ทุกครั้งที่คุณเริ่มออกเดินทาง นั่นหมายถึงคุณได้เริ่มบันทึกประสบการณ์ชีวิตหน้าใหม่ขึ้นอีกหน้าหนึ่งแล้ว การเดินทางในความหมายของแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป บางคนเชื่อในจุดหมายปลายทาง แต่บางคนก็เชื่อในระหว่างทางของเส้นทางนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด-ถูก เพียงแต่อาจมีมุมในการมองชีวิตไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง การเดินทางของบางคนอาจจะไม่ได้ต้องการไปในที่หรูหรา สะดวกสบาย เปิดแอร์เย็นฉ่ำ นอนแช่น้ำดูวิวภูเขา วิวทะเล แต่การเดินทางอาจหมายถึงชีวิต ผู้คน วัฒนธรรม รอยยิ้ม บทสนทนา ฯลฯ ซึ่งนับเป็นการเดินทางเช่นกัน ทางหลวงสาย 105 ที่ทอดยาวเลาะตะเข็บชายแดนไทย-พม่า แล่นเลียบแม่น้ำเมยจาก แม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง ของจังหวัดตาก ขึ้นไปจนถึงแม่สะเรียง ขุนยวม แม่ฮ่องสอน ก็เปรียบเหมือนบันทึกชีวิตอีกหน้าหนึ่ง การได้ขับรถล่องไปเรื่อย ๆ อยากหยุดที่ไหนก็หยุด อยากพักที่ไหนก็พัก พูดคุยกับผู้คน หาร้านอาหารท้องถิ่นกิน มันเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งจริง ๆ แต่เส้นทางสายนี้อาจจะลำบากหน่อย เพราะมีการทำถนนเป็นระยะ และในเวลากลางคืนถือว่าเปลี่ยวพอสมควรเลย ทริปนี้จุดหมายปลายทางไม่ได้ขึ้นไปไกลถึงแม่ฮ่องสอน เราเพียงจะไปให้สุดที่ชายแดนรอยต่อของสองจังหวัด ปลายสุดของท่าสองยาง พิกัดบ้านสบเมย ออกจากแม่สอดก็ขับรถไปเรื่อย ผ่านอำเภอแม่ระมาด น้ำพุร้อนแม่กาษา ถ้ำแม่อุสุ อุทยานฯ แม่เมย ม่อนกิ่วลม จุดหมายคือท่าเรือแม่ตะวอ อำเภอท่าสองยาง ท่าสองยางนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้านของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) และเป็นด่านผ่อนปรนชั่วคราวที่ข้ามไปมาหาสู่กันได้ หลาย ๆ ภาพที่เราอาจจะไม่เคยได้เห็นในสังคมเมือง อย่างเด็กนั่งบนหลังควาย ชาวนาเกี่ยวข้าวในนา ชาวเขาสะพายตะกร้า คนอาบน้ำซักผ้าในลำห้วย สิ่งเหล่านี้แหละที่บอกว่าคือความหมายของการเดินทาง หลังจากหาข้าวมื้อกลางวันแล้วก็เดินดูวิถีชีวิต สายน้ำ และผู้คน จนบ่ายคล้อย เราก็โบกมือร่ำลาท่าสองยาง ขับรถมุ่งตรงขึ้นไปทางแม่สะเรียง ผ่านอุทยานแห่งชาติแม่เงามาสักพัก ก็ถึงหมุดหมายที่ตั้งใจคือบ้านสบเมย ดินแดนแห่งแม่น้ำสองสี ที่เกิดจากแม่น้ำแม่เงาและน้ำแม่ยวมไหลมารวมกัน แม่น้ำเงาจะมีความใสกว่าไหลผ่านป่าธรรมชาติ ส่วนแม่น้ำยวมนั้นสีขุ่นเพราะไหลผ่านไร่สวนของชาวบ้านมา จุดที่แม่น้ำไหลมารวมกันนี้ชาวบ้านเรียกกันว่าสบเงา รวมกันแล้วก็จะไหลต่อไปรวมกับแม่น้ำเมย จุดรวมจะเรียกว่าสบยวม ก่อนจะไหลไปรวมกับแม่น้ำสาละวินอีกครั้ง เรียกว่าสบเมย ก่อนจะค่ำมืดเราได้เดินทางออกจากจุดชมวิวแม่น้ำสองสี มุ่งหน้าเข้าไปที่บ้านสบเมย เพื่อหาที่พักแบบโฮมสเตย์ของชาวบ้านนอนเอาแรงกันก่อน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้มีพลังเดินทางกันต่อไปอีกเส้นทาง อย่างที่บอกชีวิตคนก็เหมือนบันทึกหนึ่งหน้า เราอาจบันทึกเรื่องราวซ้ำ ๆ ได้ หรือบันทึกเรื่องราวใหม่ ๆ ได้ แต่เราลบบันทึกได้เพียงในหน้ากระดาษเท่านั้น วิถีชีวิต เรื่องราวของผู้คน วัฒนธรรม ประเพณี ในแต่ละท้องถิ่นนั้น เป็นเหมือนเรื่องเล่า ที่รอให้ผู้คนมาบอกเล่าและส่งต่อเรื่องราวต่อ ๆ กันไป ร้อยเรียงจากสังคมเล็กไปสู่สังคมใหญ่ เป็นบันทึกที่มนุษย์ทุกคนเขียนขึ้นร่วมกัน ภาพปกและภาพประกอบโดยผู้เขียน