สำหรับประเพณี นมัสการรอยพระพุทธบาทหลวง เขาคิชฌกูฏ ที่จังหวัดจันทบุรี ที่นี้จะเปิดให้ขึ้นมาปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ปีนี้เปิดให้ประชาชนผู้แสวงบุญและผู้มีจิตศรัทธานมัสการรอยพระพุทธบาท ตั้งแต่ วันที่ 25 มกราคม - 24 มีนาคม 2563 (เขาคิชฌกูฏเปิดให้มาสักการะได้ 24 ชั่วโมง) ต้องบอกก่อนเลยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของเราแล้วที่ได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทหลวง แล้วเราได้ตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่า จะมาสักการะรอยพระพุทธบาทและพิชิตผ้าแดงให้ได้ เราออกเดินทางโดยรถส่วนตัว ออกเดินต่างจากกรุงเทพมหานคร เวลาประมาน 2 ทุ่มครึ้ง เรามาถึงวัดพลวง เวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ้ง เป็นจุดที่คนนิยมมาซื้อตั๋วขึ้นรถมากที่สุด มีทั้งขายของฝาก ร้านอาหาร และลานจอดรถให้บริการอยู่ แต่ครั้งนี้เรามาแอบตกใจอยู่ คนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไร ไม่เหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา วันศุกร์-อาทิตย์ คนจะเยอะสุดๆ แต่ด้วยปีนี้มีโรคโควิด-19 กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ ทำให้คนมาสักการะไม่เยอะ เราเดินไปซื้อตั๋วรถที่จุดบริการ แต่ก่อนจุดบริการที่นี้จะต้องนั่งรถ 2 ต่อ ต่อละ 50 บาท แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนใหม่ ซื้อที่เดียวเลย 100 บาท ขึ้นไปถึงจุดที่เดินขึ้นเขาเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรถ 2 ต่อ เหมือนปีที่ผ่านๆมา เราแนะนำเลยนะ ว่าการเตรียมตัวขึ้นไปข้างบน ควรจะเตรียมความพร้อมหลายๆอย่าง -ร้องเท้า ควรจะเป็นร้องเท้าผ้าใบที่ใส่สบายๆกระชับ เพราะจะสะดวกกับการเดินขึ้นเขามากที่สุด -กระเป๋าสะพายหรือเป้ไปด้วยซักใบ ไว้สำหรับใส่ของที่จำเป็น ขวดน้ำ ของจิปาถะของเรา เพราะทางอุทยานไม่อนุญาติให้นำถุงพลาสติกขึ้นไปเด็ดขาด นอกจากขวดน้ำ -ขวดน้ำ ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะข้างบนจะไม่มีน้ำขาย แต่จะมีจุดบริการเติมน้ำให้ ได้เวลาขึ้นรถกันแล้ว ระหว่างทางที่นั่งรถขึ้นไปบนเขา ถ้าเป็นไปได้มือทั้ง 2 ข้างหาที่ยึดดีๆนะ เข้าโค้งทีกระเด็นแน่นอย ถ้าไม่จับเอาไว้ ของที่มีค่าเก็บใส่กระเป๋าไว้ดีๆ อย่างเช่นโทรศัพท์ ถ้าหล่นขึ้นมารถไม่จอดให้เก็บนะระวังกันด้วย เพราะมีรถสวนทางกันตลอดทาง บวกกับหนทางขึ้นที่ชันมาก และรถที่นำเราขึ้นไปจะขี่ด้วยเร็วมากๆ เพราะต้องใช้ความเร็วในการส่งตัวรถช่วยด้วย เมื่อเราขึ้นรถมาถึงข้างบนเขาแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางขึ้นเขากันเลย การเดินทางช่วงแรกจนถึงรอยพระพุทธบาท จะมีระทางประมาณ 1 กม. ได้ เป็นทางเดินขึ้นเขาตลอด เป็นบันไดบ้างทางเดินบ้าง ระหว่างทางก็จะมีเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่อุทยานคอยดูแลอยู่ตลอด และจะมีจุดให้กราบไหว้พระและเทพต่างๆ จุดนั่งพัก จนไปถึงจุดบริการห้องสุขา ปฐมพยาบาล ดื่มน้ำชาและเติมน้ำดื่มตลอดทาง เราเดินมาสักระยะหนึ่ง ก็ถึงรอยพระพุทธบาท แต่เราเข้าไปไม่ถึงรอยพระพุทธ ได้แต่ยืนไหว้สักการะรอบพระพุทธอยู่ด้านนอก เพราะช่วงตรงนี้คนจะเยอะมากเลยเข้าไปไม่ถึง แต่ใครที่อยากจะเข้าไปสักการะรอยพระพุทธบาท ให้เดินเข้าไปจะมีพระคอยนำสวดและแนะนำวิธีไหว้ เมื่อเสร็จพิธี จากนั้นก็เขาไปที่ลูกพระบาทให้เอาหัวยันกับหินไว้ แล้วขอพรที่เราตั้งใจจะมาขอเพียง 1 ข้อเท่านั้นพอ เราสักการะรอยพระพุทธบาทกันเสร็จ จุดต่อไปเพื่อไปพิชิตผ้าแดง สุดเขตแดนบุญ โดยเส้นทางหลังจากนี้จะเป็นดินเกือบทั้งหมด จะอยู่ห่างจากรอยพระพุทธบาทประมาณ 1 กม. ขึ้นลงเขาประมาณ 2 ลูก และหนทางจะชันกว่าเดิม ระหว่างทางก็เหมือนตอนขึ้นมารอยพระพุทธบาทเลย มีกราบไหว้พระและเทพจุดพัก จุดบริการน้ำชา ปฐมพยาบาล สุขา เติมน้ำอีกหลายจุดเดินมาสักพักเราก็ถึงใช้เวลาไม่นานมาก พอมาถึงจุดผ้าแดง จะมีบริการขายผ้าแดงผืนละ 20 บาท เขียนชื่อตัวเองและครอบครัว พร้อมคำอธิฐานที่เราขอมาก่อนที่จะสักการะที่รอยพระพุทธบาท เพียง 1 ข้อแล้วนำผ้าแดงไปผูกกับต้นไม้ เป็นอันเสร็จพิธีแล้ว ขากลับจะมีทางลงทางลัด ที่ไม่ต้องข้ามกลับไปที่รอยพระพุทธบาท สามารถลดระยะทางในการเดินได้ดีเลย จากนั้นเมื่อเดินมาถึงตรงคิวรถ ให้เดินไปซื้อตั๋วอีกครั้งตรงจุดที่เราลงรถตอนมาอีกคนละ100 บาท เพื่อนั่งรถกลับไปยังจุดขึ้นรถที่วัดพลวง ขานั่งรถลงจากเขาน่ากลัวมาก ใช้เวลาเดินทาง 20 นาทีก็มาถึง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จกลับกากมาเขาคิชฌกูฎครั้งที่ 3 ของเรา พอถึงจุดที่วัดพลวงประมานตี 4 ครึ้ง เราลงมากินข้าวและซื้อของฝากกันที่นี้เลย และเราก็เดินทางไปเช็คอินกันที่รีสอร์ทวังปลารีสอร์ท ที่เราจองไว้ล่วงหน้าแล้ว เราถึงห้องพักประมาณตี 5 ครึ้ง พอถึงห้องพักพูดได้เลยว่าสลบเลย เราตื่นมาอีกทีก็ประมาณ 11 โมง อาบน้ำ แต่งตัว แล้วเช็คเอ้าออกตอนเที่ยง เพื่อไปหาอะไรกิน เราไม่พลาดที่จะมาลองกินยำที่ดังมากทางโลกออนไลน์ นั้นคือยำน็อตโตะยำปากบาน เรามาถึงรอคิวไม่นานก็ไก้โต๊ะเลย บอกเลยว่าอร่อย น้ำปลาร้าดีมากนัวสุดๆ เด็ดจริงไม่แปลกใจที่ดังและคนมากินเยอะ ราคาก็ไม่แพงเลยให้เยอะ เราอยู่กรุงเทพมหานครหาราคาแบบนี้รสชาติแบบนี้ได้ยากมาก ใครมาจังหวัดจันทบุรีอย่าลืมมาลองชิมยำน็อตโตะยำปากบานนะ ไม่เสียเที่ยวที่ได้มาลองกิน ก่อนจะกลับ ด้วยอากาศที่ร้อนถึงร้อนมาก เราเลยได้ไปแวะน้ำตกพริ้ว ไปเล่นน้ำดับความร้อนกันสักหน่อย อัตราค่าบริการการเข้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกพริ้ว -ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท -ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เวลาเปิด-ปิด 07.00น. - 18.00น. น้ำตกพริ้วปลาหลวงหินเยอะมากๆ น้ำเย็น ถ่ายรูปก็สวยสุดๆ ธรรมาชาติเขียวขจี แม้อากาศจะร้อนแต่บริเวณรอบๆ น้ำตกก็ยังสดชื่นเย็นสบาย ถึงเวลาต้องกลับกรุงเทพมหานครสะแล้ว ถือว่าจบทริปนี้ ได้ทั้งแสวงบุญได้มาเที่ยว คุ้มค่าสุดๆ ที่ได้มาสักการะรอยพระพุทธบาทและพิชิตผ้าแดงอีกครั้ง ใครที่แสวงบุญอย่าลืมสักการะรอยพระพุทธบาทขอพรกันสักครั้งในชีวิตนะคะ ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ อย่างคร่าวๆ ค่าน้ำมัน 1000 บาท ค่าที่พักวังปลา รีสอร์ท 400 บาท ค่าตั๋วรถขึ้นเขาคิชฌกูฏไป-กลับ คนละ 200 บาท ค่าเข้าอุทยานเขาคิชฌกูฏ 20 บาท ค่าเข้าอุทยานน้ำตกพริ้ว 40 บาท ค่ากินและจิปาถะ 500 บาท