คุณคงรู้จักหรืออย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่องานประเพณี อุ้มพระดำน้ำ อันลือลั่นของจังหวัดเพชรบูรณ์ใช่ไหมครับ แล้วคุณรู้ประวัติความเป็นมาของ "พระ" ที่ถูกอุ้มดำน้ำหรือไม่ ว่าทำไมพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ ขนาดความสูง 18 นิ้ว องค์นั้น ถึงก่อให้เกิดปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา จนขยายขนาดเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ความสูงเกือบ 17 เมตรในเวลาต่อมาได้ (ขอบคุณภาพจากเพจ ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ) ตำนานเล่าขานกันมาว่า พระพุทธรูปองค์นั้นสร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรตที่ 16 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 (บางแหล่งข้อมูลก็ว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7) แห่งอาณาจักรขอมโบราณ มีการขนานนามพระพุทธรูปนั้นว่า "พระพุทธมหาธรรมราชา" เนื่องจากมีพุทธลักษณะทรงเครื่องกษัตริย์นักรบโบราณ ต่อมากษัตริย์ขอมได้พระราชทานพระพุทธมหาธรรมราชานั้นแก่พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด (ปัจจุบันคือพื้นที่ในอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์) พร้อมพระราชทานพระขรรค์ไชยศรี และยกพระราชธิดา นาม สิงขรมหาเทวี ให้เป็นพระมเหสี ต่อมาพ่อขุนผาเมืองร่วมกับพระสหายคือ พ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ได้ร่วมกันขับไล่ขอมและกอบกู้ดินแดนกลับคืนมาจากการครอบครองของขอม ก่อตั้งเป็นอาณาจักรสุโขทัย ทำให้พระนางสิงขรมหาเทวีซึ่งเป็นเชื้อสายทายาทกษัตริย์ขอมเกิดความเคียดแค้น เผาเมืองราดของพระสวามี แล้วกระโดดลงแม่น้ำป่าสักฆ่าตัวตาย ไพร่พลเสนาอำมาตย์ของเมืองราดพากันอพยพข้าวของหนีตายจากเปลวเพลิงที่แผดเผาเมือง และได้อัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาล่องแพไปตามแม่น้ำป่าสัก แต่ด้วยความคดเคี้ยวของแม่น้ำ ทำให้แพอับปาง พระพุทธมหาธรรมราชาจมหายลงไปในแม่น้ำ (บางตำนานก็ว่า พระนางสิงขรมหาเทวีเป็นผู้โยนพระพุทธมหาธรรมราชาลงแม่น้ำป่าสัก ) ต่อมาคุณตาหลวงด่อน ข้าหลวงของเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ในขณะนั้น ได้พาภรรยาพายเรือออกหาปลาในแม่น้ำป่าสัก ตามวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้น เมื่อมาถึงจุดที่เรียกว่าวังขะแมบหรือวังมะขามแฟบ ซึ่งอยู่ตอนเหนือของตัวเมือง สองตายายก็ได้พบพระพุทธมหาธรรมราชาที่จมน้ำหายไป ผุดขึ้นมาให้เห็น คุณตาหลวงด่อนจึงอัญเชิญองค์พระนั้นไปมอบให้เจ้าเมือง ซึ่งท่านเจ้าเมืองได้อัญเชิญองค์พระไปประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ ริมแม่น้ำป่าสัก ในเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันพระพุทธมหาธรรมราชาองค์จริงก็ยังคงประดิษฐานอยู่ที่นั่น ปาฏิหาริย์ของพระพุทธมหาธรรมราชาอันเป็นที่มาของประเพณีอุ้มพระดำน้ำ คือ หลังจากที่อัญเชิญองค์พระประดิษฐานที่วัดไตรภูมิแล้ว จู่ๆ เมื่อถึงวันสารทไทย หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 พระพุทธรูปนั้นหายไปจากวัดไตรภูมิ ทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านช่วยกันออกตามหาแต่ไม่พบ จนกระทั่งมีชาวบ้านคนหนึ่งไปหาปลาบริเวณวังมะขามแฟบ อันเป็นจุดที่เจอพระพุทธมหาธรรมราชาครั้งแรก ชาวบ้านคนนั้นพบพระพุทธมหาธรรมราชาดำผุดดำว่ายอยู่ที่นั่น จึงมาบอกให้ผู้เกี่ยวข้องไปอัญเชิญองค์พระท่านกลับมาไว้ที่วัดไตรภูมิตามเดิม แต่ครั้นถึงวันสารทไทยปีต่อมา องค์พระก็หายไปแล้วไปปรากฎอยู่ที่เดิมอีก เหมือนว่าท่านชอบไปสรงน้ำที่นั่น ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันลงมติว่า ต่อไปจะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาไปสรงน้ำที่วังมะขามแฟบในวันสารทไทยของทุกปี และถือเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาจนปัจจุบัน เพียงแค่ตอนหลังเปลี่ยนสถานที่มาเป็นบริเวณวัดโบสถ์ชนะมาร เนื่องจากจุดที่เรียกว่าวังมะขามแฟบอันเป็นคลองสาขาของแม่น้ำป่าสักนั้น เริ่มตื้นเขิน ไม่สะดวกแก่การสรงน้ำให้ท่าน (ขอบคุณภาพจากเพจ ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ) ด้วยตำนานและปาฏิหาริย์ของพระพุทธมหาธรรมราชา ทำให้ท่านกลายเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเพชรบูรณ์อีกองค์หนึ่ง จากองค์จริงที่ประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ ต่อมาใน พ.ศ.2554 อันเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) เจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ได้บอกบุญกับพี่น้องประชาชน ร่วมกันสร้างพระพุทธมหาธรรมราชาจำลององค์ใหญ่ บริเวณริมทางหลวงสาย 21 (ถนนสระบุรี - หล่มสัก) ตรงข้ามสำนักงานขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์และสถานีตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ยอดเงินบริจาคกว่า 27 ล้านบาท ซึ่งใช้สร้างองค์พระขนาดใหญ่เนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ น้ำหนักกว่า 45 ตัน ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร สูง 16.5899 เมตร เมื่อรวมความสูงของอาคารที่เป็นฐานพระ ทำให้องค์พระสูงจากพื้น 35 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ยอดพระเกตุ ขนานนามว่า "พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" และพื้นที่โดยรอบองค์พระก็ได้สร้างเป็นสวนสาธารณะ ชื่อ พุทธอุทยานเพชรบุระ หรือ พุทธอุทยานพระพุทธมหาธรรมราชา แต่มักเรียกกันติดปากว่า "พระใหญ่" เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน และมีพื้นที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งและปั่นจักรยานด้านหลังองค์พระ ปัจจุบัน พระพุทธมหาธรรมราชาแห่งพุทธอุทยานเพชรบุระ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ อันเป็นสักขีพยานถึงพลังแห่งศรัทธาที่มีต่อองค์พระพุทธรูปขนาดเล็กอายุนับพันปี จนนำสู่การก่อสร้างเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ทุกวันนี้