การวิ่งมาราธอนเป็นความฝันสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิตของผู้เขียนค่ะ เค้าว่ากันว่าการวิ่งมาราธอนจะเปลี่ยนชีวิตและทัศนคติของเราไปได้มากเหลือเกิน และมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้บอกเอาไว้อีกว่า เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิตควรลงวิ่งมาราธอนสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าความรู้สึกหลังจากวิ่งทะลุขีดจำกัดความสามารถของตัวเองได้นั้นเป็นอย่างไร การวิ่งมาราธอนในระยะทางประมาณ 42.1 กิโลเมตร ต้องอาศัยทั้งความแข็งแรง ความพร้อมของร่างกาย และที่สำคัญคือความพร้อมทางด้านจิตใจ เพราะในตอนที่ร่างกายเราเหนื่อย จนแทบก้าวเท่าวิ่งไปข้างหน้าไม่ไหว เราต้องใช้ใจก้าวไปข้างหน้าแทน วันนี้ผู้เขียนจึงได้โอกาสมาวิ่งเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายไปทีละนิดทีละหน่อย ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติเขาพระใหญ่ ตอนนี้อาจจะยังทำได้ไม่สม่ำเสมอ แต่ผู้เขียนจะพยายามทำให้ดีขึ้นในทุก ๆ วันค่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่นิยมทั้งกับคนวัยหนุ่ม สาวและผู้สูงวัยค่ะ วิ่งได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยค่ะ ในตอนเย็นจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายที่นี่เยอะพอสมควร รวมถึงตอนเช้า ๆ ด้วยค่ะ แต่ตอนเย็นจะมีชมรมเต้นแอโรบิคอีกด้วยนะคะ มีสมาชิกเป็นสิบ ๆ คนเลยค่ะ เต้นพร้อมเพรียงกันด้วย ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าตอนเช้า ๆ เค้ามาเต้นกันหรือเปล่า เพราะผู้เขียนมักจะไปตอนเย็นเป็นส่วนใหญ่ค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน สวนสาธารณะแห่งนี้จะมีสุนัขค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ดุเลยนะคะ เป็นมิตรมาก ๆ บางทีก็ได้เห็นกระรอกตามต้นไม้ด้วยค่ะ ธรรมชาติจริง ๆ เวลามาวิ่งตอนเย็น ๆ บรรยากาศจะดีมากเลยค่ะ เย็นสดชื่นสุด ๆ คงจะเป็นเพราะมันอยู่ติดบริเวณเขาพระใหญ่ด้วย ต้นไม้จึงเยอะและอากาศก็ร่มเย็นค่ะ ด้วยความที่สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่สูง เราจึงมองเห็นวิวของเมืองพัทยาได้อย่างเด่นชัด ตอนค่ำ ๆ แสงสีของเมืองนี้สวยมากค่ะ พร้อมกับอากาศเย็น ๆ ให้ความรู้สึกที่ดีมาก 😍 ทางที่เค้าทำไว้ให้วิ่งจะเป็นเส้นที่วนเป็นวงกลมรอบเขาพระตำหนักค่ะ วิ่งครบ 1 รอบ เท่ากับระยะทาง 1,500 เมตร นั่นเท่ากับว่าผู้เขียนต้องวิ่งให้ได้ 28 รอบ ถึงจะเท่ากับระยะทางของการวิ่งมาราธอน ซึ่งมันยากมาก ๆ สำหรับผู้เขียน ตอนที่ผู้เขียนวิ่งแรก ๆ เหนื่อยมากเลยค่ะ หอบจนแสบคอ แสบจมูกไปหมด เพราะพี่ที่โรงเรียนสมัยมัธยมคนที่วิ่งอึด ๆ เค้าบอกว่าอย่าหายใจทางปาก เพราะมันจะทำให้เหนื่อยมากขึ้น ให้หายใจทางจมูกเท่านั้น (โพรงจมูกน้องจะไม่ไหวแล้ว 😂)และเหมือนจะเดินเสียเป็นส่วนใหญ่ด้วยนะคะ เพราะวิ่งไม่ไหวค่ะ ยิ่งวันที่ใส่กางเกงขาสั้นไปวิ่งนี่คือนรกบนดินเลยค่ะ เพราะผู้เขียนจะคันขามาก คันยิบ ๆๆ ทรมานมากค่ะ ต้องกลับมาอาบน้ำอาการคันนั้นจึงหายไป แต่วันที่ผู้เขียนใส่กางเกงขายาวจะไม่มีอาการคันใด ๆ เลยค่ะ หลัง ๆ มาเลยไม่ใส่ขาสั้นแล้ว แต่วิ่งช่วงแรกกลับมานอนปวดขาทรมานอีกค่ะ แต่หลับสนิทดีมากกก ภาพถ่ายโดยผู้เขียน พอวิ่งมาเหนื่อย ๆ เสียเหงื่อมาก ๆ แต่ไม่ได้พกน้ำดื่มมาด้วย ก็สามารถแวะซื้อน้ำได้บริเวณด้านหน้าของทางเข้าสวนสาธารณะเลยค่ะ จะมีคุณป้าคนหนึ่งนำน้ำมาขายมีให้เลือกเยอะเลยค่ะ แถมมีขนมด้วย ตัวผู้เขียนเองวิ่งถึงช่วงค่ำ ๆ ไม่เกิน 1 ทุ่มก็กลับแล้วค่ะ บางวันก็จะพกแบตมินตันไปตีด้วย ผู้เขียนตั้งใจไว้ว่าจะซ้อมวิ่งวันละ 1 รอบไปเรื่อย ๆ จนกว่าร่างกายจะเริ่มชินและเหนื่อยน้อยลง จากนั้นจะเพิ่มระยะทางให้มากขึ้นจนกว่าจะเก็บระยะทางให้ได้เท่ากับการวิ่งมาราธอนค่ะ อาจจะใช้เวลานานหน่อยกว่าร่างกายผู้เขียนจะพร้อม แต่อย่างไรก็ตามชีวิตนี้ผู้เขียนต้องคว้าเหรียญจากการวิ่งมาราธอนมาครอบครองให้ได้ค่ะ สู้!!