สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน กลับมาอีกครั้งเช่นเคย ต้องมีภาพบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมได้ไป ไม่ว่าเหนือ ใต้ ออก ตก ในประเทศไทย ผมก็จะพยายามไปให้ครบทั่วทุกภาค เพราะยังคงเชื่อว่า ประเทศไทยเรายังมีที่ท่องเที่ยว ที่สวยงามตามธรรมชาติ รอการไปเยือนของเหล่านักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยเราเองหรือว่า จะเป็นเหล่านักท่องเที่ยวจากต่างชาติ หลายครั้งที่ผมไป ในแต่ละที่ก็ล้วนแล้วแต่เป็น ช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ หรือไม่ก็ช่วงปิดเทอม ซึ่งจะเป็นเวลาที่ผมเองได้พักผ่อน จากการสอนหนังสือ แต่ก็ยังคงมีบางช่วง ที่ได้ไปโดยที่ไม่ใช่วันหยุด ใช่ครับมีจริง ๆ นั่นคือการเข้าค่ายลูกเสือ ซึ่งเป็นกิจกรรมภาคบังคับ ของการเรียนการสอนในทุกชั้นปี นั่นแหละคับที่ทำให้ผมเอง ก็ได้รับผลพลอยได้จากการ ต้องออกไปสำรวจพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ และวันนี้ผมได้นำภาพบรรยากาศภายในค่ายลูกเสือ บ้านริมน้ำ ฉะเชิงเทรามาให้ชมกัน ไปดูว่ามันจะสวยและน่าตื่นเต้น มีอะไรให้เด็กได้ผจญภัยบ้าง ไปดูกันเลย หาได้ไม่ยากสำหรับ บ้านริมน้ำ ซึ่งที่ตั้งติดถนนใหญ่ ถ้าออกจากกรุงเทพมหานครไป วิ่งรถเส้นตรงไปชลบุรี ไม่ถึงชั่วโมง ก็จะเจออยู่ทางซ้ายมือฝั่งรถที่เราวิ่งเลยครับ หาง่าย มีป้ายบอกชัดเจน ก่อนถึงจะมีปั้มตาดาวสีเหลือง ๆ มีปั้มเดียวครับเส้นนี้หาไม่ยาก เข้ามาด้านหน้า จะมีป้อมยามเฝ้าด่านแรก ถ้าไม่ได้ติดต่อมาก่อนหรือนัดไว้ เข้าไม่ได้นะครับ ที่นี่ถือความปลอดภัยเป็นสำคัญ ส่วนในส่วนแรกจะเป็นลานกว้าง สำหรับใช้ทำกิจกรรมรวมกองหน้าเสาธง มองจากด้านในออกมา จะมีสระน้ำไว้สำหรับทำกิจกรรมทางน้ำ มีเรือเป็ดให้นั่งเล่น และบานาน่าโบ๊ท ให้เล่นกันด้วย ซึ่งในส่วนนี้เป็นกิจกรรมนอกเหนือจากทางค่าย มีการเก็บค่าบริการการเล่น ในแต่ละชนิด เป็นกิจกรรมไม่บังคับ ใครที่อยากเล่นในส่วนนี้ก็จ่ายโดยจะมีที่ขายตั๋ว อยู่ด้านหน้า เท่าที่จำได้น่าจะประมาณใบละ 20 บาท ถัดมาเป็นโรงอาหาร บอกเลยที่นี่ใหญ่มาก โรงอาหารในนี้ มีอยู่ 2 หลังด้วยกัน รองรับกลุ่มที่มาทำกิจกรรมได้ครั้งละ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งก็ถือว่าใครมาที่นี่ไม่มีลำบากเรื่องอาหารแน่นอน แถมยังสามารถสั่งอาหารทะเลสด ๆ เพิ่มได้นอกเหนือจากเมนูที่อยู่ในรายจ่ายเหมาในการเข้าค่ายอีกด้วย เรามาสำรวจแต่ละฐานกันเลย เริ่มจากฐานที่ 1 ที่จริงเขาไม่ได้จำกัดว่าเริ่มจากฐานไหนเป็นฐานแรกนะครับ อยู่ที่เราเลือก สามารถเลือกได้ ว่าจะเอาฐานกี่ฐาน เลือกว่าจะใช้ตรงไหนเป็นฐานแรก กำหนดเองได้เพียงแค่ต้อง คุยกันกับทีมงานที่จะคอยช่วย ซึ่งมีทีมงานเตรียมพร้อมตลอดเวลา และฐานนี้จำชื่อไม่ได้ วิธีเล่นคือมุดเข้าไปในล้อยางรถที่ตั้งไว้ แล้วปีนขึ้นไปให้ถึงด้านบนสุด จึงลงมาได้ ฐานที่ 2 บันไดสามัคคี จะเป็นสะพานเชือกที่ขึงจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่ง ความยามประมาณ 10 เมตรกว่า ๆ โดยมัดขึงสูงจากน้ำ ประมาณ 1 เมตร การเล่นต้องใช้ 2 คน ในการใต่เชือก โดยต้องอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งกัน แล้วเดินไปพร้อม ๆ กัน ถ้าทรงตัวไม่ดี มีตกน้ำ เพราะฉะนั้นฐานนี้มีเสียวแน่นอน ฐานที่ 3 สะพานไม้ อันนี้เป็นสะพานที่พาดข้ามคลองในระยะสั้น ๆ แต่ความยากคือ มีความสูงชันตั้งขึ้น ต้องปีนขึ้นไปแล้วไปลงอีกฝั่ง โดยจะมีเชือกที่ห้อยมาจากคานด้านบนให้จับ เพื่อดึงตัวเองขึ้นไปให้ได้ ใช้เล่นครั้งละ 2 คน ฐานนี้ค่อนข้างอันตราย ต้องมีทีมงานคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ฐานที่ 4 อุโมงเชือก เป็นลักษณะการมัดเชือก สานให้เป็นตาข่าย รอบโครงเหล็กเส้นที่กลมกว้างปนะมา 1 เมตร สำหรับให้คนเข้าไปได้ ระยะทางความยามของอุโมงเชือกประมาณ 10-15 เมตร ถือว่ายาวใช้ได้ โดยจะต้องเข้าไปทีละคน แล้วค่อย ๆ คลานใต่เชือกออกไปอีกฝั่ง บอกได้เลยฐานนี้ดูเผิน ๆ อาจไม่ยาก แต่นี่แหละคือฐานที่ทำให้เราเสียพลังงานมากที่สุด จากการที่ต้องเกรงทั้งตัว ทั้งข้อมือข้อเท้า รับรองมีเหนื่อย ฐานที่ 5 ชิงช้า ไม่ได้มีไว้ให้นั่งแล้วไกวกันเล่นเหมือนที่เราเคยเจอ แบบนั้นมันง่ายไป ฐานนี้จะทำชิงช้าไว้สำหรับให้เราเดินข้าม จากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งในระยะทางประมาณ 5 เมตร ก็ถือว่าไม่ไกล แต่ที่มันยากก็คือการยืนทรงตัวบนเชือกเส้นเล็ก ๆ นั่นแหละต้องใช้การเกร็งข้อมือและขาจึงจะไปได้ ฐานที่ 6 ขี่ม้า ฐานนี้ตามความสมัครใจ เป็นการขี่ม้ารอบค่าย เป็นการผ่อนคลายจากการที่ต้องเจอความลำบากจากฐานอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ สำหรับบางโรงเรียนที่มาก็อาจจะข้ามฐานนี้หรือตัดออกจากกิจกรรมได้ เพราะถ้าเล่นจริงเด็กอยากขี่ทุกคน ก็คงเสียเวลาไปมากเลยทีเดียว ฐานที่ 7 ผากระทิง ฐานนี้ไม่ยากเท่าไร เป็นลักษณะของการปีนใต่ ตาข่ายเชือกเพื่อขึ้นไปด้านบน ที่มีความสูงประมา 3 เมตร แล้วมีระฆังแขวนรออยู่ด้านบน ปีนขึ้นไปให้เร็วที่สุด ใครตีระฆังได้ก็ถือว่าทำภาระกิจสำเร็จ สามารถขึ้นไปได้ครั้งละ ไม่เกิน 3 คน ฐานที่ 8 สะพานชาวป่า โดยส่วนตัวเป็นฐานที่ผมชื่นชอบที่สุดรอง ๆ จากโดดหอเลยทีเดียว เป็นสะพานไม้ที่มัดด้วยเชือกยาวประมาณ เกือบ ๆ 100 เมตรเห็นจะได้ สูงจากพื้นดิน ประมาณ 2-3 เมตร และต้องเดินข้ามไปอีฝั่ง โดยต้องระมัดระวัง เพราะไม้แต่ละขั้นช่างเล็กเหลือเกิน อันนี้ถือว่าท้าทาย ด้วยเรื่องการทรงตัว ความอดทน กว่าจะข้ามไปยังอีกฝั่งได้ เกือบไม่รอดเหมือนกัน ฐานที่ 9 สะพานข้ามแม่น้ำ เป็นสะพานโฟมที่วางต่อกันยาวจากฝั่งไปอีกฝั่ง ฐานนี้ถือว่าเป็นที่ชื่นชอบของผมอีกฐาน ต้องข้ามด้วยการทรงตัวที่ดี และกะจังหวะในแต่ละก้าว ให้เหมาะสมไม่อย่างนั้น ตกน้ำได้ง่าย ๆ ไม่มีเชือก ไม่มีราวให้จับ ฝึกการทรงตัวล้วน ๆ แต่ใครที่ไม่อยากเล่น ก็สามารถเดินข้ามสะพานด้านบนไปได้เลย เป็นสะพานไม้ มีราวเชือกให้จับเดินสบาย ฐานที่ 10 สไลเดอร์ เป็นฐานผ่อนคลาย ก่อนที่จะไปเจอของหนักในฐานต่อไป ฐานนี้เป็นหอสูงประมาณ 4-5 เมตร ขึงด้วยเชือกและตาข่าย ลากยาวลงมาจากด้านบน ในความเอียง 45 องศาโดยประมาณ มี 2 ช่องให้เล่นสามารถเล่นได้ครั้งละ 2 คน แต่สามารถเล่นต่อ ๆ กันได้เลย อันนี้ไม่ต้องรอนาน ปีนขึ้นไปแล้วสไลลงมา ก็ผ่านภาระกิจ ฐานที่ 11 สะพานเชือกข้ามแม่น้ำ อีกฐานที่น่ากลัวสำหรับคนกลัวน้ำ ฐานนี้เป็นการขึงเชือกยาวหลายสิบเมตร ข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ สูงจากน้ำประมาณ 2-3 เมตร ลักษณะสะพานจะโครงเครง ต้องใช้ทักษะการทรงตัวที่ดีเยี่ยม ถ้าข้ามทีละหลาย ๆ คน รับรองบันเทิงแน่นอน เชือกมีความยืดหยุ่นมาก แกว่งไปมาหากใครใจไม่แข็งพอ อาจตกน้ำได้ง่าย ๆ ฐานที่12 โดดหอ ฐานวัดใจใครกล้าใครกลัว นี่แหละคือการผจญภัยในแบบที่ต้องการ ฐานนี้มีหลายคนสละสิทธิ์ เพราะกลัวความสูง กลัวความเสียว ที่ต้องโหนเชือกยาวกว่าจะถึงพื้น หอสูงหลายเมตรผมกะไม่ถูกเหมือนกัน แค่ขึ้นไปก็เหนื่อยแล้ว แต่เป็นฐานที่ผมชอบที่สุด และหวังว่าหลาย ๆ คนก็คิดเช่นนั้น ด้วยความสูงและความยาวของสลิงกว่า 200 เมตร โหนผ่านด้านล่างที่เป็นแม่น้ำ ต้นไม้ ทำให้หัวใจเต้นรัว ๆ กันเลยทีเดียว ก็ผ่านไปสำหรับการผจญภัยในค่ายลูกเสือบ้านริมน้ำ ฉะเชิงเทรา ใครที่กำลังมองหา สถานที่ธรรมชาติ ๆ แบบนี้ในการเที่ยวเชิงผจญภัย หรือ โรงเรียนไหนที่ต้องการที่สำหรับพานักเรียนไปเข้าค่อยลูกเสือ ที่นี่มีให้ครบแน่นอน ทั้งอาหารการกิน ทั้งเรื่องที่พักอาศัย และที่สำคัญเรื่องของความปลอดภัยที่มาเป็นอันดับแรก นั่นคือเหตุผลที่คุณควรมาที่นี่ ค่ายลูกเสือ บ้านริมน้ำ ฉะเชิงเทรา แล้วพบกันใหม่ สวัสดี เครดิตภาพทั้งบทความ : จุง ชาวไร่