ในช่วงนี้อัตราการขยายตัวของผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีความก้าวกระโดด ดังนั้น บรรดาอาจารย์หมอ อาจารย์แพทย์ ได้ให้คำแนะนำต่อรัฐบาลว่าช่วงนี้ขอให้ประชาชนอยู่บ้าน หรือทำงานที่บ้าน เพราะการไม่ออกไปพบปะกัน หรือมีระยะห่างทางสังคมจะช่วยชลอการแพร่กระจายของโรคได้ จึงมีการขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่ในบ้านให้มากที่สุด ออกข้างนอกเท่าที่จำเป็น จนมีการติดแฮชแท็กว่า #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ประกอบกับการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งจะมีผลในวันที่ 26 มีนาคมนี้นั้น หลายคนก็เริ่มทยอยออกมาซื้อของสด ของแห้งมาตุนไว้ หรือมิหนำซ้ำอาจทำการกักตุนมาระยะหนึ่งแล้วด้วยซ้ำไป แต่อย่าลืมว่าเมื่อมีวัตถุดิบแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มีเพียงพอหรือไม่ ปัญหาต่อไปของการกักตุนอาหารคือ เก็บอย่างไร และนำออกมาปรุงอย่างไรให้สะอาด ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ อาหารแห้ง Photo by Adonyi Gábor from Pexels สำหรับอาหารแห้ง จำพวกหอม กระเทียม ข้าวสาร ฯ ควรเลือกซื้อในปริมาณที่พอดี ช่วงเวลาที่พอเหมาะแก่การเก็บกักตุนคือ 1-2 อาทิตย์ เพราะอาหารแห้งที่เก็บไว้อาจเสี่ยงต่อมด มอด หนู หรือแมลงสาบ นอกจากนี้ พวกกะปิ น้ำปลา หรือเครื่องเทศเครื่องปรุงรส น้ำมันหอย ฯ หากเก็บไว้นานเกินไป อาจมีกลิ่นหืน หรือหมดอายุไปก่อนที่จะได้ใช้ อาหารสด Photo by Pixabay from Pexels ยิ่งหากเป็นอาหารสด อย่าเพียงแค่คิดว่าจะซื้อ ๆ แล้วมาอัดเก็บไว้ในตู้เย็นเพียงอย่างเดียว การจะเก็บอาหารสดไว้ในตู้เย็นเพื่อนำออกมาปรุงอาหารให้ปลอดภัยต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย อันดับแรกคืออุณหภูมิของตู้เย็นต้องปลอดภัยพอ หากจะเก็บของสดในช่องแช่เย็นควรมีอุณหภูมิ 4.4 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้น ส่วนช่องฟรีซหรือช่องแช่แข็งควรมีอุณหภูมิ -17.7 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้น ระยะเวลาการเก็บก็ไม่ควรทิ้งไว้นาน หากเป็นสัตว์ปีก เนื้อปลา หรือหมูสับไม่ควรทิ้งไว้เกินสองวันหลังจากแช่ กรณีเนื้อวัว เนื้อหมู ควรนำออกมาปรุงอาหารภายใน 3-5 วันหลังแช่ และเพื่อลดความเสี่ยงต่อการสะสมของเชื้อโรค การนำอาหารสดที่แช่แข็งมาใช้นั้น ควรใช้ให้หมดในทีเดียว ไม่ควรนำส่วนที่เหลือกลับไปแช่ซ้ำ หากเป็นผักสด ควรรู้ว่าผักชนิดใดแค่ห่อกระดาษและเก็บได้โดยไม่ต้องล้างจะยืดอายุการเก็บได้นานขึ้น เช่น ผักบุ้ง ตำลึง เป็นต้น หรือผักบางชนิดลวกแล้วเก็บเข้าช่องฟรีซได้ ลิสเทอเรีย : เชื้อโรคในตู้เย็น Photo by Mitchell Orr on Unsplash ที่สำคัญคือ อย่าคิดว่าตู้เย็นเป็นที่ปลอดภัย เพราะการเก็บทั้งอาหารสด และอาหารแห้งไว้ในตู้เย็นจนกระทั่งหมดอายุ หรือส่งสัญญาณว่าเริ่มบูดเสีย นั้นเป็นตัวก่อแบคทีเรียที่ชื่อว่า “ลิสเทอเรีย” (Listeria monocytogenes) แบคทีเรียตัวนี้หากเข้าไปสู่ร่างกายจะทำให้เกิดอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดท้องได้ หากรุนแรงจะมีอาการอ่อนแรง คอแข็ง ทรงตัวไม่ได้ ชัก และอาจจเสียชีวิตได้ ลิสเทอเรียนี้ทำอันตรายได้กับทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่ ผู้ใหญ่ หญิงตั้งครรภ์ ทารกแรกเกิด และผู้สูงอายุ ในทารกแรกเกิดที่ติดลิสเทอเรีย จะมีอาการ ตัวเหลือง ความดันโลหิตต่ำ ผื่นขึ้นตามผิวหนัง ปอดติดเชื้อ หากเกิดในผู้สูงอายุอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อในหัวใจ และปอดอักเสบ เป็นต้น Photo by Giorgio Trovato on Unsplash ทั้งนี้ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ประเทศสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่าเชื้อ Listeria นี้เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยถึงกว่า 1,600 รายต่อปี และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 260 ราย ดังนั้น เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 เวลาซื้ออาหารมาตุนไว้ควรซื้อแต่พอดี พอใช้ ไม่ควรเกิน 1-2 อาทิตย์ และอย่าลืมดูวันหมดอายุ รวมถึงรู้วิธีการการเก็บ การถนอมอาหาร และหมั่นทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ตู้เย็นมีอุณหภูมิที่เหมาะสม และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคเสียเอง ภาพปก Photo by Pexels--2286921