ในสถานการณ์ไหนๆ เราก็เจอความเครียดกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกปัจจุบันที่มีความสับสนวุ่นวายยิ่งกระตุ้นให้เกิดความเครียดได้ง่ายมาก เมื่อเราหลีกเลี่ยงความเครียดได้ยาก เรามาหาวิธีรับมือกับความเครียดกันค่ะ1.การหายใจลึกๆ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่สามารถช่วยลดความเครียดลงได้ เมื่อเราเกิดความเครียดจะกระตุ้นไปยังระบบ ซิมพาเทติก ของร่างกาย ทำให้เราหายใจเร็วขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น หลอดเลือดหดตัว ในขณะที่การหายใจเข้าลึกๆจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบ พาราซิมพาเทติก ซึ่งทำงานตรงข้ามกัน นอกจากนั้นการหายใจเข้าลึกยังทำให้เราจดจ่ออยู่กับลมหายใจ การจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจึงทำให้เราลดความกังวลต่อเรื่องอดีตและอนาคตไปได้2.การอยู่กับปัจจุบัน การคิดถึงเรื่องในอดีตอาจทำให้เรารู้สึกผิดหวัง และการคิดถึงอนาคต อาจทำให้เรารู้สึกกังวล ดังนั้นการการพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบันจึงเป็นเดียวที่เราสามารถทำได้ในขณะนี้ เพราะคงไม่มีใครย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ และคงไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตล่วงหน้าได้เช่นกัน 3.การเขียน หลายครั้งที่เราเกิดความสับสนและว้าวุ่นใจรู้สึกเครียด โดยที่บางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเครียดเรื่องอะไรกันแน่ และการฝืนทำสิ่งต่างๆในขณะที่กำลังเครียด ย่อมไม่ช่วยให้เกิดผลงานที่ดี ดังนั้นเมื่อเกิดความเครียดวุ่นวายใจอาจหาที่นั่งเงียบๆเพื่อคิดทบทนวถึงเหตุการณหรือสิ่งที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุและเขียนความรู้สึกที่เรามีต่อเหตุการณ์นั้นๆ ออกมาอย่างจริงใจ เราสามารถเขียนถึงสาเหตุของปัญหา มุมมองของเราที่มีต่อปัญหานั้นๆ การเขียนจะทำให้เรามองเห็นสภาพของปัญหาได้อย่างชัดเจนและรู้ว่าสิ่งไหนที่เราสามารถแก้ไขได้ สิ่งไหนที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ อย่าลืมว่าเราแก้ไขได้เฉพาะส่วนที่เป็นปัญหาของเราเท่านั้น และเราไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจเราได้ เช่น ลม ฟ้า อากาศ หรือความคิดของผู้อื่น ปัญหาที่คิดแล้วไม่สามารถแก้ไขได้มีสองแนวทางที่เราทำต่อมันได้คือ อดทนหรือหลีกเลี่ยง4.การพูดคุยกับคนรอบข้าง การพูดคุยกับคนรอบข้างได้ผลใกล้เดียวกับการเขียน เพราะจะทำให้เราได้เรียบเรียงความคิดของตัวเองออกมาเป็นคำพูด และระหว่างนั้นเราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นและพร้อมที่จะทำการแก้ไข โดยส่วนใหญ่วิธีนี้มักได้ผลดีหากคู่สนทนาเป็นคนที่รับฟังความคิดเห็นของเรามากกว่าแนะนำหรือตักเตือน5.ออกไปใช้ชีวิต ทำเรื่องที่เราอยากทำ การหมกหมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตเป็นสิงที่น่าเสียดาย คงไม่มีใครอยากเกิดมาเครียด ปวดหัวแล้วก็หลับไป เราสามารถแบ่งเวลาเพียงเล็กน้อยทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตหรือสิ่งที่เราพอใจที่จะทำ ถึงแม้สิ่งเน้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแต่ในขณะหนึ่งที่เราได้ใช้ชีวิตแบบเอาแต่ใจบ้าง โดยเราสามารถดลือกกิจกรรมได้หลากหลายโดยเฉพาะ การออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ หรือฟังเพลงเบาๆ การวางปัญหาลงชั่วคราวเพื่อกลับไปสู้อีกครั้งด้วยสภาพจิตใจที่ดีขึ้นเราอาจจะพบทางออกในไม่ช้า6.การปล่อยวาง คำพูดธรรมดาที่ไม่ธรรมดาและทำได้ยากเอามากๆ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และฝึกใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะความทุกข์ ความเครียดใดๆที่แบกไว้จะเบาลงได้ เมื่อเราวางมันลง ในชีวิตเราอาจจะต้องแบกรับความกดดันหลายอย่างทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงานหรือสังคมต่างๆ สิ่งที่หนักหนาในการใช้ชีวิตเราคือการแบกรับความรู้สึกของคนอื่นนั่นเอง ในบางครั้งเราอาจทำได้แค่ปล่อยให้สิ่งต่างๆที่เหนือความควบคุมได้เกิดขึ้นและเรียนรู้ที่จะยอมรับและแก้ไขตามสถานการณ์เมื่อพบกับความเครียดบางครั้งสิ่งที่สำคัญอาจไม่ใช่การทำให้ความเครียดหายไปเร็วที่สุดแต่เป็นการเข้าใจสาเหตุและวิธีการจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ เรียนรู้ที่จะมองความเครียดในรูปแบบใหม่ เพราะความเครียดไม่ใช่ภัยอันตราย หากเรารู้จักการจัดการความเครียดอาจเป็นแรงผลักดันให้เราแก้ไขปัญหาต่างๆได้ภาพประกอบ ปก ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่4