สวัสดีค่ะพี่ ๆ น้อง ๆ นักเขียนและนักอ่านทุกท่านบทความนี้ขอแชร์ประสบการณ์ที่มีความสุขที่สุดและรู้สึกภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้เป็นครูอาสาบนยอดดอยและใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ห่างไกลความเจริญและขาดการติดต่อจากโลกภายนอกเพราะพื้นที่ ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีร้านค้า ไม่มีสัญญานโทรศัพท์ เป็นการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีใด ๆ ทั้งสิ้นจุดเริ่มต้นของการเป็นครูอาสามาจากตัวเองเป็นนักกิจกรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อเรามีใจรักทางด้านนี้การที่เลือกไปเป็นครูอาสาทำให้อยากลองดูอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง การที่จะไปเป็นครูอาสาปัจจุบันนี้มีทั้งมูลนิธิ และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จัดโครงการเพื่อให้สมัครไปเป็นครูอาสาแต่ต้องผ่านบททดสอบหลาย ๆ ด่าน เพื่อให้แน่ใจว่ามีความพร้อมจริง ๆ ในการไปปฏิบัติหน้าที่สำคัญ เมื่อร่างกายพร้อมใจพร้อมก็เริ่มลุยและโรงเรียนที่ได้ลงไปปฏิบัติภารกิจนี้คือโรงเรียนชุมชนบ้านท่าสองยางสาขาบ้านทีชอแม ตั้งอยู่ใน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตาก ประมาณ 250 กิโลเมตร ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง ใช้ภาษากะเหรี่ยงในการสื่อสาร ไม่สามารถพูดเขียนอ่านภาษาไทยได้ อีกทั้งไม่มีไฟฟ้าและสัญญานโทรศัพท์ใช้ระยะทางขึ้นไปโรงเรียนทีชอแมตั้งอยู่กลางหุบเขาบนยอดดอยก็จะทุลักทุเลยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝนก็จะลำบากกว่าทุกครั้งที่เดินทางขึ้นไปแต่อย่างไรก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการไปสอนเด็ก ๆ ครั้งนี้ และแล้วก็เดินทางทางจุดหมายโรงเรียนทีชอแมเป็นโรงเรียนที่เหนือความคิดไปนิดนึงเพราะก่อนที่จะขึ้นมาที่โรงเรียนทีชอแมเข้าใจว่าเป็นลักษณะคล้าย ๆ โรงเรียนทั่วไปตัดมาที่ภาพความเป็นจริงเป็นลักษณะหนึ่งอาคารที่เรียนรวมกัน มีคุณครูประมาณ 4 ท่าน และเด็ก ๆ นักเรียนรวมกันทั้งโรงเรียนประมาณ 50 - 60 คน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับครูอาสาเช่นกัน รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเดินทางมาถึงส่วนชาวบ้านแถวนี้จะเป็นเผ่ากระเหรี่ยงและปกาเกอะญอ ชาวบ้านมีการต้อนรับเป็นอย่างดีโดยส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนับถือผีกันเป็นความเชื่อของชาวบ้านและมีวิถีการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวบ้านทั้งการเป็นอยู่ การรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ สถานที่แห่งนี้จะไม่มีสถานีอนามัยเมื่อเข้าสู่โหมดการสอนเด็ก ๆ น่ารักมาก และเชื่อว่าตื่นเต้นกันทั้งครูและเด็ก ที่ครั้งแรกเรามาเจอและทำความรู้จักกันเด็ก ๆ ก็จะให้ความสำคัญกับครูมากรักครูทุกคนที่สอนเป็นภาพที่อบอุ่นมากเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าเป็นเด็ก ๆ เล็ก ๆประมาณอนุบาล 1 - 2 น้อง ๆ จะพูดภาษาไทยไม่ได้ต้องค่อย ๆ สอนและจำเป็นต้องมีรุ่นพี่ ป.6 มาอยู่ด้วยทุกครั้งเพื่อเป็นล่ามระหว่างน้อง ๆ กับ ครู เวลาว่างจะพาเด็ก ๆ เล่นกีฬาและพาเด็ก ๆ ร้องเพลงและเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ เด็ก ๆ ป .5 - 6 ชอบเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาก บางทีก็แลกเปลี่ยนกันช่วงตอนกลางวันเด็ก ๆ ก็จะช่วยครูทำอาหาร เด็ก ๆ ก็จะพาไปหาผักจับปลา โรงเรียนแห่งนี้ไม่มีแม่บ้านแม่ครัวนะ ทุกอย่างอยู่ที่คุณครูก็ต้องสวมบทบาทเป็นแม่ครัวด้วยมุมกาแฟของคุณครูทุก ๆ เช้า ระยะเวลา 3 เดือนกับการใช้ชีวิตในสถานที่แห่งนี้เริ่มติดใจและอยากจะอยู่ต่อหลงรักชาวบ้านหลงรักเด็ก ๆ และหลงรักสภาพแวดล้อมที่นี่ ปอดสดชื่นตื่นมาไม่ต้องรีบแข่งขันกับเวลาไม่ต้องเผื่อเวลาปัดแก้มแต่งหน้า เพียงแค่บำรุงว่านหางจระเข้เยอะ ๆ เพราะอากาศที่นี่หนาวจัดต้องทาครีมบำรุงอยู่เสมอ ๆ และ เดินทางลงไปโรงเรียนแม่คือโรงเรียนบ้านท่าสองยางอาทิตย์ละครั้งเพื่อส่งงาน หรือมีประชุม หากต้องการสัญญานโทรศัพท์ที่โรงเรียนก็จะมีมุมที่มีสัญญานอยู่ที่เดียว ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ประเมินค่าเป็นตัวเลขไม่ได้ ปัจจุบันก็มีการติดต่อและคอยเป็นกำลังใจกับความสำเร็จของน้อง ๆ และมีการจัดโครงการบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภคอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีครูอาสาเข้าไปสอนในพื้นที่แห่งนี้อยู่เสมอ ๆ และเชื่อว่าความรู้สึกของคุณครูที่ได้ไปสอนในพื้นที่แห่งนี้ก็จะรู้สึกคล้าย ๆ กัน .........ลงมือทำในสิ่งที่เรารักเชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องทำได้ผลที่ได้มามันคุ้มค่าแน่นอน.................ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณครูอาสาทุกพื้นที่และนักกิจกรรมเพื่อสังคมรักษาสิ่งนี้ไว้เพราะมันคือสิ่งที่สวยงามที่สุด // รูปภาพที่ใช้ประกอบบทความโดยนักเขียน yingnui //// รูปภาพหน้าปกแต่งผ่าน Application canva //