ร้อน ๆ แบบนี้ สถานที่ยอดฮิตที่คนนึกถึงกันส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้น “ทะเล” ใช่ไหมคะ ยิ่งทะเลในประเทศไทยเราด้วยนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามติดอันดับโลกกันก็หลายที่ แต่หนึ่งที่ที่เป็นที่เลื่องชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมากคือ “เกาะช้าง” จังหวัดตราด ที่ยอดฮิตในการดำน้ำแบบ Snorkeling (การดำน้ำตื้น)จนเกิดเป็นธุรกิจทัวร์ดำน้ำขึ้นมากมาย ถ้าพร้อมจะไปเที่ยวกันแล้ว ก็ตามมิราไปกันเลย มิราเป็นคนชอบทะเลมากค่ะ ไปมาหลายเกาะรวมถึงที่ที่มิราจะพาเพื่อน ๆ ไปตอนนี้ “เกาะช้าง” นั่นเอง การไปเกาะช้าง หากเราจองตั๋วกับทัวร์เพื่อไปดำน้ำแบบ Snorkeling เราสามารถไปเที่ยวเกาะ 4 เกาะใกล้เคียงกันได้ค่ะ มิราจองทัวร์ ๆ หนึ่งไว้ค่ะ ที่นั่นจะมีแผ่นพับเกี่ยวกับรายละเอียดการท่องเที่ยว รวมถึงโปรแกรมทัวร์แบบต่าง ๆ แน่นอนว่ามิราไม่พลาดที่จะจองการไป 4 เกาะรวดเดียวเลยค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้วก็กะว่าจะเที่ยวให้คุ้มกับวันลากันไปเลย ตอนที่มิราไป ราคาตั๋วตกคนละ 800 บาทค่ะ ได้ทั้งการไปดำน้ำ ไปเที่ยว 4 เกาะ และยังได้อาหารกลางวันด้วยนะคะ คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ทางทัวร์มีบริการไปรับที่โรงแรมเลยค่ะ ช่วงจะขึ้นเรือ ถ้าใครอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็ซื้อขึ้นไปเลยค่ะ เท่าที่สังเกตมิราแอบเห็นชาวต่างชาติขนเบียร์กันเป็นล่ำเป็นสันมาก สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการไปทริปนี้คือ อย่าลืมพกผ้าขนหนูไปด้วยนะคะ เพราะเวลาขึ้นจากน้ำแล้วมันเย็นมาก ๆ เราออกจากท่าเรือบางเบ้าเพื่อไปยังเกาะหวาย กินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง บนท่าเรือแห่งนี้จะมีร้านขายของเป็นจำนวนมากค่ะ แต่ว่าตอนมิราไปเป็นช่วง Low Season ร้านค้าเลยไม่ค่อยเปิดมากเท่าไหร่นัก และเมื่อขึ้นไปยังบนเรือ จะมีพนักงานแจกหน้ากากดำน้ำให้ค่ะ ซึ่งหน้ากากอันนี้ถ้าคุณทำหายหรือทำเสียหาย คุณจะต้องเสียค่าปรับ ดังนั้นหากใครไปก็จงดูแลรักษาไว้ให้ดี ๆ นะคะ น้ำที่นี่ใสมากจริง ๆ มองจากบนเรือน้ำเป็นสีฟ้าอมเขียว ใส สวยมากเลยค่ะ มิราแค่เดินเล่นริมหาด ทางทัวร์ก็ปล่อยเราดำน้ำหรือจะเดินเล่นตามอัธยาศัยสักพักหนึ่งจึงออกเดินทางไปยังเกาะต่อไปนั่นคือ เกาะคลุ้ม มิราชอบตรงที่มีอู่เรืออยู่ด้วย ที่เกาะนี้เราพักทานข้าวกันค่ะ อาหารไม่ค่อยหลากหลาย และในบางทัวร์มีเบียร์จัดเตรียมไว้ให้ด้วย ในทัวร์รอบที่มิราไปมีทั้งหมด 18 คนรวมมิราและเพื่อนด้วย ส่วนมากเป็นคู่รักชาวต่างชาติ จะเรียกว่าเป็นทัวร์ฮันนีมูนสวีทก็คงไม่ผิดนัก เมื่อมองไปยังเรืออีกลำซึ่งลอยอยู่ตรงข้ามกัน นั่นก็เป็นเรือของทัวร์เหมือนกัน แต่มองเผิน ๆ แล้วเรือจับปลาเลยนะคะ แต่ว่าลำใหญ่กว่าลำที่มิรานั่งค่ะ แถมยังมีห้องน้ำในตัวด้วย เพียงแต่ว่าลักษณะของเรือดูเก่า ๆ จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังเกาะที่ 3 และ 4 ตามลำดับค่ะ เกาะที่ 3 และ 4 นั้นเขาไม่เรียกว่าเกาะกันค่ะ แต่เรียกว่า หินราบ หินลูกบาศก์ ซึ่งมันจะเป็นก้อนหินที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาคล้ายกับสามเหลี่ยมทรงปิรามิด เราใช้เวลาที่นี่ในการดำน้ำบ้าง ตกปลาบ้าง ตอนที่ไปคลื่นค่อนข้างแรง ต้องระมัดระวังตัวกันมากหน่อยค่ะ ที่เลวร้ายที่สุดของทริปนี้คือ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้วพนักงานยื่นน้ำแดงโซดาเย็น ๆ ให้ดื่ม พวกเราทั้งคู่ถึงกับสั่นเลยค่ะ มันหนาวมาก อยากจะเขวี้ยงแก้วทิ้ง ฮ่า ๆ แล้วทัวร์ก็พาเรากลับมายังท่าเรือบางเบ้าอย่างปลอดภัยแต่สภาพแต่ละคนกว่าครึ่งนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ส่วนมากคือเหนื่อยล้าและอาเจียนค่ะ เนื่องจากโปรแกรมค่อนข้างเร่งรัด ทำเวลา บวกกับช่วงดำน้ำกินเวลานาน เรือขับเร็วมาก และคงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่มิราขอโบกมือลาเลยค่ะ สำหรับใครที่จะไปนอนอาบแดด เดินชิลริมหาด ดำน้ำดูปลา ปะการัง ชาร์จแบตให้ร่างกาย ที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ หาดทรายขาว น้ำทะเลสีเขียว เดินเอาเท้าเตะทราย แตะน้ำ ก็รู้สึกดีไม่น้อยนะคะ หาวันลา แล้วออกเดินทางกันค่ะ รับรองว่าธรรมชาติไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน Cover Photo Credit : Pixabay Photo Credit : รูปภาพโดยผู้เขียน