ฮั่นแน่ คิดว่าเราจะพาไปเที่ยวเกาะกันล่ะสิ เรามีมากกว่านั้น ตามมากันเลย เมืองตราด ที่ทุกคนต่างพากันมาเที่ยวเกาะน้อยใหญ่มากมาย แต่รู้หรือไม่ว่า เมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่เกาะต่าง ๆ ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปตะลุยเที่ยวตราดบนชายฝั่งกัน ความจริงแล้วเราวางแผนเดินทางไปเที่ยวเกาะช้าง แต่ไหน ๆ เราก็ไปถึงตราดแล้ว จะไม่แวะตราด ก็กลัวว่าเขาจะหาว่ามาไม่ถึงตราด เลยพลาดไม่ได้ที่จะต้องแวะเข้าไปสำรวจเมืองตราดดูบ้าง ว่าจะมีอะไรให้เราเที่ยว กิน และถ่ายรูปกันบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ เรามาถึงตราดกันตอนเกือบ ๆ เที่ยง พอเข้ามาเมืองตราดแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องหาของกินพอดี เราจะไปตามล่าหาก๋วยเตี๋ยวทะเล เครื่องแน่น ๆเน้น ๆ กัน เราจึงตั้งGPSมุ่งหน้าไปที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท" ร้านอาหารชื่อดังแห่งเมืองตราด ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิทนี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตราด ใกล้ ๆ กับพิพิธภัณฑสถานจังหวัดตราดเลย ร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะอยู่ประมาณ 10 โต๊ะเห็นจะได้ ส่วนที่จอดรถนั้น เราต้องจอดแปะเอาตามริมถนนหรือในซอยเอา ซึ่งเราไปถึงตอนยังไม่เที่ยงดี คนเลยยังไม่เยอะมากนัก เลยจอดรถได้สบาย ๆ ร้านนี้จะเน้นอาหารทะเลปรุงสุกเป็นเมนูต่าง ๆ ราคาไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับอาหารทะเลต่าง ๆ ที่จะได้มาในแต่ละจาน เราสั่งเมนู เกี้ยวทะเลรวมมิตร (50 บาท) ข้าวผัดพริกเกลือทะเลรวม ไข่ปู(ุ60บาท) และทะเลรวม ไข่ปูผัดพริกไทยอ่อนราดข้าว(60บาท) รสชาติอาหารโดยรวมค่อนข้างดี อาหารที่แปลกใหม่กว่าอาหาปกติที่เรากินก็คือ "ข้าวผักพริกเกลือ" พริกเกลือในที่นี้ไม่ใช่พริกกับเกลือที่เราใช้จิ้มผมไม้กินกัน แต่เป็นเหมือนน้ำจิ้มซีฟู๊ดตำอย่างหยาบ และมีรสชาติค่อนข้างเผ็ดและมีเปรี้ยวนำ ถือว่าเป็นอาหารแปลกใหม่ที่ทุกคนที่ไปควรไปลิ้มลองกัน ใครที่อยากมาร้านนี้ เข้ามาที่ตัวเมืองตราด ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท เลขที่ 15 ซอยสุขุมวิท ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด 23000 โทร : 039-511-972 ร้านเปิดทุกวัน 8.00 - 14.30 ค่ะ แล้วเราก็ไปกันต่อที่การท่่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ "บ้านน้ำเชี่ยว" เป็นชุมชนชาวประมงที่มีวิถีชีวิตอยู่ริมคลองน้ำเชี่ยว อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองตราดมาก ขับรถออกมาประมาณ 15 นาทีเท่านั้นค่ะ ถือเป็นที่เที่ยวน่าแวะอีกที่ของเมืองตราดเลยล่ะค่ะ ไฮไลท์ของชุมชนนี้ก็คือ "สะพานวัดใจ" สะพานโค้งสูงชะลูดที่ข้ามคลองน้ำเชี่ยวที่ตัดผ่านกลางชุมชน ต้องไปดูด้ยตาตัวเอง แล้วจะพบว่าสะพานแห่งนี้ เป็นสะพานคนข้ามที่สูงมากจริง ๆ ใครที่กลัวความสูงอาจจะต้องถอยหลังยอมแพ้กันเลยทีเดียว บรรยากาศโดยรอบของชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวก็ยังคงความเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตของคนพื้นที่อยู่ เป็นเหมือนชุมชนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ทุกอย่างจึงยังเป็นวิถีของชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่วิถีเพื่อการท่องเที่ยว เราจะยังเห็นชาวบ้านชาวประมงใช้ชีวิตกันปกติ ทอดแห ตากปลาแห้ง มีเรือประมงจอดเทียบตลอดริมคลองที่เชื่อมต่อออกสู่ทะเลอ่าวไทย หากใครสนใจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ที่นี่ยังมี "กลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้ำ" เชี่ยวที่จะคอยบริการการท่องเที่ยวในชุมชน ทั้งที่พักโฮมสเตย์ และกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสาธิตการสานหมวกงอบจากใบจาก การสาธิตการทำขนมเบื้องยาหน้า และการสาธิตการทำตังเมกรอบ เป็นต้น ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว หรือโทร 061-660-0955 ออกนอกเมืองมาอีกหน่อย ประมาณ 8 กิโลเมตร เราก็จะมาถึง "ที่ทำการประภาคารแหลมงอบ" ตรงนี้จะอยู่ติดริมทะเล เราจะมองเห็นทะเล และเห็นเกาะช้างอยู่ไกล ๆ ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ "ประภาคารสีขาวแดงขนาดใหญ่มีหมวกงอบอยู่ด้านบน" และ "ป้ายสุดแผ่นดินตะวันออก" ขนาดใหญ่ ใครที่เป็นสายชอบถ่ายรูปจะต้องไม่พลาดที่นี่กันเลยทีเดียว แวะถ่ายรูปสักหน่อย เพื่อเป็นการเช็คอินว่าเราได้มาถึงเมืองตะวันออกสุดของประเทศไทยแล้ว เดินไปอีกนิด เราจะได้พบกับร้านน้ำเล็ก ๆ มองเห็นป้ายหน้าร้านเขียนว่า "น้ำส้มมะปี๊ด" ก็รู้สึกสนใจว่ามันคือส้มอะไร ไม่เคยได้ยิน จึงไปสั่งมาชิมหนึ่งแก้ว และพบว่า ส้มมะปี๊ดเป็นผลไม้ท้องถิ่นของระแวกฝั่งตะวันออก เป็นส้มผลเล็ก ๆ สีเขียว ๆ เหลือง ๆ มีลักษณะคล้ายกับส้มจี๊ดที่เรารู้จักกัน แต่เจ้าของร้านได้บอกกับเราว่า ส้มมะปี๊ดจะต่างกับส้มจี๊ดคือ จะมีกลิ่นที่ออกหอมกว่าส้มจี๊ด เมื่อได้น้ำส้มมะปี๊ดมาชิมแล้วก็รู้สึกอร่อยทีเดียว หอม และสดชื่น น้ำส้มมะปี๊ดผสมน้ำผึ้งตัดรสชาติด้วยเกลือเล็กน้อย ช่วยดับกระหายในวันที่อากาศร้อนได้ดีทีเดียว ใครที่ได้มาที่นี่ต้องมาลองชิมดูนะคะ เครดิตรูปภาพ : ภาพประกอบโดยนักเขียน :)