เมื่อพูดถึงปราสาทหิน ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึง ไม่ปราสาทหินเขาพนมรุ้งก็ปราสาทหินพิมาย ซึ่งทั้ง 2 ปราสาทหิน ตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างก็ยิ่งใหญ่และโด่งดัง มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมและมีการจัดงานแสงสีเสียงใหญ่โตทุกปีไม่ต่างกัน แต่ยังมีอีกปราสาทหนึ่ง ซึ่งจะเป็นปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก หลังจากที่บูรณะมายาวนานและเสร็จเรียบร้อยสวยงามด้วยดี มีอาคารศูนย์ข้อมูลและซุ้มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน สุขาและลานจอดรถครบครัน นั่นคือ ปราสาทหินสด๊กก๊อกธม ซึ่งเป็นภาษากัมพูชาแปลเป็นไทยได้ว่า รกไปด้วยต้นกกขนาดใหญ่ โดยน่าจะตั้งชื่อตามต้นกกขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมบาราย(สระน้ำ) ขนาด 200x400 เมตร ด้านทิศตะวันออกของตัวปราสาทก็เป็นได้ ปัจจุบันได้รับการยกระดับเป็นอุทยานประวัติศาสตร์มีความสำคัญและยิ่งใหญ่เทียบเท่าปราสาทหินเขาพนมรุ้งและปราสาทหินพิมายเลยทีเดียว การเดินทาง หากขับรถไปด้วยตนเองจะสะดวกมาก เพราะมีถนนลาดยางไปจนถึงลานจอดรถด้านข้างอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม ผมเริ่มต้นนำทางโดยเริ่มที่สถานีขนส่งรถโดยสารอรัญประเทศ จากนั้นไปตามหลวง 348(อรัญฯ-ตาพระยา) ถึงหน้า อบต.หนองแวง ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวง 3018 จนถึงหมู่บ้านหนองเสม็ดแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง 3085 อีกราว 2.2 ก.ม.จะมีป้ายด้านขวามือให้เลี้ยวไปตามป้ายอีก 3.1 กม.ก็ถึงลานจอดรถ จากนั้นเดินเท้าไปตัวปราสาทอีกราว 400 เมตร ปราสาทสด๊กก๊อกธม หรือชื่อเดิมคือ ปราสาทเมืองพร้าว ได้รับการยอมรับว่าเป็นโบราณสถานขอมที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก อยู่ห่างจากชายแดนไทยกัมพูชาเพียง 800 เมตรเท่านั้น สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15 ในรัชสมัยพระเจ้าอุทยาทิตยวรมันที่ 2 (พ.ศ.1593-1609) สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง ในแบบศิลปะคลังผสมกับบาปวน กำหนดอายุได้ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย เพื่อบูชาพระศิวะ ระยะทางเดินเข้าตัวปราสาทกว่า 70 เมตร มีเสาหินตั้งเรียงรายเป็นคู่ ๆ ราว 30 คู่ พื้นปูด้วยศิลาแลง ให้ความรู้สึกความเป็นอภิสิทธิ์ชนและยิ่งใหญ่เมื่อเดินผ่านจริง ๆ เมื่อผ่านซุ้มประตูกำพงแก้วชั้นที่ 1 ก็จะเห็นคูน้ำล้อมรอบกำแพงแก้วชั้นที่ 2 ที่มีปราสาทอยู่ด้านใน เดินไปอีกราว 40 เมตรก็เข้าเขตกำแพงแก้ว ณ จุดนี้จะมองเห็นความยิ่งใหญ่และงดงามของประสาทได้อย่างชัดเจน ตัวปราสาทสด๊กก๊อกธม ประกอบด้วยปราสาท 3 หลัง คือ ปราสาทประธานอยู่ตรงกลางและปราสาทบริวารอยู่ด้านทิศตะวันออก 2 หลัง ทั้งหมดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ล้อมรอบด้วยและกำแพงแก้ว 2 ชั้นขนาด 120x130 เมตร ปราสาททั้งหมดก่อสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง โดยใช้ศิลาแลงเป็นฐานแล้วก่อขึ้นไปด้วยหินศาลทั้งในส่วนของกำแพงแก้วและตัวปราสาท ในจุดที่สำคัญตกแต่งด้วยการแกะสลักลวดลายลงบนเนื้อหินทรายเล่าเรื่องราวในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและพฤกษานานาพันธุ์ เช่น สิงห์คายช่อพฤษชาติชูเทวดาเหนือดอกบัว เดิมเหลือแต่ซากปรักหักพัง จนได้รับการบูรณะโดยวิธีการที่เรียกว่า “อนัสติโลซิส” (ANASTYLOSIS) ของประเทศฝรั่งเศส คือ ศึกษารูปแบบเดิม รื้อลงมือแล้วเอาขึ้นไปประกอบใหม่ตามรหัสที่เขียนไว้ ชิ้นส่วนไหนที่ขาดก็ทำเพิ่มประกอบเข้าไปให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งเราจะมองเห็นได้ชัดเจนว่าชิ้นไหนคือหินทรายเก่าและชิ้นไหนคือหินที่เอามาประกอบใหม่ จึงทำให้ตัวปราสาทงดงามสมบูรณ์ดั่งเช่นปัจจุบัน ขากลับ จะออกทางที่เข้ามาหรือ ออกประตูด้านหลังปราสาทก็ได้ครับ ผมเลือกออกประตูด้านหลังเพราะอยากเห็นปราสาทในอีกมุมหนึ่ง จากนั้นจึงเดิมอ้อมกำแพงแก้วกลับ ยอมรับว่า พื้นที่บริเวณรอบปราสาทสะอาด สวยงาม ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และที่ชอบมากคือมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นมาคอยเล่าเรื่องและตอบคำถามด้วยความกระตือรือร้นและน่ารักมาก ทีนี้เราจะทิปหรือซื้อของอุดหนุนก็ได้ตามสะดวกใจเลยครับ อีกอย่างหนึ่ง ไกด์บอกว่า ที่นี่ก็มีปรากฏการณ์ดวงพระอาทิตย์ขึ้น โดยแสงจะส่องลอดผ่านประตูทุกบานของปราสาทเหมือนปราสาทเขาพนมรุ้งในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี เรียกว่าเป็น “อเมซิ่งปราสาทหินเมืองสระแก้ว”...ครั้งหน้าไม่พลาดแน่ ๆ พิกัดที่ตั้ง : บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00–16:30 น. โทร. : 037 212 610 ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี