พระพุทธรูป ถือได้ว่าเป็นที่พึ่งพิงทางใจให้กับคนไทยเรามาช้านาน จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ในอดีต เวลาออกรบ เหล่าแม่ทัพนายกอง ต่างพากันไปสักการะเพื่อรบราให้ชนะ เมื่อครองเมืองใดได้ หากมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ก็จะต้องอัญเชิญกลับมาด้วย เพราะเชื่อว่าเสริมบารมีผู้นำบ้าง เกิดความเจริญรุ่งเรืองบ้าง ปัจจุบันประเทศไทยมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากมาย “พระเจ้าใหญ่” ได้รับการยอมรับ ว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดบุรีรัมย์ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาพร้อมกับเมืองพุทไธสง ราว พ.ศ.2200 พุทธลักษณะปางมารวิชัย หล่อด้วยสัมฤทธิ์ หน้าตัก 1.37 เมตร สูง 2.2 เมตร เป็นที่เคารพนับถือของชาวบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงอย่างมากความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าใหญ่นั้น เริ่มต้นมาจากเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่ว่า กษัตริย์เจ้าเมืองลาวมีความประสงค์จัดสร้างพระพุทธรูป เพื่อเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา ระหว่างเมืองลาวและเขมร จึงได้ปรึกษาหลวงปู่ลุน พระเกจิแห่งถ้ำภูเขาควาย เมืองลาว หลวงปู่จึงนำทัพนายพล กองหาบ มายังสถานที่ที่ปัจจุบันนี้ คือ วัดหงษ์ โดยได้จัดสร้างพระพุทธรูปขึ้น ณ บริเวณที่ท่านทราบว่าครั้งหนึ่งพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า เคยนั่งปฏิบัติพระกรรมฐานโปรดสัตว์เริ่มวางฐานครั้งแรกตรงกับขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธศักราช 648 เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธศักราช 649 หลังสร้างเสร็จมีพระอริยสงฆ์พุทธาภิเษกทั้งหมด 5 รูปดังนี้ หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร หลวงปู่ลุน สุธีโร หลวงปู่คำน้อย พระสังฆราชคำจันทร์ อาจาโร และหลวงปู่กองไหม ธีรโส โดยได้ใช้พระคาถาวาจาสิทธิ์ในการปลุกเสก ซึ่งเป็นพระคาถาปลุกเสกเฉพาะพระเจ้าใหญ่เท่านั้น เมื่อปลุกเสกเสร็จ จึงพร้อมใจกันตั้งชื่อว่า “พระเจ้าใหญ่” เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามนามของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ผู้เป็นประธานใหญ่ในพิธี ความศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าใหญ่ จึงบังเกิดขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพุทธานุภาพของพระเจ้าใหญ่ ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเรื่องหน้าที่การงาน เลื่อนยศตำแหน่ง อีกทั้งใครดวงตก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ก็ควรหาโอกาสมาสักการะรับบารมี เสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองพิกัด : พระเจ้าใหญ่ ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ วัดหงษ์ บ้านศีรษะแรด ต.มะเฟือง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์เคล็ดลับในการสักการะขอพรเวลาเราขอพรต่อพระพุทธรูปนั้น พระพุทธรูปไม่ได้เป็นผู้ประทานพรให้เราเสียทีเดียว แต่พรที่สำเร็จได้นั้น เนื่องมาจากเทวดาที่รักษาองค์พระต่างหาก ทุกท่านจึงควรขอพรต่อเทวดาที่รักษาองค์พระ ให้ช่วยเหลือเรานะครับถึงจะได้รับพรแอบกระซิบ...ตามวิถีแห่งเทวะบำบัด เมื่อมาถึงที่นี่ อย่าลืม ขอบูชาด้ายสายสิญจน์ ที่วางอยู่บนหน้าตักพระเจ้าใหญ่นะครับ เป็นของขลังที่ศักดิ์สิทธิ์มาก จะมีสองสี สีแดงและสีขาว จะสีไหนก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันครับ จะนำไปพกติดตัว หรือพกติดในกระเป๋าก็มงคลทั้งสิ้นครับขั้นตอนการสักการะหากท่านเตรียมพวงมาลัยมาสามารถถวายได้ แต่ในพระอุโบสถไม่สามารถจุดธูปได้ ต้องมาจุดข้างนอกนะครับ ใช้ธูป 3 ดอกสวดพระคาถาบูชา “หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส” ตามด้วย นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) แล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้า.....(บอกชื่อนามสกุล)....ขอกราบนมัสการ องค์พระเจ้าใหญ่ องค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ องค์ที่มีอิทธิฤทธิ์ องค์ที่เป็นประมุข องค์ที่เป็นประธาน ของปวงชน ลูก ๆ หลาน ๆ ทั่ว ๆ ไป และขอบอกกล่าวต่อท่านเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาองค์พระเจ้าใหญ่ ได้โปรดสงเคราะห์ช่วยเหลือ......(ให้บอกกล่าวเรื่องที่ต้องการขอพรได้เลย).......อิทัง สัจจะวานัง อธิษฐานิ พุทธัง อธิษฐานิ ธัมมัง อธิษฐานิ สังฆัง อธิษฐานิ ขอคำอธิษฐานของข้าพเจ้า เป็นจริงทุกประการเทอญสำหรับท่านกำลังทุกข์ใจ อยู่บริเวณใกล้เคียง หรือได้มีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะผู้ที่เดินทางไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทั่วประเทศ ขอบอกเลยครับว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์สุดยอดจริง ๆ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับผู้เขียน: ทูตเทวะภาพประกอบ: มิก พชร ทูตเทวะ