การประสบความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น นอกจากความพยายามแล้ว การเรียนรู้ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่ง บางคนเรียนรู้จากการอ่านหนังสือ บางคนเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ บางคนเรียนรู้จากคำบอกเล่าของคนอื่น วันนี้ผมพบเคล็ดลับวิธีการเรียนรู้อันเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จประการหนึ่งจากร้านหนังสือซีเอ็ดแถวบ้านของผม นั่นคือ หนังสือชื่อ “สตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Bingo เป็นไดอารี่เล่าเรื่องราวของ Dan Norris เจ้าของเรื่องสร้างธุรกิจใน 7 วันวันที่ 1 หาไอเดียว่าคุณอยากจะทำอะไร เน้นที่สนุกและรักที่จะทำก่อนวันที่ 2 สร้างสินค้าที่พอใช้การได้ ยังไม่ต้องหรูหรามาก แต่ขอให้พอใช้ได้ก่อนวันที่ 3 ตั้งชื่อให้ธุรกิจของคุณ โดยเน้นสั้น กระชับ จำง่าย บอกความเป็นตัวธุรกิจของคุณวันที่ 4 ทำ Website ให้เสร็จใน 1 วัน วันที่ 5 วางแผนการตลาดเพื่อขยายธุรกิจ เช่น สร้าง Content ทำ Youtube ส่งอีเมลล์ ประกาศกับเพื่อนของคุณ โพสต์ใน Facebook หรือแม้กระทั่งอาสาทำงานให้คนอื่นฟรีๆวันที่ 6 ตั้งเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้วันที่ 7 เปิดตัวสินค้าของคุณแต่ความประทับใจของผมไม่ได้อยู่ที่ขั้นตอนต่างๆ Dan Norris บอกให้ทำ ผมกลับประทับใจบทที่ 1 จนไปดาวโหลดต้นฉบับภาษาอังกฤษมาอ่าน ฉบับภาษาไทยแปลว่า "ไม่ลองไม่รู้" แต่ต้นฉบับภาษาอังกฤษเขียนว่า "You Don't Learn Until You Launch" Dan Norris ให้ข้อคิดสอนใจในบทนี้ว่า การที่ผมไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเพราะว่าผมสร้างแผนทางธุรกิจที่สวยงามหลังจากที่ใช้จำนวนชั่วโมงที่มากมายในห้องสมุด ผมค้นหาหนังสือที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจ และอ่านงานวิจัยต่างๆ จนมีความเชื่อว่า ผมเตรียมแผนการขนาดนี้แล้ว ผมจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ผมวางแผนธุรกิจทั้งระยะยาว ระยะกลาง ระยะสั้น แต่สุดท้ายผมก็ตระหนักว่า ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ผมเรียนรู้จากหนังสือและงานวิจัยพวกนั้นเลยDan Norris เขียนในหนังสือของเขาว่า "...บทเรียนนั้นคือ คุณจะไม่เรียนรู้จนกระทั่งคุณทำมันออกมา..."เมื่อผมได้บทเรียนนี้จาก Dan Norris ผมรู้ทันทีเลยว่า การเรียนรู้ของผมส่วนใหญ่และเกือบจะทั้งชีวิตมาจากการอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ไม่ได้สัมผัสความเป็นจริงอะไรเลย ผมจึงเริ่มใช้วิธีการเรียนแบบ Dan Norris นั่นคือ ทำมันออกมา และงานที่ผมทำแล้วถนัดที่สุดคือ การเขียนบทความจากการอ่าน ซึ่งผมไม่ค่อยได้เงินจากมันเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ผมอ้างอิงหนังสือ งานวิจัยต่างๆ แต่ความรู้ที่ผมเขียนกลับมิได้มีใครมาอ่าน หรืออ้างอิง ผมเลยเริ่มเรียนรู้ด้วยการทำบทความออกมาว่าจะหาเงินได้หรือไม่ พอดีในตอนนั้นผมเห็นประกาศการรับเขียนบทความจากเว็บไซต์ True Id in trend ผมเลยได้โอกาสที่จะทดสอบ Idea ของผม ผมก็เขียนบทความตามที่ผมได้ร่ำเรียนมาตามระบบการศึกษาและคาดว่าทางกองบรรณาธิการต้องรับบทความผมในทันทีผลปรากฎว่า ไอ้ที่ผมคิดเอาไว้เป็นสิ่งที่ผมไม่เรียนรู้เลยเพราะบทความแรกที่ผมเขียนส่งโดยแก้ว่า "ขอให้แชร์ประสบการณ์ของผู้เขียนจากการอ่านหนังสือเล่มนี้" นี่ไง นี่ไง ผมได้อุทานในใจว่า Comment นี่แหละคือ บทเรียนของผม ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดเอาไว้ในหัว บทเรียนที่ได้และผมเรียนรู้มาจากการที่ผมทำมันออกมา และสังคมเห็นและยอมรับมันมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง