อื่นๆ

ศพแช่เย็น

112
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ศพแช่เย็น

ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay

“ขณะยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า เมื่อสิ้นชีพไปแล้ว จะยังคงสามารถรับรู้ได้หรือไม่ว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต จะเคว้งคว้างสักแค่ไหน โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังไม่ถึงที่ตาย...”

หญิงสาวค้างข้อความในนิตยสารเล่มหนึ่งเอาไว้

ขณะที่ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาโอบกอดเธอจากเบื้องหลังแล้วซุกจมูกคมเข้าที่ต้นคอของเธอ

“อ่านหนังสือผีอีกแล้วนะ”

“ปลดปล่อยดีค่ะ”

หญิงสาวตอบตามตรง

“เรื่องผีเนี่ยนะ” ชายหนุ่มทำหน้าพิกล จริงอยู่ว่าเขาเห็นเธอเป็นคอหนังเรื่องภูตผีหรือสยองขวัญ แม้กระทั่งการอ่านก็ยังคงมีรสนิยมในทางนี้เหมือนกัน

“ค่ะ ทำยังกะไม่เคยเห็น”

“จริงสินะ ตั้งแต่เป็นแฟนกันมา เห็นชอบแต่เรื่องพวกนี้”

“มันเป็นอีกจินตนาการหนึ่งค่ะ”

“น่ากลัวออก”

“คนน่ากลัวที่สุดค่ะ” หญิงสาวตอบ “จริง ๆ นะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับมนุษย์ด้วยกันอีกแล้ว”

Advertisement

Advertisement

“จริงนะ”

“ผมก็คนเหมือนกัน คุณไม่กลัวหรือ”

“เรื่องอะไรจะกลัวล่ะคะ”

หญิงสาวหัวเราะคิก เมื่อเขาเริ่มซุกซน หลังจากนั้นทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปตามประสาคู่รัก  เธอทำงานอยู่ในโรงพยาบาลประจำตำบล หรือสถานีอนามัยเดิมตั้งแต่เพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว

ความรักของเธอกับเขาได้ก่อเกิดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม

เขายังไม่ได้รับราชการเหมือนเธอ เพราะเมื่อเรียนจบมัธยม เขาเลือกที่จะออกมาช่วยกิจการของครอบครัว เพราะที่บ้านเหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ต้องรับช่วงสืบทอดต่อ โดยเฉพาะงานไร่ ที่บ้านของชายหนุ่มมีเครื่องจักรสำหรับการเกษตรมากมาย ก่อนหน้านี้พ่อของเขาทำงานหนักมาทั้งชีวิต ซึ่งแม้จะเป็นวิถีปกติของชาวไร่ แต่ก็นั่นแหละ เมื่ออายุมากขึ้น ต่อให้มีเครื่องทุ่นแรงมากมายเพียงใด ก็ยังถือว่าหนักอยู่ดี

ในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน เขาจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อ ทั้งที่เป็นคนเรียนดีคนหนึ่ง

Advertisement

Advertisement

ความสัมพันธ์ในทางพฤตินัยแล้ว เขากับเธอก็คือคู่สามีภรรยากันนั่นเอง แต่ทางบ้านของเธอก็รับรู้เพียงแค่ว่า เธอกับเขาเป็นเพียงคู่รักกันเท่านั้น

เขาไม่ค่อยไปพบกับญาติผู้ใหญ่ของหญิงสาวบ่อยครั้งนัก ถึงกระนั้นก็ตาม เขาเป็นคนที่มีน้ำใจอันดีงามคนหนึ่ง เพราะรู้ดีว่าฐานะทางบ้านของหญิงสาวไม่ได้สู้ดีนัก เขาจึงมีส่วนส่งเสียเงินทองให้กับทางบ้านเธอเป็นประจำ

งานไร่ของครอบครัวชายหนุ่มค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น การที่เขาจะมีเวลาว่างมาหาเธอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่เขามา เขาทำให้เธอมีความสุขตามประสาคู่รัก

งานของเธอเองก็ใช่ว่าจะเป็นเวล่ำเวลาเหมือนกัน เพราะมักมีเคสด่วนแทรกเข้ามาเป็นประจำเสมอ แม้ในวันหยุดพักผ่อน

ถึงกระนั้น บางช่วงที่มีเวลาว่างพักผ่อน หญิงสาวยังคงหยิบหนังสือมาอ่าน และงานงานที่ทำให้เธอหลุดออกไปจากโลกในปัจจุบันของเธอก็คืองานในแนวผีสางสยองขวัญนั่นเอง

Advertisement

Advertisement

ในชีวิตจริง หญิงสาวเป็นคุณหมอของชาวบ้าน เธอให้ความสนิทสนมเป็นกันเองกับชาวบ้านที่มารับบริการด้านสุขภาพ

ปกติแล้ว ไม่มีใครอยากจะเข้ามาในสถานีอนามัยนักหรอก ถ้าหากไม่ได้รับความเจ็บป่วยเดือดร้อน เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเธอก็คือปลอบประโลมด้วยวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา แต่ดูเหมือนว่าวิชาความรู้ทางด้านสาธารณสุขนั้นอาจจะไม่ได้สำคัญเท่ากับอัธยาศัยใจคอ คำพูดอันงดงาม ปลุกปลอบพลังบวกในชีวิต ก็แทบจะให้ผู้มารับบริการหายป่วยไข้เป็นปลิดทิ้งแล้วละ

จึงไม่แปลกอะไร เพียงแค่ปีเดียวของการมาอยู่ประจำสถานีอนามัยแห่งนี้ จึงทำให้ชาวบ้านรักเธอราวกับเป็นลูกหลานของพวกเขาเอง

หญิงสาวตัดสินใจพักอาศัยอยู่ในบ้านพักของอนามัยเพียงลำพัง เพราะค่อนข้างสะดวกมากกว่าจะเดินทางกลับบ้านของเธอซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 20 กิโลเมตร

“ให้ผมมารับมาส่งไหม”

แฟนหนุ่มของเธอเคยออกปาก เขานิสัยน่ารักแบบนี้เสมอ ทั้งที่งานของตัวเองก็วุ่นวายแทบจะหาเวลาพักผ่อนได้ยาก

“ไม่เป็นไรค่ะ อยากพักนี่มากกว่า”

“ผมแวะมาหาได้ไหม”

“เสมอค่ะ 24 ชั่วโมง” หญิงสาวตอบ

ความจริง ต่อให้เธอไม่บอก เขาก็หมั่นแวะเวียนมาหาอยู่แล้วละ ด้วยว่าระยะทางจากบ้านของเขามาที่นี่แค่ไม่ถึง 10 กิโลเมตร ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึง

บ้านพักในสถานีอนามัยจึงมีชายหนุ่มแวะเวียนเข้ามา จนชาวบ้านเริ่มคุ้นหน้าเขาอีกคน และล่วงรู้ปากต่อปากว่าเป็นหวานใจคนสนิทของหญิงสาวนั่นเอง

มีแต่คนออกปากว่าเขากับเธอเหมาะสมกันราวกิ่งทองกับใบหยก

“เมื่อไหร่จะแต่งคะ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้นะคะ”

หญิงสาวมักได้รับคำถามแบบนี้เสมอจากชาวบ้าน

จริงอยู่ว่า มันเป็นการทักถามด้วยความเอ็นดูธรรมดา ๆ ทว่ามีบางครั้งเหมือนกันที่เธอฉุกคิดและรู้สึกเหมือนกับว่า นับวัน...เธอกับเขาคล้ายกับมีกำแพงบางอย่างขวางกั้น มันคือกำแพงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หรือจะเป็นที่ตัวเธอเองที่ไม่กล้าถามเขาว่า เมื่อไหร่?

เมื่อไหร่ถึงจะมีงานวิวาห์ เคยวาดหวัง เคยคิดว่าเรียนจบ ทำงาน ทุกอย่างมั่นคง เขาเองก็เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลชาวไร่ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องสินสอดทองหมั้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คู่

มีอยู่วันหนึ่ง แฟนหนุ่มของเธอแวะมาหาแล้วกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวร้องไห้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเสียน้ำตา ทุกครั้งที่ชายหนุ่มมาหาเธอ เขาจะค้างคืน แล้วกลับออกไปในตอนเช้า

แต่คราวนี้ไม่ใช่

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และนับตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยมีใครเห็นชายหนุ่มแวะเข้ามาหาเธออีกเลย

หญิงสาวยังคงทำงานตามหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น ซุกซ่อนความเศร้าเอาไว้ภายใต้ใบหน้าอันสดใสร่าเริง

นานวันเข้ามีคนถามถึงชายหนุ่มของเธอ นั่นแหละ เธอจึงเริ่มเปิดเผยว่าบัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขากลายเป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น

ความรู้สึกเคว้งคว้างกำลังคุกคามหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว ความเศร้าหมองแอบถาโถมเข้ามาในชีวิตนับตั้งแต่วันที่แฟนหนุ่มของเธอมาหาในวันสุดท้าย

เหตุการณ์วันนั้น เธอแค่ถามว่า เมื่อไหร่จะมีวิวาห์ เพราะเขามาหาเธอเหมือนกับของตาย เธอต้องการเพียงความชัดเจนว่าจะเอายังไง

เขานิ่งอึ้ง แล้วต่อมาก็เปลี่ยนเป็นอาการกระฟัดกระเฟียดและแปรเปลี่ยนเป็นโกรธ สายตาของชายหนุ่มมองเธอราวกับเป็นคนแปลกหน้า

หญิงสาวไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อน นับตั้งแต่รู้จักกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาที่เริ่มแนบแน่นขึ้น สำหรับเธอแล้ว คิดว่าชีวิตนี้ได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งอย่างลึกซึ้งถ่องแท้ ซึ่งเมื่อเอาเข้าจริงแล้วกลับไม่ใช่เลย

“น่ารำคาญ!”

เขาพ่นคำพูดใส่เธอ

หญิงสาวไม่ได้กรีดเสียงร้องออกมาหรอก แต่เวลานั้นน้ำตาได้ท่วมท้นหัวใจของเธอไปเรียบร้อยแล้ว

คุณหมอของชาวบ้าน ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีต่อไป ราวกับว่าชีวิตของเธอได้อุทิศให้กับการงานจนหมดสิ้น

ไม่มีชายหนุ่มคนไหนเข้ามาในชีวิต หรือต่อให้มี เธอก็คงไม่พร้อมที่จะเปิดรับใคร

เธอไม่ใช่ของตายในชีวิตของใคร

จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ดวงตาที่เคยมีแววแห่งความเศร้าก็เริ่มกลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยาทั้งสิ้น

เริ่มมีชายหนุ่มหน้าใหม่เข้ามาในชีวิตของหญิงสาว ชายหนุ่มคนนี้เป็นพนักงานราชการ ก่อนหน้านี้แวะเวียนเข้ามาติดต่อกันบ้าง อันที่จริง ส่วนราชการล้วนรู้จักกันหมดนั่นแหละ เมื่อข่าวว่าเธอได้เลิกราจากแฟนหนุ่มคนเดิม สายตาของเขาที่มองเธอก็เปลี่ยนไป

สำหรับหญิงสาวแล้ว เธอยังคงเป็นเธอเหมือนเดิม ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเริ่มต้นกับผู้ชายคนใหม่จะหวานชื่นเพียงใด เธอก็ยังคงระวังตัวเองไม่ให้ตกเป็นทาสของอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ขนาดคนแรกของเธอ กว่าที่เขาจะเข้าใกล้เธอจนกระทั่งได้ตัวเธอไปนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น

หญิงสาวไม่เคยคิดว่าอะไรอย่างอื่นจะสำคัญไปมากกว่ากัน การที่คนสองคนมาคบหาดูใจกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความสำคัญทัดเทียมกัน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเข้าใจ หรือเรื่องอื่นใด

ชายหนุ่มคนใหม่กล้าที่จะพูดว่ารักเธอ เพียงเพื่อต้องการให้เธอใจอ่อนแล้วยินยอม! หญิงสาวเริ่มรู้สึกอย่างนั้น

เมื่อเริ่มมีข่าวคราวว่าเธอกำลังจะคบหาดูใจกับชายหนุ่มข้าราชการ หนุ่มครอบครัวชาวไร่ผู้มีฐานะก็กลับคืนมา

ราวกับหมาหวงก้างก็มิปาน

คราวนี้ สายตาของหญิงสาวที่มองอดีตแฟน เป็นสายตาแบบเดียวกับที่เธอเคยเห็นเขามองเธอ นั่นก็คือความเย็นชา ว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึกใด ๆ  แค่คนรู้จักที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตคนหนึ่งเท่านั้นเอง มันคือความห่างเหินที่เขาเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้นเอง ไม่ใช่เธอ

หญิงสาวเสแสร้งไม่เป็นมาแต่ไหนแต่ไร

“ยังชอบอ่านเรื่องผีไหม” หนุ่มชาวไร่ถาม

“ค่ะ เหมือนเดิม”

“ระวังจะกลายเป็นผี” ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร

“ทุกคนเกิดมาล้วนต้องตาย”

หญิงสาวตอบ ไม่ได้รู้สึกอะไร ด้วยอาชีพของเธอ เหมือนอยู่ใกล้ชิดกับคนเจ็บป่วยและใกล้ตาย เคยเห็นความตายของคนอื่นมาก็มากมายแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรู้สึกหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว

“ตกลงเราจะไม่กลับมาคืนดีกันแล้วใช่ไหมครับ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง สบตากับเธอ แววตาราวกับวิงวอนขอร้อง

“เราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ”

“เพื่อน...เป็นได้แค่เพื่อน”

“เราเคยเป็นมากกว่านั้น” หญิงสาวพึมพำ “ฉันเคยมีความหวัง แต่ฉันลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว เรื่องของเรา”

“ผมเสียใจ”

“ฉันก็เสียใจ”

“ทำไมเราไม่กลับมาเหมือนเดิมล่ะครับ”

“คุณทำให้แก้วแตกร้าวแล้ว”

เธอตอบ น้ำเสียงอาจฟังดูธรรมดา ทว่าเด็ดเดี่ยวและเย็นชาเสียจนทำให้หนุ่มชาวไร่ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาของเธอ นิสัยผู้ชาย...รู้สึกเหมือนเสียหน้า เขาต้องการเอาชนะ เมื่อเขาไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะได้!

“ขณะยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า เมื่อสิ้นชีพไปแล้ว จะยังคงสามารถรับรู้ได้หรือไม่ว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต จะเคว้งคว้างสักแค่ไหน โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังไม่ถึงที่ตาย...”

บางประโยคผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของหญิงสาว ขณะลงมือกระทำบางอย่าง...

ตอนที่หนุ่มชาวไร่พุ่งจะเข้ามาทำร้ายเธอ ปรากฏว่าถูกเข็มฉีดยาที่เธอเตรียมเอาไว้ปักเข้าไปในร่างกายแล้วเดินน้ำยาบางอย่างทันที ชายหนุ่มหยุดชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไป เหงื่อผุดพราวขึ้นขณะที่ล้มลง มีอาการหมดสิ้นเรี่ยวแรง

คุณจะทำอะไรผม...

พยายามเปล่งถ้อยคำทว่ามีเพียงแค่ลม

ชายหนุ่มยังมีสติรับรู้ทุกอย่าง แค่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เท่านั้น  ร่างกายของเขาเหมือนกำลังถูกลงมีด!

ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นเลือดพุ่งทะลักสาดเปรอะเปื้อนร่างของหญิงสาว

อย่า...!

ชายหนุ่มส่งเสียงที่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา และไม่มีทางจะมีเสียงใด ๆ ได้อีกแล้ว เพราะหลอดเลือดขาดสะบั้นไปเรียบร้อยแล้ว

หญิงสาวมองร่างของหนุ่มชาวไร่ มองเห็นอาการทุรนทุรายเฮือกสุดท้ายของเขาด้วยสายตาอันเย็นชา!

หญิงสาวนั่งทำงานเป็นปกติ ออกมาดูแลชาวบ้านที่เข้ามารับใช้บริการสาธารณสุข จนกระทั่งช่วงบ่ายของอีกวันต่อมาจึงมีตำรวจขับรถเข้ามาพร้อมกับหมายค้น

“เกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงปกติ แววตานั่นต่างหากล่ะที่ดูกระด้างเย็นชาอย่างน่าสะพรึง

ชาวบ้านเริ่มมองหน้าเธอ มองหน้าตำรวจอย่างฉงนสงสัย

หลังจากนั้นมีการตรวจค้น เพียงครู่เดียวก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นมาจากภายในบ้านพักของหญิงสาวนั่นเอง

ถังแช่เนื้อสองใบที่วางอยู่ด้านนอก พบอวัยวะของมนุษย์ที่ผ่านการชำแหละอย่างสวยงาม แช่น้ำแข็งเอาไว้รักษาสภาพความสดเอาไว้ได้อย่างดี

หญิงสาวยอมจำนนพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากคู่สวยของเธอ...

หนุ่มชาวไร่จะเคว้งคว้างสักแค่ไหน เธอไม่รู้หรอก แต่ก็หวังว่าเขาจะกลับมาบอกเธอเข้าสักวันว่า เขารู้สึกอย่างไรบ้าง...

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์