แดดอุ่นละมุนยามเช้าของแสงอาทิตย์ สาดส่องจากปลายยอดภูเขาสูงตะหง่าน มองไกลๆเหมือนรูปวาดวิชาศิลปะของใครหลายคน รวมทั้งช็อคโกด้วย วันนี้ตื่นเช้าพร้อมทานข้าวเช้าจากโรงแรมในเมือง ช็อคโกมุ่งหน้าสู่อำเภอมะขาม ไม่ไกลจากตัวเมืองจันทบุรีมากนัก เราขับมามุ่งหน้ามาทางอ.โป่งน้ำร้อน เพียงครึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองจันทบุรี พอถึงอ.มะขาม ชิดซ้ายไว้จะเห็นป้ายกลุ่มโฮมสเตย์ทุ่งเพลเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย มีป้ายบอกตลอดทาง สองข้างทางเขียวชอุ่มไปด้วยสวนผลไม้ ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง สละ สำหรับคนที่ชื่นชอบผลไม้ละก็ นี่เป็นสวรรค์สำหรับคุณเลยล่ะ เพราะระหว่างทางช่วงราวเดือนมีนาคม -มิถุนายน จะเป็นช่วงที่ผลไม้ของเมืองจันทบุรี ทยอยให้ผลผลิต แค่ขับรถเพลินๆดูสวนผลไม้ก็อิ่มตาแล้ว แต่ถ้าใครอดใจไม่ไหว จะแวะลงซื้อจากชาวสวน ที่วางขายกันหน้าสวนเลยก็ได้นะได้บรรยากาศสดจากสวนไปอีกแบบ ระหว่างทางยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ ที่ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ เพราะที่พักเกือบทุกแห่ง อยู่ติดลำธาร สามารถลงเล่นน้ำหน้าบ้านได้เลย แถมถ้ามาช่วงผลไม้ออกเยอะๆ ที่พักบางแห่งยังให้ลูกค้า เดินเก็บผลไม้ในสวนชิมได้อีกด้วย เพื่อนๆที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดกับกลุ่มโฮมสเตย์ได้เลยค่ะ ขับรถตรงเข้ามาเรื่อยๆตามถนน ที่มุ่งหน้าวัดเขาบรรจบ ไม่นานเราก็ถึงที่หมาย พอเข้าเขตวัดเขาบรรจบ ก็สัมผัสได้ถึงความสงบ ร่มรื่น ร่มเย็น ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ๆ เหมือนน้ำตกไหลดังอยู่ไม่ไกล เมื่อเราเดินเข้าไปจากอากาศอบอ้าวเมื่อครู่ กลายเปลี่ยนเป็นเย็นสบาย เพราะบริเวณวัด โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ สดชื่นสุดๆ เดินเขามาเห็นอุโบสถไม้สักตะหง่านอยู่ตรงหน้า ไม่รอช้าเรารีบเดินเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ก่อนเป็นอย่างแรก ด้านในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ เป็นพระประธาน งดงามมาก มีหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อสมชาย เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม วัดชื่อดังแห่งเมืองจันทบุรีเช่นกัน พื้นโบสถ์เป็นไม้ขัดมันอย่างปรานีต สะอาดตาเงาวับ หากใครได้เข้าไปกราบพระในโบสถ์ จะรู้สึกได้ถึงความสงบ เรียบง่ายของธรรมะได้เลยค่ะ พอออกจากโบสถ์ ด้านขวามือเป็นต้นเสียงของเสียงน้ำตกที่ได้ยินเมื่อครู่ เดินลงจากโบสถ์ไปไม่เกิน 20 ก้าว ก็เจอสะพานแขวน ที่พาดข้ามลำธารน้ำตก น้ำใสไหลแรงมาก มีปลาอยู่ข้างล่างด้วย ทางวัดมีอาหารปลา ให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญให้อาหารปลาด้วย ความสำคัญของสะพานแขวนนี้ ไม่ใช่แค่สะพานข้ามลำธารธรรมดา แต่ว่าเป็นสะพานที่เป็นจุดเชื่อมต่อ ระหว่างเขาคิชกูฏ และเขาสอยดาว ฝั่งที่เราเดินมาจากวัด คือฝั่งเขาสอยดาว แต่เมื่อเราข้ามไปสุดปลายสะพาน จะเป็นฝั่งเขาคิชกูฏ มาถึงตรงนี้ ถึงบางอ้อแล้ว ที่มาของชื่อ เขาบรรจบ คือเขาสอยดาวกับเขาคิชกูฏมาบรรจบกันน่ะเอง แต่ตรงปลายทางได้แค่เดินไปถึงสุดสะพานนะคะ ไปต่อไม่ได้เพราะเป็นเขตพื้นที่ป่าต้องเดินกลับทางเดิม แต่สะพานไม่ยาวเดินไปกลับสบายๆ ตรงจุดสะพานนี่ นักท่องเที่ยวใช้เวลานานพอสมควรกับการเก็บภาพสวยๆค่ะ หลังจากเยี่ยมชมสะพานแขวน เดินข้ามเขากันมาแล้ว ทีนี้มาถึงอีกไฮไลท์ของวัดเขาบรรจบค่ะ เดินมาอีกฝั่งหนึ่งของโบสถ์ เพื่อนจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์อันซีนไทยแลนด์ ก็คือ ต้นสมพงษ์ ต้นไม้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นรุกขมรดกแผ่นดิน ที่ในประเทศไทยมีไม่กี่แห่ง ต้นสมพงษ์เป็นต้นไม้โบราณขนาดใหญ่มาก มีช่องว่างตรงกลาง เป็นประตูให้คนเดินลอดไปมาได้ เรียกว่าประตูสัจธรรม มีความเชื่อแตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเดินลอดประตูนี้แล้วจะโชคดี บ้างก็ว่าถ้าเดินเป็นคู่ก็จะสมหวังดังชื่อต้นสมพงษ์ค่ะ เมื่อลอดประตูสัจธรรมมาแล้ว จะมีเส้นทางเดินไปชมต้นโบราณอีกต้นนึง ชื่อต้นพระเจ้า 5 พระองค์ ที่มีอายุกว่า 200 ปีเลย ถ้าเพื่อนๆที่รักธรรมชาติ เห็นต้นไม้ที่นี่แล้ว ต้องปลื้มแน่นอนค่าา จันทบุรีไม่ได้มีแค่ทะเลสวยๆเท่านั้น แต่ยังเมืองที่แสนมีเสน่ห์ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ชุมชนเมืองเก่า หรือร้านอาหาร ร้านกาแฟสวยๆ ล้วนรอคอยการมาเยี่ยมเยือนของนักท่องเที่ยว เพราะจันทบุรีไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก มาพักผ่อนซัก 2คืน 3วันกำลังดีค่ะ เพราะมีที่เที่ยวเยอะหลากหลาย วันนี้ขอจบทริป มหัศจรรย์รุกขมรดกแห่งแผ่นดิน ณ ทุ่งเพลไว้เท่านี้ค่าา จันทบุรียังมีกิจกรรมสนุกๆอีกหลายแห่ง ไว้โอกาสหน้า จะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ เพราะเที่ยวจันทบุรี มากี่ครั้งก็ไม่ผิดหวังค่าา หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ภาพประกอบบทความโดยผู้เขียน