ใครมีบัตรแรบบิทบ้างยกมือขึ้น !!! เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ทำงานในย่านธุรกิจใจกลางเมืองเป็นประจำทุกวัน คงจะประสบปัญหาในการเดินทางบนท้องถนนแน่ ๆ ตัวช่วยที่จะทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้นนิดนึง ก็คงจะเป็นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ และในวันนี้เราจะพูดถึงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสค่ะ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสบ่อย ๆ ขอแนะนำเลยว่า "บัตรแรบบิท" เป็นสิ่งที่คุณต้องมี ! บัตรแรบบิทจะทำให้ชีวิตของคุณรวดเร็วขึ้นอีก(นิดนึงก็ยังดี) เพราะว่าคุณจะไม่ต้องไปเสียเวลาแลกเงิน ต่อคิวกดบัตรที่ตู้ นอกจากนี้คุณยังได้รับสิทธิพิเศษหรือส่วนลดในการจับจ่ายใช้สอยกับร้านค้าต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถเติมเงินเข้าไปในบัตรหรือจะซื้อเป็นเที่ยวสำหรับการเดินทางในแต่ละเดือนก็ได้นะคะ ส่วนตัวเราเดินทางไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่ ก็เลยเลือกแบบเติมเที่ยวแค่ 15 เที่ยวต่อเดือน ในราคา 465 บาท ตกเที่ยวละ 31 บาท แต่ถ้าครบกำหนด 1 เดือนแล้ว เรายังใช้เที่ยวไม่หมด เราก็จะถูกหักไปหมดเลย TT ถ้าอย่างนั้นเราลองมาหาสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส เอาไว้ไปเที่ยวในวันที่เที่ยวเดินทางในบัตรแรบบิทของเราเหลือกันเถอะ... มาเริ่มต้นที่สถานีสยามกันก่อนนะคะ...จะไปเที่ยวทั้งที ก็ขอแบบไปขอพร ขอพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าง อะไรบ้าง 555 คิดออกแล้ว...เราจะไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการกันค่ะ เราขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว(สายสุขุมวิท) สถานีปลายทางเคหะฯ เพื่อที่เราจะไปลงที่สถานีช้างเอราวัณ(E17) ซึ่งจากสถานีสยามจนมาถึงสถานีช้างเอราวัณเนี่ย ใช้เวลาในการเดินทาง 31 นาที ค่าโดยสารด้วยบัตรแรบบิทแบบเติมเงิน 58 บาท บัตรแรบบิทแบบเติมเที่ยว เที่ยวละ 31 บาท แต่ต้องเสียค่าส่วนต่อขยายเพิ่มอีก 15 บาทค่ะ ดังนั้นคุณต้องเติมเงินในบัตรไว้ด้วยนะคะ(ขั้นต่ำต้องเติมทีละ 100 บาท) ถ้าออกจากสถานีแล้วกลัวหลง ก็หยุดดูแผนที่สักหน่อย แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ เดินตรงไปยังทางออกที่ 1 ซ.สุขุมวิท 7 ได้เลยยยย เห็นเขาบอกว่า พอเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จะมีรถตุ๊กต๊กไฟฟ้าคอยบริการรับส่งฟรีถึงพิพิธภัณฑ์ฯ เราก็มองหา ทั้งซ้าย ทั้งขวา ทั้งหน้า ทั้งหลังแล้วไม่เห็นจะเจอ...เออ เดินไปก็ได้ฟะ เขาบอกว่าอยู่ห่างจากสถานีออกไปแค่ 400 เมตร เดินไปก็ได้ พอไหว ๆ มีหนุ่มสาวคู่นึงเดินเข้ามาถามเราว่า พี่คะ ๆ หนูจะไปพิพิธภัณฑ์ฯ นี่อยู่อีกไกลมั้ย มาถูกทางรึเปล่า? หนูมาตามรีวิว เราก็บอกว่า...เห็นธงสีแดงมั้ย ตรงโน้นเลย คือเดินมาค่อนข้างไกล น่าจะเกิน 400 เมตรแล้ว... จงเดินต่อไป อย่าเพิ่งท้อ ! พอถึงหลักเขตนี้ นั่นก็แสดงว่า คุณมาถูกทางแล้วจ้าาาา และเมื่อเดินทางมาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็มาต่อคิวซื้อบัตรที่จุดจำหน่ายกันก่อนจ้า... คนมีบัตรแรบบิทอย่างเราก็จะได้รับสิทธิพิเศษเป็นส่วนลด 50% จากราคาเต็ม ก็ชำระเป็นเงินสดไป 125 บาท ราคานี้เฉพาะชาวไทยด้วยนะเออ เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว เดินตรงไปยังจุดรับดอกไม้และธูป(ฟรี) และถ้าใครอยากจะถวายผลไม้ก็มีให้บริการ ผลไม้ชุดใหญ่ ชุดละ 199 บาท ไหว้เสร็จจะนำกลับบ้านด้วยก็เป็นศิริมงคลดี ขอถุงจากคุณป้าตรงจุดนี้ได้เลย ทีนี้ใครอยากได้อะไร ก็มานั่งขอพรกันตรงนี้เลยค่าาาา จุดลอยดอกบัว...ในคติอินเดียมีข้อความเปรียบเปรยว่า โลกผุดขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนกับดอกบัว การลอยบัวเหนือน้ำในสระที่เปรียบเป็นหม้อขนาดใหญ่นี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงาม คุณจะได้ตื่นตา ตื่นใจกับศิลปะและสถาปัตยกรรมภายในพิพิธภัณฑ์ แต่ก็อาจจะหามุมถ่ายรูปได้ยากสักหน่อย เพราะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และกว่าจะมาถึงชั้นจักรวาล ชั้นบนสุดในพิพิธภัณฑ์ เราต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 66 ขั้น ทำเอาเราเหงื่อตก แต่พอขึ้นไปถึงแล้ว ก็หายเหนื่อย ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ เราสามารถนั่งพักกาย พักใจ สวดมนต์ นั่งสมาธิได้ บางจุดในชั้นนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพนะคะ ก่อนกลับเดินเที่ยวรอบ ๆ พิพิธภีณฑ์กันอีกสักรอบนะคะ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายให้เราได้สักการะกัน เช่น พระพิฆเนศ ฯลฯ และเราจะพบกับรูปปั้นช้างมากมาย ซึ่งจุดนี้จะอะเมซิ่งสักหน่อย เพราะเมื่อเราเดินลอดท้องช้างจะมีเสียงสวดมนต์ อวยพรให้เราด้วยค่ะ...สาธุ เมื่อได้รับพรกันจนหนำใจแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับค่ะ คราวนี้รถตุ๊กตุ๊กที่เราตามหา ก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง จากการสอบถาม พูดคุยกับคุณลุงคนขับ ได้ใจความว่า...ช่วงเวลาบ่ายสองถึงสี่โมงเย็น จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องนำรถตุ๊กตุ๊กไปชาร์จแบตเตอรี่ ถ้าเราลงมาจากบีทีเอสในช่วงเวลานี้จะทำให้เราไม่เจอรถตุ๊กตุ๊กค่ะ อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เองงงงง เพียงไม่นานนัก รถตุ๊กตุ๊กพาเรามาส่งถึงหน้าบันไดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เรากล่าวลาคุณลุง พร้อมกับแบกถุงผลไม้ขึ้นไปบนสถานีบีทีเอส กลับบ้านได้แล้วจ้าาาา : ) พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ : https://www.erawanmuseum.com/ บัตรแรบบิท : https://rabbit.co.th/card/