เป็นคนชอบวิ่ง และซ้อมอย่างค่อนข้างเป็นระบบติดต่อกันมาประมาณ 4 ปี เคยเริ่มต้นการวิ่งเหมือนกับนักวิ่งหน้าใหม่ทั่วไป แค่ 5 กิโลเมตรยังเหนื่อยปางตาย 10 กิโลเมตรคือไม่กล้าฝัน เริ่มต้นวิ่งจริงจังขึ้นเพราะหมอไมเกรนสนับสนุนให้เล่นกีฬา รักษาต่อเนื่องมา 2 ปีจนหาย ก็ยังคงวิ่งต่อ เพราะรู้สึกดีกับสังคมนักวิ่งที่ได้เจอเกือบทุกวันหลังเลิกงาน จากการวิ่งเพื่อสุขภาพ จึงค่อยๆ กลายเป็นการทำสถิติให้เร็วขึ้น จาก 10 กิโลเมตรใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งในปีแรก ก็กลายเป็น 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 60 นาทีในปีถัดมา เห็นด้วยที่มีคนบอกว่า การวิ่ง 10 กิโลเมตรใน 60 นาที ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าซ้อมสม่ำเสมอ นักวิ่งทำได้ทุกคน แต่หลังจากนั้น ถ้าอยากเร็วขึ้นอีก ต้องตั้งใจมากกว่านั้นอีก สม่ำเสมอกว่านั้นอีก กายพร้อม ใจก็ต้องพร้อม เพราะต้องวิ่งในความเร็วที่ไม่เคยทำได้ต่อเนื่องกันเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปีที่แล้วเคยตั้งเป้าจะทำลายสถิติ 10 กิโลเมตรของตัวเองให้ได้ในงาน CAT10K จากสถิติเดิม 58.40 นาที ก็ทำได้เร็วขึ้น 3 วินาที ในสภาพที่ยอมรับว่าเหนื่อยปางตายมาก ทั้งที่ซ้อมหนัก ตั้งใจ แต่ก็ยังไม่พ้นกับดัก 58 นาทีสักที จนยอมรับว่าเริ่มท้อใจ ปีนี้เริ่มต้นปีก็ไม่มีแพสชั่นไปแข่ง 10 กิโลเมตรอีก จนกระทั่งเพื่อนที่ซ้อมด้วยกันชวนไปบุรีรัมย์มาราธอน งานวิ่งซึ่งเราปฏิเสธเมื่อปีที่ผ่านมา เพราะไม่สะดวกจะขับรถไกลๆ แต่ก็รับปากไปว่าจะลองดูว่าจะหาเบอร์วิ่งได้ไหม ปรากฏว่าหาได้สำหรับเราและเพื่อนครบ 3 คน การล่าฝันที่บุรีรัมย์จึงเริ่มขึ้น สัปดาห์ก่อนแข่ง มีการซ้อมค่อนข้างดี มีการลงคอร์ท 2 วัน คืออังคาร และพฤหัสบดี ในความเร็วที่ดีพอสมควร ถึงวันแข่งสภาพร่างกายพร้อม ไม่มีเจ็บปวดตรงไหน บุรีรัมย์ปีนี้อากาศสดชื่นประมาณ 22 องศา การบริหารจัดการดีมาก นักวิ่งที่ต้องการทำความเร็วถูกจัดอยู่ในบล็อกที่แยกออกมาจากนักวิ่งทั่วไป ทำให้ออกตัวได้สบายมาก ไม่ต้องเบียดคนที่ช้ากว่า เมื่ออกตัวกิโลเมตรแรกได้ดี กิโลเมตรต่อไปก็มักจะดีตามไปด้วย สเตชั่นน้ำถูกจัดไว้ในระยะทุก 2 กิโลเมตรพอดีไม่ขาดไม่เกิน ได้เติมน้ำทุกสเตชั่น ท่ามกลางบรรยากาศกองเชียร์ที่คึกคักมาก วิ่งซอยเท้าตามจังหวะเพลงแบบไม่เครียดตลอดเส้นทาง มองดูนาฬิกาตัวเอง ช่วงผ่านครึ่งทางก็รู้แล้วว่าทำได้ดีมาก ใช้เวลาไปยังไม่ถึง 28 นาที การทำสถิติใหม่จะไม่ไกลเกินฝัน ถ้าคุมเวลาและรอบขาได้ อย่ากดดัน เราไม่ได้แข่งกับใครที่งานนี้ เรามาเพื่อทำลายกำแพงของตัวเราเอง ใช้สมาธิกับครึ่งทางที่เหลืออย่างมาก จนถึงเนินสุดท้ายก็ไม่ได้เบาความเร็วลง และรู้ว่าตอนลงเนินเวลาจะดีขึ้นได้อีก ซึ่งเส้นทางของ 10 กิโลเมตรที่สนามนี้ เอื้อให้กับการทำสถิติอย่างมากอยู่แล้ว เพราะลงเนินมาประมาณ 1 กิโลเมตรก็เข้าเส้นชัย และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อขึ้นบนพรม เหลืออีกไม่กี่สิบเมตรสุดท้าย ยังเหลือแรงให้เข้าเส้นชัยได้ไวขึ้น นาฬิกาบนเส้นชัยบอกเวลาใกล้ 56 นาที และสิ่งเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น กับการวิ่งจบ 10 กิโลเมตรด้วยเวลา 55.55 วินาที หัวเราะด้วยความดีใจให้กับตัวเอง การวิ่ง 10 กิโลเมตรได้ดีที่สุดในชีวิตครั้งนี้ มีคนอยู่ข้างหลังคอยให้กำลังใจมากมาย หลายคนที่เชื่อมั่นในสิ่งที่เราไม่เคยเชื่อมั่นในตัวเองด้วยซ้ำ ผลักดันให้เราไปต่อบนเส้นทางนี้ได้ เพราะ 10 กิโลเมตรไม่เคยง่ายสำหรับใคร ความเร็วนี้อาจง่ายสำหรับบางคน แต่คนเก่งหลายคนก็เคยเหนื่อยมากกับความเร็วนี้กว่าจะวิ่งเร็วขึ้นได้อีกในวันถัดมา สุดท้ายความสำเร็จก็คือรางวัลของคนที่ตั้งใจ ไม่มีใครภาคภูมิใจเท่าตัวเราที่รู้ว่าได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว เก็บเรื่องเหลือเชื่อในบุรีรัมย์มาราธอนปีนี้ไว้ เพื่อผลักดันตัวเองให้พยายามให้ดีขึ้นต่อไป “บุรีรัมย์ มาราธอน 2020” ครั้งนี้ จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่เป็นการจัดมาราธอนเกรด “บรอนซ์ เลเบิล” มาตรฐานโลก แห่งแรกของประเทศไทย ขอบคุณภาพจากเพจบุรีรัมย์มาราธอน