" คุณเคยต้องเดินทาง ผ่านทางผ่าน..ที่ไม่อยากผ่านรึป่าว " สวัสดีครับ ผมชื่อ " มินทร์ " ผมมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เป็นงานที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ แต่ในระหว่างการเดินทางไปที่ๆหนึ่ง ผมได้เจอกับอะไรบางอย่าง เป็นสิ่งที่ถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่อยากจะเจอ โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องความลึกลับอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเองในวันนั้นมีนา : " บอสคะ วันพุธหน้านี้ มีนัดกับคุณดิเรก ที่ชลบุรีนะคะ เวลา 20:00 น. " มีนาเลขาคนเก่งของผมบอกผม : " ผมขอโลเคชั่น ส่งมาทางไลน์ผมนะ "มีนา : " ได้ค่ะบอส " และแล้วก็ถึงวันที่ผมต้องเดินทาง ไปเจอลูกค้าที่ชลบุรี ผมขับรถตามโลเคชั่นไปเรื่อยๆ จนขับมาถึงสุสานแห่งหนึ่ง ในเวลา 18.30 น. พอดี แต่บรรยากาศเงียบสงัด ไฟข้างทางก็ไม่มี ทางค่อนข้างมืดมากๆ ทำให้ผมนั้นต้องชะลอความเร็วลงทันที Cr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ผมขับรถไปเรื่อยๆ จนเกือบจะผ่านสุสานอยู่แล้ว และจะมีเสาไฟอยู่เพียงเสาเดียวที่ติด "..ฟูบ…." จู่ๆ รถของผมก็ดับ ดับไปแบบไม่รู้สาเหตุ น้ำมันก็มีเต็มถังเพราะผมพึ่งแวะเติม ก่อนจะถึงสุสานด้วยซ้ำ รถผมดูปกติทุกอย่าง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมพยายามสตาร์ทรถ แต่สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติดซักที "..พรึ่บ!!.พรึ่บ!!….พรึ่บ!!...พรึ่บ!!..." จู่ๆ ไฟที่มีอยู่เสาเดียวข้างทางก็เดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ และกระพริบๆ อยู่อย่างนั้นทั้งๆที่ผมจอดรถมาซักพักไฟก็ดูติดดีอยู่ ผมรู้สึกร้อนมากๆ เหงื่อของผมไหลจนเสื้อเปียกแทบทั้งตัว ผมจึงค่อยๆลดกระจกลงทั้งสองข้าง "...ฟิ้ววววว...ฟิ้วววว...ฟิ้วววว…" ลมเย็นยะเยือกค่อยพัดมาโดนตัวผม จนผิวหนังของผมเย็นมาก และเริ่มรู้สึกหนาวขึ้น ผมเอาแต่คิดว่า ผมคงเริ่มจะไม่สบาย โดยไม่ได้นึกถึงว่าจะเจอกับอะไร ด้วยความไม่เชื่อ Cr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ผมตัดสินใจโทรหาลูกค้า เพื่อบอกลูกค้าว่ารถผมมีปัญหา อาจจะไปไม่ตรงเวลานัด"..ตู๊ดดด...ตู๊ดดด.."คุณดิเรก : " สวัสดีครับคุณมินทร์ "ผม : " สวัสดีครับคุณดิเรก ตอนนี้รถผมมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ ผมอาจจะไปสายหน่อยนะครับ "คุณดิเรก : " อ้าว!! แล้วตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนหรอครับ เดี๋ยวผมให้อู่ข้างๆบ้านผมไปลากรถให้ "ผม : " ตอนนี้ผมอยู่ที่สุสาน ก่อนถึงที่นัดไม่เกิน 8 กิโลเมตรน่ะครับคุณดิเรก " จู่ๆ คุณดิเรกก็เงียบไปซักพักคุณดิเรก : " คุณลองสตาร์ทรถรอไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมบอกช่างไปลากให้ "ผม : " ขอบคุณมากๆเลยครับคุณดิเรก "คุณดิเรก : " ยินดีครับคุณมินทร์ " หลังจากที่วางสายจากคุณดิเรก ผมก็เริ่มพยายามสตาร์ทรถอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมครับ สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด ผมเลิกสตาร์ทรถ และนั่งรอรถจากช่างที่คุณดิเรกให้มารับ จนตอนนี้ก็ 20.00 น. แล้ว ไม่นานนัก จู่ๆ ก็มีกลิ่นธูปลอยมาเตะจมูกของผม ผมสงสัยมากๆ ว่าค่ำขนาดนี้แล้ว ยังมีคนมาไหว้สุสานอีกหรอ แต่จู่ๆ กลิ่นธูปก็เริ่มมีกลิ่นแรงขึ้นๆ เหมือนมีคนมาจุดธูปในรถของผมเลย ผมพยายามกวาดสายตา หาที่มาของกลิ่นธูปในความมืดสลัวๆ และมองหาคนที่น่าจะมาไหว้สุสานในเวลานี้ แต่มองเท่าไหร่ๆ ก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย และไม่มีใครเลยซักคน แต่กลิ่นธูปนี่ มันมาจากไหนกันแน่ Cr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" หนุ่ม..หนุ่มมาทำอะไรตรงนี้รึ.." เสียงชายชราดังขึ้น ผมจึงหันไปตามทางที่ได้ยินเสียง ผมเจอชายชราคนหนึ่ง ใส่ชุดสีดำ ผิวค่อนข้างซีดเซียว แต่ใบหน้าดูยิ้มแย้มผม : " ผมมีนัดกับลูกค้าน่ะครับ ผมต้องผ่านทางนี้ แต่จู่ๆรถผมก็ดับ แล้วก็สตาร์ทไม่ติดเลยครับ ตอนนี้ผมรอให้ช่างที่ลูกค้าให้มาลากรถให้อยู่ครับ "ชายชรา : " ปู่อยู่ที่นี่มานาน เจอคนรถดับบ่อยๆ งั้นปู่จะอยู่เป็นเพื่อน รอรถที่เขาให้มารับก็แล้วกันนะ "ผม : " ขอบคุณมากเลยครับ ขึ้นมานั่งบนรถผมก่อนแล้วกันนะครับ "ชายชรา : " หนุ่มกลัวผีไหม ? "ผม : " ฮ่ะ.ฮะ..ฮา..ฮ่าาา.. ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้หรอกครับ ผมว่าผีไม่มีจริงหรอกครับ แค่เอาไว้หลอกเด็กๆ เท่านั้นแหละครับ " ชายชรามองหน้าผมแล้วยิ้ม และเริ่มเล่าเรื่องๆหนึ่งให้ผมฟังชายชรา : " ปู่จะเล่าให้ฟังนะ ที่นี่ ที่ตรงนี้ มีคนขับรถมาแล้วดับอยู่ตรงนี้บ่อยๆนะหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถเล็ก รถใหญ่ แต่ส่วนมากจะเป็นคนที่อื่น เพราะคนแถวนี้กลัวและได้ยินเรื่องเล่า ก็เลยไม่ค่อยมีคนขับผ่านเลย แล้วไฟดวงนี้ก็เหมือนกัน จู่ๆก็จะดับๆติดๆ แบบนี้เลย และจะมีลมเย็นๆ พัดมาโดนตัวทุกคนตรงนี้ หลายคนเชื่อเรื่องผี ก็ขนลุกกันเป็นแถว แถมยังมีกลิ่นธูปลอยมา ให้ได้กลิ่นด้วยนะหนุ่ม ทั้งๆที่ไม่มีคนมาจุดเลย มีก็แต่ปู่นี่ละนะ ที่อยู่ตรงนี้มานาน...มาก ปู่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอด ปู่ก็ไม่มีใคร ปู่เหงา ได้พูดคุยกับคนก็รู้สึกดีจริงๆ "ผม : " โห..ขนาดนั้นเลยหรอครับ แต่ผมว่านะ น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่านะครับ ผมว่าผมก็เป็นอีกคนละครับที่ไม่เชื่อว่าเกิดจากผี "ชายชรา : " หึ..หึ..หึ..เดี๋ยวหนุ่มก็รู้เอง ว่าผีมีอยู่จริง ๆ " ชายชรามองหน้าผม และหัวเราะเสียงดังผม : " ว่าแต่ปู่ชื่ออะไรครับ อยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้วครับเนี่ย "ชายชรา " ปู่ชื่อมิ่ง อยู่ที่นี่มา 100 ปีแล้วล่ะหนุ่ม "ผม : " โห...ปู่ก็น่าจะอายุเยอะมากๆ แล้วนะครับ ทำไมยังดูแข็งแรงเดินได้คล่องอยู่เลยล่ะครับ "ชายชรา : " ก็ลองมาอยู่กับปู่ดูซิ ฮะ..ฮะ...ฮ่า…" ชายชรากับผม ก็หัวเราะชอบใจเสียงดัง จนซักพักรถที่ลูกค้าให้ช่างมาลากรถผมก็มาถึง ในจังหวะที่ผมหันไปมองช่างแล้วหันกลับมา เพื่อจะบอกขอบคุณชายชรานั้น ก็พบกับความว่างเปล่า ชายชราคนนั้นลงจากรถไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูรถเลยช่าง : " คุณมินทร์ใช่ไหมครับ "ผม : " เอ่ออ..ใช่ครับ ช่างครับพอจะเห็นคนแก่ๆไหมครับ เขามานั่งรอเป็นเพื่อนผม ผมกะว่าจะขอบคุณเขาซะหน่อย แต่ไม่รู้เดินไปไหนแล้ว " ช่างทุกคนมองหน้ากัน หน้าซีดเป็นไข่ต้ม และไม่ได้ตอบอะไรผม แต่รีบพ่วงรถผมและลากรถผมออกจากตรงนี้ทันที ปล่อยให้ผมนั่งงงไปเลย จนเวลา 21.30 น. ช่างก็ลากรถมาถึงอู่ และพาผมไปหาคุณดิเรกทันทีคุณดิเรก : " เป็นไงบ้างครับคุณมินทร์ รอนานไหมครับ "ผม : " ก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ โชคดีมีคนแก่มานั่งคุยเป็นเพื่อนระหว่างรอน่ะครับ " คุณดิเรกทำหน้าตกใจและลุกลี้ลุกลนแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และพาผมเข้าบ้านไปคุยเรื่องงานกันต่อ จนคุยงานกับคุณดิเรกเสร็จ ก็เวลา ตี 2 คุณดิเรก : " ดึกมากแล้ว ผมว่าคุณมินทร์นอนที่นี่ก่อนดีไหมครับ แล้วค่อยกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าแทน "ผม : " อ๋อ..ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเลยดีกว่าครับ รบกวนคุณดิเรกมามากแล้ว ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับวันนี้ "คุณดิเรก : " ยินดีครับ ถ้ายังงั้น ขับรถกลับดีๆนะครับ "ผม : " ขอบคุณครับ ไว้เจอกันในงานสังสรรค์ที่จะถึงนี้นะครับคุณดิเรก "คุณดิเรก : " แน่นอนครับคุณมินทร์ " ในการเดินทางกลับ ผมก็ยังคงใช้เส้นทางเดิมนั้น และต้องผ่านสุสานแห่งนั้นเหมือนเดิม Cr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ในขณะที่ขับมาถึงจุดๆเดิม รถก็เกิดดับอีกครั้ง ทั้งที่ช่างบอกว่ารถปกติดีแล้วแท้ๆ แต่ทำไมล่ะ รถผมยังดับอีก ผมเริ่มรู้สึกโมโหกับรถที่ไม่ได้เรื่องของผมมากๆ"..พรึ่บ!!.พรึ่บ!!….พรึ่บ!!...พรึ่บ!!..." จู่ๆ ไฟที่มีอยู่เสาเดียวข้างทางเสาเดิมนั้น ก็เดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ และกระพริบๆ อยู่อย่างนั้นเหมือนเดิมชายชรา : " อ้าว !! หนุ่ม รถดับอีกแล้วรึ ฮะ..ฮ่ะ..ฮ่า.. เจอผีหลอกเข้าอีกแล้วซิท่า... " ชายชราคนเดิมที่เจอก็ทักทาย และยืนอยู่ฝั่งคนขับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าแกเดินมาตอนไหน และผมเองก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็ดีใจที่จะได้ขอบใจชายชราคนนี้ผม : " อ้าว!!ปู่ ...ตอนนั้นปู่ลงจากรถไปตอนไหนครับ ผมว่าจะขอบคุณปู่ซะหน่อย "ชายชรา : " ไม่ต้องรู้หรอกหนุ่ม มันเป็นความลับ ว่าแต่หนุ่มจะเชื่อได้รึยังว่าผีมีจริงๆ หนุ่มขับรถมาดับตรงเดิมเหมือนที่ปู่บอกไว้เลยนะ "ผม : " ฮะ..ฮะ..ฮ่าา.. ปู่จะหลอกผมอีกแล้วหรอครับปู่ ผมไม่เชื่อเรื่องนี้จริงๆครับ ผมว่ารถผมน่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่าน่ะครับ "ชายชรา : " ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะหนุ่ม ไม่มีช่างมาดูรถให้หรอกนะ หนุ่มคงต้องนอนบนรถ รอพรุ่งนี้เช้า เดี๋ยวรถก็ติดเอง ไม่ต้องเรียกช่างเลย "ผม : " ผมก็คงต้องนอนตรงนี้จริงๆแหละครับปู่ "ชายชรา : " ปู่อยู่เป็นเพื่อนเหมือนเดิมละกันนะหนุ่ม "ผม : " ไม่เป็นไรครับปู่ ผมรบกวนปู่มามากแล้ว ปู่กลับบ้านไปนอนเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมโอเคร "ชายชรา : " ปู่เข้าบ้านไม่ได้น่ะหนุ่ม ไม่ต้องเกรงใจปู่หรอก ปู่ก็อยู่คนเดียวมานาน เหงามากเลย "ผม : " อ้าว !! บ้านตัวเองทำไมเข้าไม่ได้ละครับปู่ " ชายชรายิ้มหน้าบาน แต่ไม่ได้ตอบอะไรผม ผมเลยเดาว่า น่าจะทะเลาะกับภรรยา เลยเข้าบ้านไม่ได้แน่ๆผม : " งั้นปู่ขึ้นรถมาเลยครับ " ผมกับชายชรานอนด้วยกันบนรถ และไม่ได้พูดอะไรกัน จนเช้า ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าชายชราไม่อยู่แล้ว ผมก็เลยลองสตาร์ทรถดู ปรากฎว่าสตาร์ทติด เหมือนที่ชายชราคนนั้นบอกไว้เลย ผมก็ไม่รอช้า ด้วยความหิวข้าวด้วย ผมเลยรีบขับรถกลับบ้านทันที จนมาถึงวันงานสังสรรค์ ผมก็ได้เจอและพูดคุยกับคุณดิเรก ผมได้เล่าเรื่องวันนั้นให้คุณดิเรกฟัง ว่าเป็นวันที่ผมสุขใจมากๆ ที่มีคุณดิเรกช่วยเรียกช่างมาลากรถ และได้เจอกับชายชราคนนั้นด้วย แต่ทว่า...คุณดิเรกดูตกใจ และเล่าเรื่องราวที่ๆตรงนั้นให้ผมฟัง คุณดิเรกเล่าตรงตามที่ชายชราคนนั้นเล่าให้ผมฟัง แต่ผมต้องอึ้งกับเรื่องที่ผมได้รับรู้เพิ่มคือ เมื่อรถคันใดดับแล้ว ก็จะพบกับชายชราชื่อมิ่ง มาทักทายและพูดคุยด้วย ซึ่งชายชราคนนั้นตายและมีหลุมฝังศพตรงกับเสาไฟ ที่มีอยู่เสาเดียวเสานั้น มีคนเจอชายชราคนนั้น และพูดคุยกับชายชราคนนั้นมาเยอะมากๆ และคงไม่มีใครกล้าขับรถผ่านทางๆนั้นอีกเลย "...จากที่ผมไม่เชื่อเรื่องลึกลับเลย แต่พอได้เจอและสัมผัสกับตัวเองแล้ว ผมก็กลายเป็นคนที่กลัวผีจนสติแตกไปเลยแล้วครับ.."