มาเที่ยวจันทบุรีทั้งที ต้องได้ความรู้ดี ๆ กลับบ้านเมื่อต้นสัปดาห์ผู้เขียนได้มีโอกาสไปดูงานกับเทศบาลที่ผู้เขียนอาศัยอยู่ เป็นการนำกลุ่มสตรีของอำเภอนี้ไปทัศนศึกษา ท่องเที่ยว และเรียนรู้ในเขตจังหวัดจันทบุรี หลังจากพักผ่อนกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เดินทางมาแวะชม และเข้ารับการอบรม ที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ ที่น่าสนใจหลายอย่าง ผู้เขียนอยากจะนำมาถ่ายทอดลงในบทความนี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้บ้างโดยมีรายละเอียดตามฐานต่าง ๆ ดังนี้1.การเพาะเห็ดชนิดต่าง ๆ เช่น เห็ดขอนไม้ เห็ดนางฟ้าภูฐาน เห็ดนางรม เห็ดหูหนูดำ และเห็ดหูหนูขาว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่น่ารักมากคอยตอบคำถามของผู้เข้าชมอย่างละเอียด ฟังแล้วการเพาะเห็ดจึงดูเหมือนจะทำไม่ยาก แต่เมื่อได้ลงมือทำจริงแล้วหากมีข้อสงสัย ก็สามารถติดต่อสอบถามปัญหาที่พบ กับทางศูนย์ได้ตลอดเวลา 2.การปลูกผักอินทรีย์แบบยกแคร่เป็นการปลูกผักที่ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก เหมาะกับผู้ที่อยู่ในเมืองถึงแม้ไม่มีพื้นที่เพาะปลูก ก็สามารปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินในครอบครัวได้ แค่เพียงทำแคร่ยกขึ้นมา ปูด้วยผ้าตาข่าย แล้วนำมาวางบริเวณมุมหลังบ้าน หรือระเบียงหน้าบ้านก็ได้ ดูแล้วไม่ยาก ผู้เขียนคิดว่าแบบนี้ดีมาก สามารถนำมาปรับใช้เพื่อปลูกผักกินเองได้แล้ว ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน ที่สำคัญปลอดภัยจากสารเคมีอีกด้วย 3.การแปรรูปผลิตภัณฑ์หากใครสนใจในการเรียนรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สามารถติดต่อทางศูนย์ได้เพื่อสำรองที่นั่งได้ล่วงหน้า เมื่อรวบรวมรายชื่อครบ30คน ขึ้นไปทางศูนย์จะสอนให้ฟรี ซึ่งมีหลักสูตร การทำสบู่ แชมพูจากน้ำผึ้ง และลิปปาล์มจากขี้ผึ้ง ซึ่งในน้ำผึ้งและขี้ผึ้งมีสารสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากเชื้อโรคได้ดีมาก4.การเลี้ยงจิ้งหรีดศูนย์แห่งนี้จะเป็นแหล่งขยายพันธุ์จิ้งหรีด แล้วแบ่งให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงเพื่อสร้างอาชีพ เกษตรกรรายใหม่ที่สนใจจะเลี้ยงจิ้งหรีดสามารถติดต่อทางศูนย์ เพื่อขอรับลูกอ่อนจิ้งหรีดไปเลี้ยงต่อได้ จนเมื่อครบอายุ2เดือนก็สามารถนำไปแปรรูปจำหน่ายได้ ซึ่งเป็นที่นิยมบริโภคกันทั่วไป มีคุณค่าสารอาหารโปรตีนสูงมากไม่มีไขมัน สามารถใช้ทดแทนโปรตีนจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ได้เป็นอย่างดี สำหรับราคาขายก็แล้วแต่พื้นที่ โดยราคาจากเกษตรกรที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางตกอยู่ที่ กิโลกรัมละ150บาท ซึ่งสามารถทำรายได้ดีทีเดียว5.การเลี้ยงผึ้งชันโรง และผึ้งโพรงผึ้งชันโรง และผึ้งโพรงเป็นแมลงตระกลูผึ้ง แต่มีขนาดเล็ก ไม่มีเหล็กไน ไม่มีพิษ แต่สามารถกัดได้ โดยทั่วไปคิดว่าหลายท่านคงเห็นกันบ้างแล้ว เช่นที่ตอมขนมหวาน ตอมเกสรดอกไม้เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าบ้านไหนมีตัวผึ้งชนิดนี้บินมาตอมเกสรดอกไม้ หรือมาหาน้ำหวานจากของหวานที่วางทิ้งไว้แสดงว่าในบ้านและบริเวณบ้านปลอดภัยจากสารเคมี และอากาศดีไร้มลภาวะ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าที่ใดมีผึ้งชนิดนี้อาศัยอยู่มากที่นั่นย่อมปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต การเรียนรู้เรื่องผึ้งชันโรงนี้ผู้เขียนคิดว่า หากใครมีสวนผลไม้แต่ไม่ค่อยติดผล ลองติดต่อขอซื้อผึ้งชันโรงมาเลี้ยงไว้ในสวนก็จะดีมาก ให้ผึ้งช่วยผสมเกสร ผึ้งได้ดูดกินน้ำหวาน และขยายพันธุ์ เกษตรกรจะได้น้ำผึ้งและขึ้ผึ้งไว้ใช้ประโยชน์ ซึ่งภายในศูนย์แห่งนี้มีตัวอย่างน้ำผึ้งชันโรงไว้ให้ชิมฟรีด้วย โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ในน้ำผึ้งชันโรงมีสารสำคัญ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และต่อต้านเชื้อโรคสูงกว่าผึ้งทั่วไปหลายเท่านัก จึงทำให้น้ำผึ้งชันโรงมีราคาค่อนข้างสูงกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น ๆ แต่ก็เป็นโอกาสดีของเกษตรกร ที่สนใจจะได้เพิ่มช่องทางในการทำมาหากิน หรือเป็นรายได้เสริมจากอาชีพประจำก็ทำได้ สำหรับผู้ที่สนใจจะไปเรียนรู้ ศึกษาดูงาน แล้วนำกลับมาพัฒนาต่อยอด ให้เข้ากับวิถีชีวิตของแค่ละคน สามารถติดต่อสอบถาม กันได้ที่.. สำหรับผู้เขียนเองคิดว่าสิ่งที่สามารถนำมาใช้ได้จากการไปศึกษาดูงานครั้งนี้ คือการปลูกผักยกแคร่ ซึ่งทำได้ไม่ยากนัก หากผู้เขียนทำสำเร็จแล้วจะถ่ายรูปและมาเล่าให้คุณผู้อ่านได้ฟังในคราวต่อไปนะคะ ขอขอบคุณสถานที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดจันทบุรี188/2 หมู่1 ตำบล มะขาม อำเภอ มะขาม จันทบุรี 22150เว็บไซต์ : http://www.aopdb02.doae.go.th/