“วันทามารีย์ เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใด ๆ และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงได้รับพระพรยิ่งนัก สันตะมารีย์ พระมารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อลูกทั้งหลายผู้เป็นคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน” บทสวดนี้อาจจะคุ้นหูกันบ้าง โดยเฉพาะคนที่เคยเรียนในโรงเรียนคาทอลิกมาก่อน บทสวดนี้อาจจะเป็นเพียงบทสวดสำหรับกิจกรรมทางศาสนาของชาวคริสต์ในสายตาของคนทั่วไป แต่สำหรับชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ล้วนถือเป็นบทสวดอย่างหนึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจระหว่างพวกเขากับพระแม่มารีย์ ผู้ที่เป็นมารดาของพระเยซูเจ้า มีความเชื่อและเกิดเหตุอัศจรรย์ในหลายครั้งของพระแม่มารีย์ ในช่วงปี พ.ศ. 2254 สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวญวนหรือชาวเวียดนามในปัจจุบันจำนวน 130 คน ได้หลบหนีการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในดินแดนของตัวเอง พาตัวเองล่องเรือมาลี้ภัยและตั้งรกรากที่ฝั่งจันทบุรี ซึ่งชาวญวนกลุ่มนี้ ยังได้นำพาความเชื่อของพวกเขามาด้วย โดยมีบาทหลวงนามเฮิ้ต โตแลนติโน ที่เป็นบาทหลวงในสังฆมณฑลสยามเข้ามาดูแล และได้ก่อสร้างวิหารหลังแรกขึ้นเพื่อใช้ในพิธีบูชามิสซา แต่อยู่ได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์เบียดเบียนชาวคริสต์ในแผ่นดินสยาม ทำให้ชาวคริสต์กลุ่มนี้ต้องโยกย้ายหลบหนี และทิ้งวิหารจนเสื่อมโทรม จนมาสร้างวิหารหลังที่สองในปี พ.ศ. 2295 ที่เหตุการณ์เริ่มสงบลง และได้ทำการโยกย้ายพื้นที่ในการสร้างใหม่อีก 2 ครั้ง และสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำจันทบูรเป็นครั้งที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2449 และเรียกขานกันในชื่อ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ในวัดคาทอลิกจะมีลำดับการแบ่งขนาดของวัดและการใช้งานคือ โบสถ์น้อยหรือวัดน้อย (Chapel) คือโบสถ์ที่เป็นหลังขนาดเล็ก ใช้จัดพิธีที่มีผู้คนเข้าร่วมจำนวนไม่มาก ถัดมาคือ โบสถ์ (Church) ที่เป็นศาสนสถานทั่วไป ต่อมาคือ อาสนวิหาร (Cathedral) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นศูนย์กลางของมุขมณฑล ที่พระสังฆราชของเขตนั้น ๆ พักอาศัยอยู่ และลำดับใหญ่ที่สุดคือ มหาวิหาร (Basilica) จะเป็นเฉพาะโบสถ์ใหญ่ที่สำคัญและได้รับการแต่งตั้งโดยพระสันตะปาปา ซึ่งในประเทศไทย ยังไม่เคยมีมหาวิหารมาก่อน ซึ่งอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ไม่ได้เป็นแค่โบสถ์ใหญ่และเป็นที่พำนักของสังฆราชเท่านั้น ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจันทบุรี และมีความงดงามซ่อนอยู่ด้านใน “รูปปั้นนี้ไม่ใช่แค่รูปปั้นธรรมดา แต่มันคือรูปปั้นที่มีอายุหลายร้อยปี เป็นรูปปั้นที่ชาวญวนได้นำมาด้วยตอนอพยพมายังที่นี่ ใบหน้าของแม่พระบนรูปปั้นองค์นี้ จึงดูไม่คมเหมือนชาวอิสราเอล แต่จะออกทางเอเชียแบบเวียดนาม” ผู้ดูแลของอาสนวิหารเล่าให้ฟังถึงรูปปั้นที่ตั้งอยู่ตรงกลางวิหารแห่งนี้ จึงถือได้ว่านี่คือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าชุมชนชาวคริสต์คาทอลิกได้ก่อตั้งขึ้นที่นี่แท้จริง แม้จะผ่านมาหลายร้อยปี ความศรัทธาของชาวคริสต์ก็ยังคงอยู่ มิได้เสื่อมคลายหายไปไหน อีกทั้งแม่พระก็ยังเป็นคนกลางที่คริสต์ศาสนิกชนร้องขอวิงวอนผ่านพระองค์ท่านเสมอ “ข้างบนเป็นชั้นลอย ไม้อายุร้อยกว่าปี สมัยเด็กผมเคยได้ขึ้นไปเล่นข้างบนอยู่ แต่ตอนนี้ปิดแล้ว เพื่อรักษาไว้ ส่วนเพดานตกแต่งเป็นแบบท้องเรือโนอาห์ตามแบบในคัมภีร์อพยพที่เรือโนอาห์ลอยในช่วงน้ำท่วมโลก อีกอย่างหนึ่งคือบาทหลวงได้เห็นว่าตอนชาวญวนลี้ภัยมาที่นี่ ก็มาด้วยเรือ จึงให้ทำเพดานเป็นแบบเรือ เพื่อไว้บอกเล่าว่าคริสตชนชาวญวนได้มาที่นี่ด้วยเรือ” งานสถาปัตยกรรมก็ถือเป็นงานที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยการสร้างแบบกอธิค ที่เป็นทรงแบบยุโรปตะวันตก และใช้กระจกสีแบบที่ทางตะวันตกใช้อีกด้วย เกิดเป็นสีสันงดงามภายใน “ถ้าสังเกตจะเห็นว่าทั้งตัววิหาร จะเป็นแบบกอธิคหมดเลย ซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่เหยียบอยู่ ก็เป็นหินที่นำมาจากฝรั่งเศส กระจกสีก็เช่นเดียวกัน ที่เน้นงานศิลป์และประดับด้วยรูปนักบุญแต่ละองค์ไว้ จะเห็นได้ว่าตอนแสงส่องทะลุมา จะเกิดสีสันภายในตัววิหาร สีสวยมากเลยครับ” และเป็นที่รู้กันถึงจันทบุรีมีคำขวัญว่า “น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี” พลอยจึงเป็นที่ขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรีเป็นอย่างยิ่ง จนเกิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจขอจังหวัดอย่างมหาศาล และเมื่อแหล่งขึ้นชื่อ สถานที่แห่งนี้ก็ได้นำมาพลอยมาใช้เพื่อเติมเต็มความเป็นจันทบุรีเข้าไป “จุดเด่นของอาสนวิหารแห่งนี้ก็คือรูปปั้นแม่พระ ที่ตัวรูปปั้นทำจากเงินบริสุทธิ์ และภายนอกประดับด้วยทองคำและพลอยอีกกว่าสองแสนเม็ด ตีได้กว่าสองหมื่นกะรัต เรียกว่ามาแล้ว ต้องเข้าชมความงามใกล้ ๆ แต่ทางเราไม่อนุญาตให้สัมผัสในทุกกรณีนะครับ” “อีกอันที่ผมอยากจะนำเสนอ คือรูปภาพแม่พระและกุมารเยซู กับภาพดวงพระหฤทัยของพระเยซู มองไกล ๆ อาจจะเป็นแค่รูปภาพทั่วไปนะครับ แต่อยากให้มองเข้าไปใกล้ ๆ รูปภาพนี่จะเรียงด้วยเม็ดพลอยตามสี จนออกมาเป็นภาพ ผมก็นับได้ไม่หมดว่าใช้กี่เม็ด แต่เยอะแน่นอน โดยเฉพาะรูปภาพดวงพระหฤทัย ที่เกิดอัศจรรย์กับบางคน ที่เอามือไปแตะภาพตรงหัวใจของพระเยซู บางคนเล่าว่าสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็อยากให้ใช้วิจารณญาณกันด้วยครับ แต่ความศรัทธาของผมนั้น มีเต็มเปี่ยม” การได้ฟังเรื่องเล่าต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่นำชมภายในวิหารแห่งนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความเชื่ออย่างสุดใจที่เขามีให้ต่อศาสนาคริสต์ อีกทั้งการนำชมของเขายังได้สร้างรอยยิ้มให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ไม่ได้เป็นเพียงแค่ศาสนสถานอันสวยงามของจันทบุรีเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้การเดินทางของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย การลี้ภัยจากการเบียดเบียนทางศาสนาในต่างแดน ความใจกว้างของชุมชนและผู้คนในพื้นที่ และทั้งหมดก็ทำให้อาสนวิหารแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและความสุขทางใจกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ที่ใครได้ย่างเท้าเข้าไป ก็จะสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านั้น