อื่นๆ

พลทหารผี

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
พลทหารผี

เเกขับเลยหน้ากองพันมาหน่อยเดียว ก็ได้ยินเสียงรองเท้าบู๊ททหารวิ่งตามรถของเเก พอหันไปมองก็ไม่เห็นอะไร นอกจากความมืด เเกเลยเร่งความเร็วขึ้นอีก จนใกล้จะถึงเเถวที่มีบ้านคน ไฟข้างทางเริ่มส่องสว่าง เเกก็เห็นใครบางคนในกระจกส่องข้าง พอเพ่งมองดีๆ คนที่ซ้อนท้ายรถเเกคือ!!

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่เเล้วในค่ายทหารค่ายหนึ่งของจังหวัด ลุงของผู้เขียนเป็นผู้เล่าให้ฟัง ในขณะนั้นเเกเป็นทหารยศจ่า เเกชื่อจ่าเเสวง เเกมีหน้าที่คุมพลทหารผลัดหนึ่งร่วมกับเพื่อนของเเกอีกคนหนึ่งชื่อ จ่าเเดง

ทหาร

พลทหารนายหนึ่งชื่อ โบ๊ท เป็นทหารหน่วยโรงเลี้ยงซึ่งภาษาชาวบ้านก็คือโรงอาหารนั่นเเหละค่ะ โดยหน้าที่หลักของโบ๊ทก็คือล้างจาน วันนั้นเป็นวันลอยกระทง โบ๊ทเป็นเวรอยู่เฝ้าค่าย เเต่เค้าอยากกลับบ้านไปลอยกระทงมาก เค้าจึงตัดสินใจขอจ่าเเดงออกเวร เพื่อกลับไปเที่ยวงานลอยกระทงที่บ้าน เเต่จ่าเเดงไม่ยอมให้โบ๊ทออกเวร ด้วยความโกรธ โบ๊ทจึงตัดสินใจโดดเวร โดยโทรหาเพื่อนให้มารับออกไปกินเหล้า หลังจากกินเหล้ากันจนเมา โบ๊ทตัดสินใจกลับบ้านที่จังหวัดนครนายก โดยขับมอเตอร์ไซค์กลับ โบ๊ทเป็นคนขับส่วนเพื่อนนั่งซ้อนท้าย

Advertisement

Advertisement

ทาง

รถมอเตอร์ไซค์ของโบ๊ทชนเข้ากับรถกระบะ เเถวๆจังหวัดปราจีนบุรี โบ๊ทเสียชีวิตคาที่ ส่วนเพื่อนอาการสาหัส ในตอนนั้นที่บ้านของโบ๊ทยังไม่รู้ข่าวการเสียชีวิต เเม่ของโบ๊ทเล่าว่า เห็นโบ๊ทนั่งอยู่หน้าบ้าน เเม่จึงถามว่า "อ้าวโบ๊ท กลับมาเเล้วเหรอ ทำไมไม่ยอมเข้าบ้าน" โบ๊ทไม่ได้ตอบอะไร เเม่จึงเดินเข้าบ้านเพื่อจะไปหาข้าวหาน้ำมาให้ลูกชายกิน เเต่พอเเม่เดินออกมาก็ไม่เจอโบ๊ทเเล้ว จนกระทั่งเพื่อนโทรมาบอกว่าโบ๊ทเสียชีวิต ทีเเรกเเกก็ยังไม่เชื่อจนไปดูศพที่โรงพยาบาล พอเห็นศพลูกชายเเกก็เสียใจมากถึงกับเป็นลมล้มพับ

ผี

หลังจากพลทหารโบ๊ทเสียชีวิต ข่าวก็เเพร่ไปทั่วกองพัน คนที่กลัวที่สุดก็คงไม่พ้นทหารสังกัดโรงเลี้ยง โบ๊ททำเหมือนตนเองยังไม่ตาย โดยโบ๊ทยังมาทำงานตามปกติ ตี 1-2 พลที่ทหารที่อยู่เวรได้ยินเสียงคนล้างจานอยู่หลังกอง จนต้องวิ่งไปอยู่เป็นเพื่อนกันที่หน้าป้อมยาม

Advertisement

Advertisement

ส่วนลุงเเสวงเเกเล่าว่าที่บริเวณอาคารโรงเลี้ยงจะมีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ วันนั้นเเกได้ยินเสียงคนเขย่าต้นมะม่วง พอมองขึ้นไปก็เห็นพลทหารโบ๊ทใส่ชุดเสื้อยืดทหาร กางเกงทหาร ยืนเขย่าต้นมะม่วงอยู่ พร้อมทั้งยิ้มให้กับลุง หน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ลุงรีบวิ่งออกมาที่ป้อมยาม พอเจอเเบบนั้นเเกเลยไม่กล้าเข้าเวรดึกคนเดียวอีก คนอื่นที่อยู่เวรดึกก็เจอเหมือนกัน วันดีคืนดีเปลที่ผูกไว้ใต้ต้นไม้ก็เเกว่งเอง ทั้งๆที่ไม่มีลม หลอกทุกคนที่อยู่เวรจนไม่มีใครอยากเข้าเวรคนเดียว จะต้องพ่วงสองพ่วงสาม จนผู้หมวดเเกทนไม่ไหวจึงไปนำนิมนต์พระมาสวด จึงไม่มีใครพบเห็นวิญญาณพลทหารโบ๊ตในค่ายทหารอีก

เงา

เเต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเเค่นั้น วันนั้นลุงเเสวงเล่าว่า ตอนประมาณสี่ทุ่ม เป็นวันที่เเกออกเวร ขณะกำลังจะนอน ก็มีโทรศัพท์มาเเจ้งว่า จ่าเเดงรถชน อยู่โรงพยาบาล ลุงเเสวงรีบไปโรงพยาบาลทันที พอถึงโรงพยาบาลเเกเล่าว่าจ่าเเดงมีเเผลถลอกตามร่างกาย เเต่อาการโดยรวมไม่น่าเป็นห่วง เเล้วจ่าเเดงก็เล่าสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า เเกออกเวรพร้อมๆลุงเเสวง เเล้วไปเเวะกินเหล้าที่บ้านเพื่อน พอขากลับเเกต้องขับผ่านหน้าค่ายทหาร ช่วงเวลานั้นประมาณสองทุ่ม เเกขับรถมาด้วยความเร็วไม่มาก เพราะเเกเริ่มจมึนๆเเล้ว เเกขับเลยหน้ากองพันมานิดเดียว ก็ได้ยินเสียงรองเท้าบู๊ททหารวิ่งตามรถ เเกหันไปมองก็ไม่เห็นอะไร นอกจากความมืด เเกเลยเร่งความเร็วมอเตอร์ไซค์ขึ้นอีก จนใกล้จะถึงเเถวที่มีบ้านคน ไฟข้างทางเริ่มส่องสว่าง เเกก็เห็นใครบางคนในกระจกส่องข้าง พอเเกเพ่งมองดีๆ คนที่ซ้อนท้ายรถเเกคือพลทหารโบ๊ทนั่นเอง พอเห็นเเบบนั้น สติเเกก็หลุดขับรถลงคูน้ำข้างทาง โชคดีที่ไม่ลึกมาก ไม่งั้นเเกอาจจะไม่รอดคืนนั้นเเน่ๆ หลังจากที่จ่าเเดงหายดี เเกเลยไปทำบุญให้โบ๊ท พร้อมทั้งทิ้งประโยคส่งท้ายที่หน้าเจดีย์เก็บกระดูกว่า "มึงจะมาโกรธกูทำไม ถ้ามึงเชื่อกู ไม่โดดเวร มึงก็คงไม่ตายหรอก"

Advertisement

Advertisement

ขอบคุณภาพประกอบจาก

https://pixabay.com/th/images/search/ghost/?pagi=3

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์