เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อ"จังหวัดนครสวรรค์"กันเป็นอย่างดี และอาจเคยได้มีโอกาสมายังจังหวัดแห่งนี้ ทั้งอาจจะมาที่นี่ด้วยความตั้งใจ หรือแค่เพียงผ่านเพื่อไปสู่จังหวัดอื่นๆก็ตาม คนจำนวนไม่น้อย มักมองว่าที่นี่เป็นแค่เมืองทางผ่านเพื่อเข้าสู่ภาคเหนือ วันนี้ในฐานะของคนในท้องที่ จึงอยากจะมาบอกเล่าเรื่องราว ถึงความน่าสนใจในอีกหลายแง่มุม ที่เชื่อว่าหลายๆท่าน อาจยังไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสเกี่ยวกับจังหวัดนครสวรรค์ ให้ทุกท่านฟังกันค่ะ นครสวรรค์ขึ้นชื่อว่าเป็น เมืองแห่งต้นน้ำเจ้าพระยา สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวไทยในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำภาคกลางมาหลายชั่วอายุคน ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกท่านไปยัง "พาสาน" สัญลักษณ์แห่งเมืองต้นน้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนี้กันค่ะ หากอยากรู้ว่าสถาปัตยกรรมแห่งนี้ มีความเป็นมาอย่างไร ตามเรามาทำความรู้จักกันเลยค่ะ การเดินทางมายังที่นี่นั้น ท่านที่มีรถสามารถรถขับมาถึงที่ได้เลยค่ะ แต่วันนี้มากับคนในพื้นที่ ขอพาไปแบบไม่ธรรมดากันดีกว่าค่ะ มาถึงลุ่มแม่น้ำทั้งที ก็ต้องเดินทางกันแบบลุ่มแม่น้ำนิดนึง เดาไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ มาค่ะ....ตามเรามาลงเรือกันเลยยยยยย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ในขณะที่กำลังนั่งเรือ เราจะขอเล่าถึงที่มาที่ไป ของสถาปัตยกรรมให้นี้ให้ฟังกันไปพลางๆก่อนค่ะ "พาสาน" มีที่มาจากคำว่า "ผสาน" ที่มีความหมายว่า การรวมกัน แต่ "พาสาน"นั้น หมายถึง คือ การพาคนเข้าไปสานให้เกิดการผสมผสานกันระหว่าง คน สถานที่ และสภาพแวดล้อม สถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตาที่เป็นสัญลักษณ์แห่งต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่บริเวณเกาะยม ในเขตตัวเมืองนครสวรรค์ค่ะ โครงสร้างของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ มีลักษณะเป็นเส้นโค้งคล้ายคลื่นน้ำ 2 เส้นมาประสานกัน ซึ่งบริเวณดังกล่าวนี้ เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สายหลัก คือ เส้นที่ 1 แม่น้ำปิง-แม่น้ำวัง และเส้นที่ 2 แม่น้ำยม-แม่น้ำน่าน ถือเป็นการบรรจบของแม่น้ำทั้ง 4 สาย อย่างสมบูรณ์ตามคำพูดที่ว่า "นครสวรรค์เมืองสี่แคว" ถึงแล้วค่าาา ข้ามมาไม่ไกลเลย ประมาณ 200 เมตร เท่านั้น นั่งชมวิวยังไม่เกิน 10 นาที กำลังเพลินไม่อยากลงจากเรือเลยค่ะ เมื่อมาถึงที่นี่ คุณจะพบกับโครงสร้างของอาคารที่มีลักษณะแปลกตาและมีเอกลักษณ์ โดยส่วนของพื้นของที่นี่นั้น ใช้วัสดุส่วนใหญ่ที่ทำจากไม้ และหลังคาของอาคารสีสดที่ทำด้วยทองแดง ที่สร้างความโดดเด่นสวยงามให้กับสถาปัตยกรรมแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ด้านหน้าและรอบอาคาร มีการเทพื้นเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันไป เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชม ได้ใช้นั่งพักผ่อนชมบรรยากาศโดยรอบ ด้านข้างปูด้วยสนามหญ้าสีเขียว ตัดกับสีของทองแดงและไม้เนื้อแดงที่เป็นโครงสร้างหลักได้อย่างสวยงาม ภายในจะเป็นการจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ประเพณี และวัฒนธรรมในท้องถิ่น แต่ในส่วนนี้ยังไม่เปิดให้ได้เข้าชมกันนะคะ แนะนำว่า ให้มาที่นี่ในช่วงเย็นค่ะ คุณจะได้สัมผัสกับ 2 บรรยากาศด้วยกัน นั่นก็คือ ก่อนพระอาทิตย์ตกให้เก็บข้อมูลโดยรอบก่อนค่ะ จุดเด่นพิเศษที่จะแสดงให้เห็นในช่วงเวลานี้คือ การตัดกันของสีแม่น้ำทั้ง 2 เส้นอย่างชัดเจนค่ะ โดยเส้นที่มาจากแม่น้ำปิง-วัง จะมีสีเขียว และเส้นที่มาจากแม่น้ำยม-น่าน จะมีสีแดงขุ่นค่ะ และในช่วงเวลาใกล้พระอาทิตย์ตก บรรยากาศที่นี่สุดแสนจะโรแมนติกเลยค่ะ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของลุ่มน้ำเจ้าพระยา และแสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าสะท้อนลงบนผืนน้ำ เผยให้เห็นประกายระยิบระยับสีทองทั่วบริเวณ อีกทั้งลมเย็นๆจากสายน้ำที่พัดผ่าน สร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้เป็นอย่างดี และพอถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่นี่จะมีการเปิดไฟที่ทำการประดับตกแต่งทั้งภายในตัวอาคาร และบริเวณโดยรอบไว้อย่างสวยงาม เหมือนเป็นเกาะสวรรค์น้อยๆ จนคุณอดใจไม่ไหว ต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกอย่างแน่นอนค่ะ ที่นี่สามารถเข้าชมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆค่าา การเดินทางมาที่นี่ อยากแนะนำให้นั่งเรือข้ามฝั่งมากันค่ะ เพื่อซึมซับบรรยากาศวิถีชีวิตแบบลุ่มน้ำ และยังถือเป็นช่วยการอุดหนุนชาวบ้านในท้องถิ่นอีกด้วยค่ะ หรือหากครอบครัวไหนพาเด็กหรือคนชรามาด้วย แนะนำให้ขับรถมาจะสะดวกกว่าค่ะ เพราะทางขึ้นจากท่าเรือของที่นี่นั้นค่อนข้างชันมากเลยทีเดียวค่ะ ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.motorcycmagazine.com/ https://travel.kapook.com/ https://www.facebook.com/UnseenThailand https://travel.mthai.com/