การจัดสวนของประเทศญี่ปุ่นมีปรากฎขึ้นครั้งแรกในสม้ย "อะซุกะ" เป็นยุคที่ได้รับเอาวัฒนธรรมจากประเทศจีน ไม่ใช่เพียงการรับวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่หลากหลายแล้ว ศาสนาพุทธ คือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจชาวญี่ปุ่นอีกด้วยญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมต่าง ๆ ของประเทศจีนผ่านทางประเทศเกาหลี จนมาถึงรัชสมัยของ "พระราชินีซุอิโกะ" ได้ส่งคณะฑูตไปยังประเทศจีน โดยส่ง "โอโน อิมิโกะ" เป็นราชฑูตไปยังประเทศจีน โดยไม่มีการผ่านทางประเทศเกาหลี เมื่อโอโนได้ไปเยือนยังประเทศจีนได้เห็นความสวยงามการจัดสวนของประเทศจีน เมืองที่ว่านี้คือเมือง "ลั่วหยาง" จึงได้นำเอารูปแบบต่าง ๆ ในการจัดส่วนที่ได้พบเห็นนำมาปรับใช้ในประเทศญี่ปุ่นโดยใช้อิทธิพลของพุทธศาสนาร่วมด้วย จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดสวนครั้งแรกของญี่ปุ่นในเวลาต่อมาCR : ภาพประกอบเนื้อหาจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/ สวนแห่งแรกที่สร้างขึ้นคือสวน "ซูมิเซน" เป็นสวนที่มีภูเขาเล็ก ๆ มีคูน้ำไหลผ่าน ซึ่งสะท้อนความเชื่อของอินเดีย ซึ่งปรากฎอยู่ในศาสนาพุทธ และฮินดู บรรยายถึงยอดเขาพระสุเมรุ อันเป็นศูนย์กลางของโลก การจัดสวนของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธนับตั้งแต่สมัย "อะซุกะ" จนถึงสมัย "คามากุระ" พอมาเข้าถึงสมัยของ "มุโรมาจิ" นิกายเซน เริ่มมีอิทธิพลต่อสังคมและขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมากขึ้น ร่วมไปถึงการชงชา การจัดดอกไม้ และส่วนญี่ปุ่นแบบเซน ที่ว่าด้วยความสำคัญของสิ่งปลูกสร้างเน้นเรื่องของการเป็นธรรมชาติเป็นหลัก สวนแบบเซนนั้นมีลักษณะการจัดที่เรียบง่ายมีขนาดเล็ก ใช้แค่เพียง น้ำ หิน ดอกไม้ และทรายขาว เป็นอุปกรณ์ในการจัดสวน สวนแห่งเซนแห่งแรกในญี่ปุ่นอยู่ที่วัด "เรียวอันจิ" สร้างส่วนด้วยหินและทรายเท่านั้นเองCR : ภาพประกอบเนื้อหาจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/ สวนอีกรูปแบบหนี่งที่พูดถึงคือ "สวนชา" เป็นสวนที่ได้รับจากนิกายเซนเช่นกัน การจัดสวนชาแพร่หลายในยุค "มุโรมาจิ" และยุค "โมโมยามะ" เพราะว่าในยุคนี้นิยมดื่มชากันมาก มีการสร้างกระท่อมสำหรับการทำพิธีชงชา ทางเดินเข้าสู่กระท่อมนั้นจะต้องเดินผ่านรั้วไม้และเข้าสู่บริเวณภายในสวนที่ปูไปด้วยหินก้อน ๆ มีโคมไฟอยู่ข้างทางเดิน แต่มาสมัยของยุค "เอโดะ" การจัดสวนแบบเรียบง่ายเริ่มลดลงกลายมาเป็นการจัดสวนที่หรูหราขึ้น ซึ่งเป็นการจัดสวนในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า "Strolling Garden" เป็นสวนขนาดใหญ่ ต้องมีสระน้ำ และเกาะกลางน้ำ เป็นการจำลองทัศนียภาพภายนอกของธรรมชาติจริง ๆ มาไว้ในสวนแห่งนี้CR : ภาพประกอบเนื้อหาจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/ ยุคนี้ในระดับของพวกชนชั้นกลาง พวกพ่อค้า คหบดี ที่มีเนื้อที่ใช้สอยภายในบ้านน้อยเนื่องจากมีพื้นที่จำกัด จึงสร้างสวนแบบรูปแบบใหม่เช่นกัน เรียกว่า "ทสึโบะนิวะ" ใช้ต้นไม้ โคมไฟ จัดอย่างเป็นระเบียบ สามารถทำให้ที่แคบ ๆ มีทัศนียภาพที่งดงามได้เช่นกัน การตกแต่งแบบทสึโบะนิวะเป็นแค่ตกแต่งบ้านไม่ได้เน้นไว้เดินเล่นภายในสวนCR : ภาพประกอบเนื้อหาจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/ ความสำคัญของสวนชาญี่ปุ่นเป็นการสะท้อนให้เห็นความหลากหลายทางประวัติศาสตร์ของชาวญี่ปุ่น ทั้งในด้านสังคม และศาสนา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศจีนอย่างมากมาย ยิ่งในสมัย "มุโรมาจิ" สวนหินแบบเซนได้แพร่หลายมากขึ้น พัฒนาสวนชาให้มีความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น จนมายุค "เมจิ" สวนญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมตะวันตก การจัดสวนชาจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปการจัดสวนชาแบบเก่าของนิกายเซนนั้นให้ความสำคัญในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ ทำให้คนญี่ปุ่นรักและให้ความสำคัญกับธรรมชาติไปด้วย เราจึงเห็นได้ว่าเขาไม่ได้หลงลืมความเป็นชาติของตัวเองเลย บ้านของชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะมีสวนเล็ก ๆ อยู่ภายในบ้าน แม้กระทั้งการปลูกต้นไม้เล็ก ๆ อย่างต้น "บอนไซ" บ่งบอกถึงการนำเอาธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่น CR : ภาพประกอบเนื้อหาจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/ สวนชาถึอได้ว่าเป็นงานศิลปะชั้นสูงของประเทศญี่ปุ่น นอกจากการเขียนตัวอักษรและการวาดภาพด้วยหมึก การจัดสวนชาญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นน้ำ เป็นหิน แสดงถึงความเป็นหยินและหยางซึ่งสื่อถึงภูเขาและความสมดุลทางธรรมชาติ องค์ประกอบทั้งหลายทั้งมวลของการจัดสวนจึงแฝงไปด้วยหลักและปัจจัยทางศาสนา หากใครได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นรับรองได้ว่า การจัดสวนของชาวญี่ปุ่น เขาจัดสวนได้สวยงามยากที่จะบรรยายเลยที่เดียวCR : ภาพประกอบเนื้อหาจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/CR: ที่มาภาพหน้าปกจากเว็บไซต์โหลดภาพฟรี>>https://pixabay.com/photos/CR: ที่มาข้อมูลที่ใช้ในการเรียบเรียงงานเขียนจากเว็บไซต์>>http://natres.psu.ac.th/