Sattahip hip วิบ ๆ วับ ๆ ฮัมเพลงตามมา สวัสดีคร่า เพื่อน ๆ มันเกิดจากอารมณ์ล้วน ๆ ของเราสองคน สาวโสด เกิดนึกเป็นภูมิแพ้ กรุงเทพเมืองฟ้าอมร หรือแพ้ฝุ่น pm2.5 ก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ แพ้ความเหงาในใจที่แวบเข้ามา สาบานได้ อารมณ์ชั่ววูบจริงจริ๊งค่ะ เพื่อนสาวนางหนึ่งหาทริปลงใกล้ ๆ กรุงเทพฯ นางโทรมาชวน " แกสนใจไปเที่ยวแบบแบคแพค ถูกถูก กันไหมแก" ไปใกล้ใกล้กรุงเทพฯ นี่ล่ะ ไอ้เราก็ใจง่ายเพื่อนชวนปุ๊บ เห็นโรงแรมปั๊บ เลยตามนางไปซะงั้นเพียงแค่เห็นโรงแรมที่นางส่งมา ยอมรับเหงาแร่ะ อยากออกจากบ้านแร่ะ ไม่ได้เที่ยวมาพักนึงแล้วล่ะ ทริปนี้จึงเกิดขึ้นแบบ ปุบปับ ๆ แต่จะวิบ ๆ วับ ๆ ไหมตามมากันเลยคร่า เช้าวันเสาร์ เรานัดเจอเพื่อนสาวที่ ท่ารถตู้สถานีขนส่งหมอชิต บอกตรง ๆ ต่างคนต่างไม่ทำการบ้านเลยจ้า เราคิดว่าก็ สัตหีบ อ่ะเนอะคงไปไม่ยาก ไอ้เราก็ไว้ใจเพื่อน เพื่อนบอกอยากไปชิลล์ ไม่เน้นเที่ยวเก็บจุดเช็คอิน อยากนอนชิว ๆ ริมทะเล อื้มมม เคลิ้มมาก แต่พอมาถึงแหม่ ๆ อิหยังวะไหงคนล้านแปดต่อคิวรถตู้ มาถึงตั้งแต่ 10 โมงได้เที่ยวไปเกือบบ่ายโมงจ้า บันเทิงเลย วันหยุดยาวเราเข้าใจแต่ไม่คิดว่าจะเยอะแบบนี้ คิดในใจหรือทุกคนก็คิดหนีฝุ่นเหมือนเราค่าตั๋วอยู่ที่ 140-170 บ./เที่ยว แล้วแต่จุดที่เราขึ้นรถ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม. ในที่สุดเราก็มาถึงสัตหีบกันแล้วจ้า เราลงจุดจอดรถตู้ปากทางแล้วนั่งวินเข้ายังที่พักของเรา โรงแรมของเรา ชื่อว่า Sattahiptale boutique guesthouse & hostel อยู่ถนน เรียบริมหาดสัตหีบ เป็นโรงแรมน่ารัก ๆ บรรยากาศโฮสเทลและเกสเฮาส์ซึ่งเราว่าดีเลยนะ เจ้าของน่ารัก ทีเด็ดคือวิวดาดฟ้าของโรงแรม มาถึงก็เกือบเย็นเราเดินไปสำรวจรอบ ๆ ที่พัก ใกล้ตลาดโต้รุ่งหาของกินสะดวกมาก วันนั้นเป็นวันหยุดยาวมาฆบูชา เพื่อนสาวบอกถ้ามีวัดใกล้ ๆ เราไปเวียนเทียนกันเนาะ พอหันไปทางขวา อื้อหือวัดใกล้ที่พักมากเดิน 5นาทีถึงสุดท้ายค่ำคืนนั้นเราไม่ได้จบที่การดริงค์ถึงแม้จะแอบเปรี้ยวปากบ้างก็ตาม ได้พาเพื่อนไปเวียนเทียนก็สุขอีกแบบ เพราะที่ไหน ๆ เค้าก็ไม่ขายแอลกอฮอล์ให้เรานะจ๊ะ เช้ามาต้วมเตี้ยมทัวร์ของเราเริ่มต้นสาย ๆ แพลนแรกของเราว่าจะไปหาเบรคฟาสต์ทานที่ร้านคาเฟ่ริมหาดชิค ๆ ที่เราแอบสำรวจไว้เมื่อวาน เดินไปเดินมาไหงจบที่ร้านข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ 50 บ.ก็คาเฟ่มันไม่อิ่มท้องอ่าเนอะ จัดเช้าแล้วเราไปต่อกาแฟอย่างเดียวที่คาเฟ่นั้น นั่งชิวดื่มด่ำกาแฟบรรยากาศดีไม่หยอก สิ่งที่ผิดคาดคือเรานึกว่าสัตหีบ ที่พักเราชายหาดคงเล่นน้ำได้ เลยแพลนว่าวันวันนึงเราคงนอนอ่านหนังสือฟินกับทะเลแบบสาย ฝ แต่...มันมีแต่ท่าเรือเทียบชายเลน ขยะค่อนข้างเยอะหาดทรายไม่เหมาะจะเอนกายนอนได้เลยสักนิด เราจึงเปลี่ยนแผนหาชายหาดที่เขานิยมไปกัน เราได้คำแนะนำจากคุณป้าท้องถิ่นว่าไปหาดนางรำสิ พวกเราจึงเช่ารถสองแถวคันสีขาว เหมาประมาณ 300 บาทต่อเที่ยวไปหาดนางรำ เมื่อไปถึงช็อคอีกระลอก คนเต็มผืนหาดนั่งปิคนิค ปาร์ตี้ส้มตำกันจนไม่มีพื้นที่ให้เราแทรก โอ้ความฝัน vs ความจริง การนอนอ่านหนังสืออาบแดด ฟิน ๆ นั้น ตื่นค่ะซิส สุดท้ายเราหาซอกหลืบเล็กสุดริมหาดแทรกตัวเข้าไป ยอมรับว่าหาดที่นี่ สวยใส น่าเล่นน้ำ แต่คงจะดีถ้าคนน้อยกว่านี้ ขยะน้อยกว่านี้ ในเมื่อมาแล้วก็ต้องลงเล่นน้ำสิคะ Life must go on จ้า อย่างน้อยการได้จบช่วงเย็นที่หาดนางรำก็ฟีลกู้ดกันค่ะ เราโทรเรียกรถสองแถวให้มารับขากลับเพราะไม่มีขนส่งสาธารณะถึงที่หาดเลย นักท่องเที่ยวส่วนมากมารถส่วนตัว กลับถึงทีพักเราไปหาของกินตลาดโต้รุ่ง อาหารราคาโอเค ไม่ได้แพงจนรับไม่ไหว หลังจากดินเนอร์เราก็ไม่พลาดไฮไลท์ของโรงแรม คือบาร์ชั้นดาดฟ้า วิวดีมาก ค่ำคืนนี้ เรากับเพื่อนดริงค์เบา ๆ กับวิวหลักล้านเท่านี้ก็ฟุลฟิล ชีวิตสาวโสด แอบเสียดายที่มันเงียบไปหน่อย ดูเหมือนคนจะน้อย ร้านรวงเงียบเหงา คนคงกลัวข่าวกักกันโควิด เช้าวันสุดท้าย ขอตื่นเช้าไปดูตลาดสดกันหน่อย แวะซื้อข้าวจี่ เดินเรียบสะพานท่าเรือตำรวจน้ำดูพระอาทิตย์ขึ้น ฟีลดีเว่อร์ กลับมากินเบรคฟาสต์ ที่ดาดฟ้าโรงแรม เก็บวิวก่อนจากลา ขากลับเราเช็คเอาท์ แวะไหว้ขอพรหลวงพ่ออี๋ วัดดังประจำสัตหีบแล้วนั่งพี่วินไปท่ารถตู้กลับ กทม. คนละ 25 บ. ก่อนถึงท่ารถตู้ผ่านศาลกรมหลวงชุมพร ฯ คนมาแก้บนกันคึกคัก ซื้อตั๋วกลับ กทม.ราคาเดิมที่มา จบทริปสัตหีบ ปุบปับ วิบวับ ทัวร์โดยสวัสดิภาพจ้า ใครหาที่พักกายพักใจใกล้กรุงเทพฯ แนะนำเลยค่ะ ภาพประกอบโดยนักเขียน