สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวทรูไอดีที่น่ารัก เมื่อร่างกายคุณต้องการปะทะกับธรรมชาติเราก็กลับมาพบกันอีกครั้ง สำหรับวันนี้นัทเกวเอาใจมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาอันน้อยนิด อยากหนีห่างจากงานที่รุ้มเร้ากองสูงยิ่งกว่ายอดเขาเอเวอเรส ออกไปสัมผัสกับเสียงคลื่น เสียงนก เสียงลม ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯแค่หยุดเสาร์อาทิตย์ก็ไปได้ ที่ที่ว่านี้ก็คือเกาะสีชัง เกาะสีชัง เป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดชลบุรี อยู่นอกชายฝั่งของอำเภอศรีราชา และ มีสถานที่ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังบนเกาะ แห่งเดียวในไทย ความพิเศษของที่นี่คือ เคยเป็นที่ประทับของในหลวงรัชกาลที่4 5 และ 6 โดยได้มีการสร้างเรือนพักต่าง ๆ ขึ้นในสมัยรัชกาลที่5 เพื่อเป็นเรือนพักฟื้นและพักผ่อนหย่อนใจในพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มาของชื่อ พระจุฑาธุชราชฐาน มาจากพระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก พระราชโอรสองค์ที่ 72 ในรัชกาลที่5 ที่ทรงประสูติที่เกาะสีชังแห่งนี้ โดยในวันสมโภชเดือนของพระโอรส พระบาทสมเด็นพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานนามพระราชฐานแห่งนี้โดยอิงตามพระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และถือได้ว่าพระจุฑาธุชราชฐานเป็นพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย เพื่อนๆทราบความพิเศษของที่นี่แล้วชักอยากจะไปสัมผัสกับเกาะเล็กๆแห่งนี้แล้วใช่ไหมคะเราไปสัมผัสบรรยากาศและความงามของที่นี่พร้อมๆกันเลยค่ะ บรรยากาศดีต่อใจแถมใกล้เมืองกรุง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน nutkew_nutkew) เช้าตรู่วันเสาร์หลังจากโทรจองตั๋วรถไฟเมื่อเดือนก่อนเราก็ไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง ซึ่งรถไฟที่เราจะไปนี้เปิดให้บริการแค่เสาร์และอาทิตย์วันละ1 รอบเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานประมาณ2 ชม. ก็ถึงสถานีรถไฟศรีราชา ตัวสานีรถไฟอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนเล็กน้อย จึงหารถไปเกาะลอยยากหน่อยโชคดีมีวินเหลือ 1 คัน จัดการเหมาไปเกาะลอยเลยจ้า เมื่อมาถึงท่าเรือเกาะลอยก็ซื้อตั๋วคนละ50 บาทและลงไปนั่งในเรือได้เลยจ้า (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) นักท่องเที่ยวเต็มเรือเลย ถึงแล้วค่ะเกาะสีชัง ก่อนเรือเทียบท่าเราได้โทรติดต่อพี่เจ้าของห้องพักให้มารับพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ที่เช่าไว้ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ขับตามคุณป้าเสื้อชมพูไปโลด ป้าจะพาเราไปที่พัก ^_^ เราพักที่ “บ้านอยู่ดีมีความสุข” เป็นบ้านน่ารัก ๆ ตกแต่งด้วยงานแฮนด์เมดเป็นส่วนใหญ่เป็นบ้านที่น่ารักมาก ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู่เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) หลังจากเก็บของแล้ว ได้เวลาแว๊นมอไซค์ทัวร์รอบเกาะ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) จุดชมวิวระหว่างทางไปแหลมจักรพงษ์ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) แหลมจักรพงษ์ เราชอบที่นี่มาก ๆ มีลักษณะเป็นผาหินสีครามกับทุ่งหญ้าสีน้ำตาล ช่วงเย็น ๆใกล้พระอาทิตย์ตกแสงจะสวยมาก ถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูปเลยบรรยากาศก็โรแมนติกมากเลย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ที่ต่อมาวังจุฑาธุชราชฐาน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เรือนไม้สีเขียวนี้ ในตอนกลางวันเปิดเป็นร้านกาแฟ ซึ่งเรามากันเย็นมากแล้ว ร้านปิดไปแล้วจ้า แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้มาใหม่ เนื่องจากว่านี่เป็นครั้งที่2 ที่เรามาเกาะสีชัง เราจึงไม่ได้สำรวจทั่วเกาะเหมือนครั้งแรก เราจะเลือกไปที่ที่ประทับใจและใช้เวลาอยู่กับที่นั่นให้นานที่สุด วังจุฑาธุชราชฐานเป็นอีกหนึ่งที่ ที่เราเลือกมาในตอนเย็นและไม่ผิดหวังจริง ๆ บรรยากาศในตอนเย็นช่างโรแมนติก ท้องฟ้าสีชมพูไล่ระดับ อีกทั้งฟังเสียงคลื่นซัดชายฝั่งเป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) และก็ค่ำแล้วจ้า กลับที่พักไปหาข้าวกินและนอนพักผ่อนดีกว่า เช้าวันที่2 วันนี้เราจะไปที่จุดชมวิวหาดถ้ำพัง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) หาดถ้ำพัง เป็นชายหาดแห่งเดียวของเกาะสีชัง ส่วนมากคนก็มักจะมาเล่นน้ำกันที่นี่ (ก็มีที่เดียวที่สามารถลงเล่นได้นี่นาฮ่า ๆ ) ชายหาด และน้ำที่นี่ก็ใสไม่แพ้เกาะอื่นเลย ได้เวลากาแฟและอาหารเช้า เราขับรถกลับมาที่เรือนไม้สีเขียวภายในวังจุฑาธุชราชฐาน เพื่อสั่งกาแฟและนั่งชมบรรยากาศริมทะเลกัน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) บรรยากาศภายในเรือนไม้ให้อารมณ์ย้อนยุควินเทจหน่อย ๆ และยังมีการจัดแสดง สิ่งของเครื่องใช้ในสมัย ร.5 อีกด้วย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ในภาพด้านบน คือข้าวของเครื่องใช้ในสมัย ร.5 มีทั้ง ช้อน เศษกระดานชนวน และอื่นๆอีกมากมาย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) นั่งจิบกาแฟ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นวิวทะเล สวย ๆ มีลมทะเลเย็น ๆ ปะทะหน้า ขอบอกเลยว่าฟินมาก เรือนไม้ในสมัย ร.5 (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) สะพานอัษฎางค์ ขาวสว่างทอดยาวสู่กลางทะเล สะพานอัษฎางค์ ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเกาะสีชังเลย ใครไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงเกาะสีชังนะ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) สะพานอัษฎางค์เป็นสะพานไม้สีขาวทอดยาวไปกลางทะเล สีขาวของสะพานตัดกับสีท้องฟ้าและน้ำทะเล ช่างเป็นอะไรที่สวยงามอย่างกับภาพวาดเลยล่ะ บรรยากาศภายในวังจุฑาธุชราชฐาน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) จากนั้นก่อนกลับไปสักการะหลวงพ่อเขาขาดกัน ที่นี่เค้าว่าใครๆมาขอเรื่องงานก็จะสมหวังทุกรายไป แต่เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศมาฝาก อยากให้เพื่อน ๆ มาสัมผัสด้วยตัวเอง ^^ แล้วเราก็กลับมาเก็บของเช็คเอาท์ไปรอขึ้นเรือกลับกันค่ะ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) บ๊ายบายย...สีชังวันหลังจะมาหาใหม่น้าาา:) สรุปค่าเดินทาง ขาไป รถไฟ 170 บ. วิน 50 บ. ค่าเรือ. 50 บ. ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์300 บ. ขากลับ ค่าเรือ 50 บ. ค่ารถจากเกาะลอยไปท่ารถตู้ 50 บ. รถตู้กลับกทม. 120 บ. รวมค่าเสียหายการเดินทางทั้งหมด 790 บ. ปล.ไม่รวมค่าที่พักและอาหารนะจ๊ะซึ่งบนเกาะมีที่พักหลายราคาให้เลือกตามใจชอบเลย สำหรับวันนี้นัทเกวขอลาไปก่อนเจอกันใหม่ทริปหน้าเมื่อร่างกายต้องการปะทะธรรมชาติอีกรั้ง บ๊ายย~