ถ้าพูดถึงงานวิ่งมาราธอนที่จัดได้ดีที่สุดของประเทศไทยแล้วล่ะก็ หลาย ๆ คนคงให้ความเห็นตรงกันว่า "งานบุรีรัมย์มาราธอน เป็นงานวิ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทย" เพราะบุรีรัมย์มาราธอนได้รับการรับรองจาก "World Athletics Road Race" ให้ระยะ "ฟูลมาราธอน" ของงานบุรีรัมย์มาราธอน เป็นรายการวิ่งระดับ Bronze Label ที่แรกของประเทศไทย และปีนี้ (ปี2020) ก็มีเป้าหมายว่าจะสามารถขยับระดับไปสู่ระดับ Silver อีกด้วยค่ะ บุรีรัมย์มาราธอน ปีนี้นับว่าจัดงานวิ่งเป็นครั้งที่ 4 แล้ว สำหรับเราเองก็พึ่งได้สัมผัสกับงานวิ่งนี้เป็นครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นคนบุรีรัมย์โดยกำเนิดแท้ ๆ แต่เป็นเพราะว่าในทุก ๆ ปีที่จัดงานวิ่ง เราสมัครไม่ทันเลยสักครั้งนั่นเองค่ะ และจนในที่สุดโอกาสของเราก็มาถึงในปีนี้จนได้ (ฮ่า ๆ ๆ ) บรรยากาศในการเข้ารับ BIB และเสื้อที่ระลึกหน้างาน บริเวณด้านหน้าสนามฟุตบอลช้างอารีนา เป็นไปอย่างมีระบบระเบียบและดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วภายใน 5 นาทีเท่านั้นเองค่ะ เพระในปีที่แล้ว จุดนี้มีความบกพร่องในการจัดการเรื่องการต่อแถวรับ BIB และเสื้อที่ระลึกเป็นอย่างมาก ปีนี้จึงได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้เป็นระบบมากขึ้นโดยแยกขั้นตอนและมีการนำระบบ QR code เข้ามาใช้เพื่อช่วยลดขั้นตอนและได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ภาพ : ผู้เขียนเองค่ะ ในวันงานคือ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 63 การเตรียมตัวของเราเริ่มขึ้น ณ เวลา 02.00 น. จากนั้นก็ออกจากที่พักและเดินทางมาถึงสนามฟุตบอลช้างอารีนาในเวลา 03.00 น. เราจอดรถบริเวณลานจอดรถใกล้ ๆ สนามฟุตบอลและเดินวอร์มร่างกายไปที่สนามแข่งรถช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต เพื่อเข้าสู่จุดสตาร์ทที่นั่น โดยงานนี้ได้จัดจุดสตาร์ทที่สนามแข่งรถ และจุดฟินิชที่หน้าสนามฟุตบอล ซึ่งอยู่คนละที่กันค่ะ ระยะฟูลมาราธอนของงานบุรีรัมย์มาราธอน มีผู้เข้าแข่งขันมากถึง 7,917 ราย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนคนที่มากเลยทีเดียว และก็เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ลงงานวิ่งที่ใหญ่โตขนาดนี้ แอบรู้สึกตื่นเต้นมากมาย เพราะมาวิ่งครั้งนี้ไม่มีเพื่อนที่รู้จักอยู่ข้าง ๆ เลยค่ะ งานนี้ฉายเดี่ยวมาด้วยใจล้วน ๆ อิอิ ภาพบรรยากาศก่อนเข้าจุดสตาร์ท โดย : ผู้เขียน หลังจากที่คุณลุงเนวิน ได้กล่าวเปิดงานแล้ว ก็ถึงคิวปล่อยตัวนักวิ่งที่สุดแสนอลังการในเวลา 04.00 น. ค่ะ นักวิ่งแต่ละ Block ค่อย ๆ ทยอยวิ่งออกไป มองไปข้างหน้าเห็นมวลมหานักวิ่งระยะมารารธอนทั้งหลายดุจดั่งงูตัวใหญ่มหึมาเลื้อยออกไปตามเส้นทางไกลสุดลูกหูลูกตา งานวิ่งบุรีรัมย์มาราธอนเป็นงานวิ่งที่มีการปิดถนน 100% ทำให้นักวิ่งสามารถวิ่งได้เต็มถนนไม่แออัดกัน และเป็นงานวิ่งที่มีไฟฟ้าส่องสว่างตลอดการเดินทางจริง ๆ ค่ะ ซึ่งเราจะเห็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าคอยดูแลเรื่องแสงสว่างประจำจุดอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทางเลยทีเดียว แม้แต่ทางที่เป็นถนนย่อยที่พานักวิ่งมุ่งไปสู่ห้วยจรเข้มาก ที่เป็นทุ่งนาไม่มีบ้านเรือนผู้คนแสงสว่างก็ยังไม่ขาดตอน ส่องสว่างส่งนักวิ่งทุกคนไปจนเช้าเลยทีเดียว ภาพกองเชียร์บริเวณอนุสาวรีย์ ร. 1 จาก BURIRAM MARATHON และที่ขาดไม่ได้ และเป็นสีสันของงานให้นักวิ่งทุกคนจดจำไม่รู้ลืมมากที่สุด ก็คงจะเป็นเหล่ามวลมหากองเชียร์ของงานนี้นั่นเองค่ะ ตลอดเส้นทางที่เราวิ่งผ่านจะได้รับเสียงเชียร์คอยกระตุ้นเตือนเป็นกำลังใจไม่ขาดสาย เราว่านักวิ่งตื่นเช้าแล้ว กองเชียร์ก็มาแต่เช้าไม่แพ้นักวิ่งกันเลยล่ะค่ะ แถมวันนั้นเป็นวันที่อากาศค่อนข้างเย็น ตุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณทวดทั้งหลายก็ยังออกมานั้งห่มผ้ารอเชียร์เป็นกำลังใจให้นักวิ่งอยู่ข้างทางกันเต็มไปหมด ไหนจะลูกเล็กเด็กแดงเอย ก็ไม่น้อยหน้าคุณทวดเลยนะคะ เรียกได้ว่ากองเชียร์ของงานนี้มีกันทุกรุ่นอายุค่ะ ใจจริงเราเคยตั้งใจว่าจะมาวิ่งระยะฟูลมาราธอนแรกที่บุรีรัมย์มาราธอน แต่เพราะปีที่แล้วเรากดสมัครไม่ทัน ครั้งนี้จึงกลายเป็นการวิ่งระยะฟูลมาราธอนที่ 2 ของเราค่ะ สถิติของที่นี่จบที่เวลา 05.23 ชม. ซึ่งเร็วกว่าสถิติเดิมที่วิ่งที่งานเขาใหญ่มาราธอน 4 นาที (สถิติเขาใหญ่มาราธอน 05.27 ชม.) ( ติดตามอ่านฟูลมาราธอนแรกของเรา ที่นี่ค่ะ วิ่งมาราธอนครั้งแรก ที่เขาใหญ่มาราธอน ) ภาพผู้เขียนระหว่างอยู่ในการแข่งขัน บุรีรัมย์มาราธอน 2020 สำหรับเรา รู้สึกประทับใจในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความพร้อมในการปิดถนน 100% แสงสว่างตลอดเส้นทางการวิ่ง อุโมงค์น้ำที่คอยให้ความสดชื่นระหว่างทาง น้ำดื่ม เกลือแร่ ผลไม้ที่มีพร้อมทุกจุด สเปรย์ ยานวด จุดปฐมพยาบาล และที่ขาดไม่ได้ก็คือกองเชียร์ที่น่ารักและแสนอบอุ่นทุกคน เสียงเชียร์ที่ทำให้แทบไม่กล้าหยุดเดินแม้สักก้าวเดียว เสียงที่คอยบอก คอยเชียร์ว่า "อีกนิดเดียว" ... "อีกนิดเดียว" ... "จะถึงแล้ว" ... เสียงที่ตะโกนบอก "ปีหน้ามาอีกนะ" ... "มาวิ่งด้วยกันอีกนะ" ... ขอบคุณผลไม้หวาน อาหารอร่อย และเสียงเชียร์ ที่คอยเติมพลังให้กันตลอดเส้นทางค่ะ BRM2020 ❤ ติดตามข้อมูลข่าสารที่ : BURIRAM MARATHON