ถ้าคุณอยู่ในช่วง in love ความหวานอาจจะดีกับใจ แต่ถ้าเมื่อใดที่ในชีวิตจริงคุณรู้สึกโหยหาขนมกรุบกรอบแทบตลอดวัน หรือต้องจิบน้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือทานผลไม้ระหว่างวันบ่อยๆ นั่นอาจเป็นหนึ่งสัญญาณของคนติดความหวาน อันที่จริง อาการติดหวานมีมากกว่านั้น เช่น Photo by Kinga Cichewicz on Unsplash ง่วงเหงาหาวนอน ถ้าหลังมื้ออาหารคุณรู้สึกอิ่มและง่วงเหงาหาวนอน เฉื่อยจนแทบจะฟุบไปกับโต๊ะ นั่นเป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะน้ำตาลจะทำให้คุณตื่นตัวได้ก็จริง แต่เป็นช่วงสั้นๆ และเมื่อน้ำตาลหมด คุณก็กลับมาเนือยอีกครั้ง และเพื่อสร้างความกระปรี้กระเปร่าคุณก็เลือกที่เสพน้ำตาลอยู่เรื่อยและร่ำไป จึงหลุดจากวังวนความหวานไม่ได้ อยากกินแต่ของหวานๆ ตลอดเว (ลา) แม้แต่ตอนนอนยังฝันว่าทานของหวาน ตัวที่บอกว่าคุณติดหวานคือถือคติ “กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่” คุณจึงกินขนมหลังมื้ออาหารแบบแทบจะบ้าคลั่ง แล้วถ้าอยากจะลด ละ เลิก ทานของหวาน หรือหยุดอาการติดหวานล่ะ จะแยกทางกับความหวานอย่างไร Photo by STIL on Unsplash การกำหนดช่วงเวลาที่คุณจะสามารถทานน้ำตาลหรือทานหวานได้ คุณสามารถกำหนดช่วงเวลาได้ว่าจะงดเสพความหวานในช่วงใด กำหนดให้ชัดเจน อาการของการลดน้ำตาลที่อาจสังเกตได้คือ ปวดหัวและเวียนศีรษะ รู้สึกเมื่อยล้า หรือการนอนเปลี่ยนไป นอนหลับยาก หรือแม้แต่หลับได้หลับดีแม้จะระหว่างวัน แต่ลองดูสัก 1 สัปดาห์ ลองสังเกตดูว่าอาการข้างต้นหายไปหรือไม่ อย่างน้อยก็จะค่อยๆ ปรับตัวได้ และดีขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อผ่านช่วงหักดิบไปได้แล้ว อาจเพิ่มช่วงเวลาของการทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารคลีน เข้าไปก็ได้ รวมถึงการทำฟาสติ้ง (fasting) Photo by Sharon McCutcheon on Unsplash อีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยได้สำหรับคนหักดิบเลิกหวานคือ ดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ และไม่ควรแตะน้ำตาลเทียม เป็นความคิดที่ผิดที่คิดว่าน้ำตาลเทียมจะช่วยคุณลดอาการโหยจากความหวานได้ ในทางกลับกัน มีการศึกษาที่พบว่าน้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวานนั้นกลับเพิ่มความอยากน้ำตาลมากขึ้น เลือกทานของขม การทานอาหารที่มีรสขมจะไปปิดตัวรับความรู้สึกในการอยากทานของรสหวาน หรือความอยากทานทานน้ำตาล นอกจากนี้ ของขมยังช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยให้การทำดีท็อกน้ำตาล (sugar detox) ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ทรมาน เชื่อเถอะว่าลดหวานได้ สุขภาพดีจะตามมา