๆกับรู้ว่าภายในมินิมาร์ทมีอะไรบางอย่างผิดปกติ

พลอยเริ่มสะกิดใจเมื่อถูกถามด้วยคำถามที่มีความหมายประมาณว่า  เหตุใดจึงต้องเลือกพักที่แมนชั่นนี้  เพียงแต่พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านดังกล่าวทิ้งไป  เนื่องจากบริษัทได้โยนงานตรวจสอบบัญชีที่กำลังมีปัญหาของบริษัทลูกมาให้หล่อนตรวจสอบ  งานนี้จำเป็นต้องทุ่มเทจดจ่ออยู่กับมัน   หล่อนจึงไม่อยากเก็บเอาเรื่องไร้สาระมาคิด

มันคงเป็นเรื่องปกติของแมนชั่น  เห็นผู้คนพลุกพล่านก็จริง  แต่ส่วนใหญ่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน  กลับจากที่ทำงานก็เข้าไปอยู่ห้องใครห้องมัน

พลอยเองนับตั้งแต่เข้ามาพักก็แทบไม่ได้เห็นหน้าใคร  นอกจากตัวผู้จัดการแมนชั่นร่างใหญ่คนนั้น  และหล่อนก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับเขาอีก   กลับจากที่ทำงานก็ทิ้งร่างนอนบนเตียงหลับเป็นตายจนหายเหนื่อย  หลับสักงีบจึงลุกขึ้น  อุ่นกับข้าวทาน  อาบน้ำแล้วเริ่มต้นทำงานที่คั่งค้างอยู่ต่อไป   ดังเช่นคืนนี้

แต่คืนนี้...  มันเกิดเหตุการณ์บ้าๆอะไรกันแน่

เสียงฝีเท้าเดินย้อนกลับมาอีกครั้งแล้ว  คราวนี้จังหวะก้าวช้าลง  เมื่อใกล้ถึงหน้าห้องของหล่อน  และแล้ว...เสียงฝีเท้าก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของหล่อนจริงๆ

พลอยเอามือกุมอก  หัวใจกระตุกเต้นรุนแรง  หน่วยตาเบิ่งกว้าง  ร่างกายสั่นเทา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้สึกว่าประตูห้องกำลังถูกเขย่า

พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วยเถอะ!

เสียงเขย่าประตูโครมคราม  หญิงสาวรู้สึกถึงภาวะอันตราย  ซึ่งเกิดจากใครก็ไม่รู้  กำลังจะบุกเข้ามาเอาชีวิตของหล่อน  ยามนี้ไม่มีใครช่วยได้  ตนเป็นที่พึ่งของตน

หล่อนเหลือบมองที่ประตูนิดหนึ่ง  เห็นกลอนงอ  ประตูแง้ม  มันกำลังจะถูกงัดเปิดออกโดยบุคคลที่อยู่ข้างนอก

พลอยผวาเข้าไปคว้าโคมไฟ    มันเป็นโคมไฟเหล็ก  ส่วนแป้นของมันเป็นเหล็กกลมหนา  สามารถใช้ต่างอาวุธได้ดีที่สุดในยามนี้  เมื่อโคมไฟถูกกระชากมากะทันหัน  ห้องก็มืดลง  มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามา

ความกล้าหาญไม่รู้มาจากไหน  ทำให้พลอยสามารถยืนจังก้า  พร้อมที่จะฟาดโคมไฟในมือใส่ไอ้คนที่กำลังจะงัดประตู

ในที่สุด  เสียงดังโครม  ประตูถูกเปิดออก  พลอยเบิ่งตากว้าง  มองเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่ถือขวานเล่มใหญ่อยู่ในมือ

เห็นแวบแรก  พลอยก็จำได้ว่า  ผู้ชายคนนี้คือผู้จัดการแมนชั่น

หล่อนได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาด  เสียงคำรามไม่เป็นภาษาดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา   กลิ่นคาวเลือดสดๆกระแทกจมูกของหญิงสาว

“ฮึ่มส์!”

พลอยร้องสุดเสียงสังข์  ขณะเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่ชายร่างใหญ่ผู้ถือขวานอยู่ในมือ  พร้อมฟาดแป้นเหล็กของโคมไฟเข้าใส่ร่างนั้นสุดแรง  หล่อนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโดนหรือเปล่า  ที่แน่ๆร่างนั้นเซถอยหลัง  ได้ยินเสียงร้องโอ้ย

จังหวะนั้น  พลอยขยับจะวิ่งหนี  แต่ไม่พ้นอยู่ดี  ร่างของหล่อนกระเด็นหวือจากพื้นหล่นบนเตียงนอนพอดี

เจ้าของร่างสูงใหญ่ส่งเสียงคำราม  พร้อมย่างสามขุมเข้าไปหา  ขวานในมือถูกเงื้อขึ้นสูง

หน่วยตาของพลอยเบิ่งกว้าง  กรีดร้องออกมาสุดเสียง

“กรี๊ดดดดด!”

ฉับ!

เลือดปนมันสมองกระฉูด  เพราะว่า...คมขวานผ่าซีกกลางศีรษะของพลอยพอดิบพอดี!

ในที่สุด  ศพของหญิงสาวก็ถูกลากออกจากห้อง...

กึก...กึก...กึก...

เสียงฝีเท้าของชายร่างสูงใหญ่ ผู้ถือขวานเป็นอาวุธ

ครืด....

และ ครืด...

เสียงศพที่ครูดไปกับพื้นของแมนชั่น    เลือดไหลตามเป็นทางยาว

***********

บ่ายคล้อยของอีกหลายเดือนต่อมา

สามีภรรยาคู่หนึ่งหิ้วกระเป๋าเดินเข้ามาในแมนชั่น   ฝ่ายชายมองเห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งจึงเดินเข้าไปหา

เจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นหันมา  รอยยิ้มมีเลศนัยผุดขึ้นที่มุมปากของเขา

“ผมเป็นผู้จัดการแมนชั่นนี้ครับ...  ต้องการห้องพักหรือครับ...  ว่างครับ”

ผู้จัดการแมนชั่นพาผู้เช่าคู่สามีภรรยารายใหม่เข้าพักเรียบร้อยแล้ว  ได้ย้อนกลับเข้ามาภายในห้องของตัวเอง

ที่ผนัง...

ขวานเล่มใหญ่เล่มหนึ่งวางพิงอยู่...ดาบยาวเฟื้อย 2 เล่มแขวนพาดเป็นเครื่องหมายกากบาท...  มีกระดานไวท์บอร์ดเขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดง  หรือที่จริงมันคล้ายกับเขียนด้วยเลือดมากกว่า  เพราะสีของมันดูสดดิบเหลือเกิน

เป็นรายชื่อของผู้เข้ามาพักที่นี่  รายก่อนหน้านี้ก็คือ  พลอย  สักกะวงษ์!

“ฮะๆๆ... ฮะๆๆ!”

เสียงหัวเราะกระหึ่มดังเล็ดลอดออกมาจากห้องของผู้จัดการแมนชั่น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์