เมื่อมีแม่น้ำ ก็ต้องมีประเพณีสำหรับแม่น้ำ เหมือนกับจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง และมีแม่น้ำสงครามไหลผ่าน พร้อมๆ กับประเพณีแข่งเรือยาวอันลือลั่น ในช่วงหน้าฝนน้ำหลาก ทีมเรือดังๆ ที่ฝึกซ้อมกันมาเป็นอย่างเดียว ก็จะเฮโลกันสนั่นลำน้ำอีกครั้ง เป็นการแข่งขันที่สร้างความลุ้น ความสนุกให้กับคนเมืองบึงกาฬ และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวชนิดที่ว่า ชีวิตหนึ่งต้องมาดูแข่งเรือยาวของบึงกาฬสักครั้งให้ได้ ภูมิปัญญาเกี่ยวกับเรือยาว จึงถือเป็นสิ่งสำคัญของคนเมือง ที่ต้องถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้ฝึกต่อๆ กันไปนั่นเอง ผู้สืบทอดภูมิปัญญา ถาวร แสงสว่าง หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมเรือเทพธิดาไข่มุก ของเสี่ยเท่ง เป็ดย่าง เล่าถึงการฝึกแข่งเรือยาวของบึงกาฬไว้ว่า “บึงกาฬเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเป็นเมืองที่น่าอยู่ แต่ที่ดังที่สุดของบึงกาฬคือ ประเพณีแข่งเรือยาว และทีมเรือ ถูกยกให้เป็นหนึ่งของภาคอีสาน เป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณอีกด้วย” ก่อนหน้าที่จะมาเป็นเรือยาวดั่งที่เป็นในปัจจุบัน เรือที่ใช้แข่งจะเริ่มจากเรือกาบ เป็นเรือที่ไปดูดน้ำเกลือ แล้วนำมาต้ม หลังจากนั้นจึงได้กลายเป็นประเพณีสืบทอดต่อไป นั่นก็คือการแข่งเรือน้ำเกลือ คนที่จะมาเป็นนักกีฬาพายเรือได้ ต้องใจรัก ต้องรักที่จะฝึกฝน อดทน และรักที่จะแข่งขันให้เรือของตนชนะ ต้องเป็นคนร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรค ไม่ติดยาเสพติด เพราะต้องใช้กำลังเต็มร้อยโดยที่ไม่พึ่งพอยาเสพติดใดๆ เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม เข้าใจการตั้งใบพายกันจนชำนาญ และต้องฝึกให้แม่นยำ ฝึกครั้งหนึ่งจะต้องพายกันไม่ต่ำกว่า 4 เที่ยว ซึ่งในหนึ่งเที่ยวจะจับเวลาประมาณ 5 นาที และจะมีระยะทางประมาณ 2 กิโลครึ่ง หลังจากที่ฝึกออกกำลังกันได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ ก็จะเริ่มสอนเทคนิคการออกเรือ และวิธีการที่ต้องสังเกตคู่ต่อสู้ “รู้สึกภูมิใจที่ได้สืบทอดประเพณีนี้ และคิดว่าจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผู้สืบทอดต่อไป” นอกจากการแข่งเรือที่สนุกสนานแล้ว คราวหน้าจะมีโอกาสพาไปจังหวัดพิจิตร ไปติดตามการพากย์แข่งเรือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งเรือที่กลายเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มอรรถรสให้การชมกีฬาประเพณีนี้สนุกขึ้นเป็นสิบเท่า