หนีกรุง......มุ่งบ้าน One day Act. At My home Part.Iโลกเราช่างแสนวุ่นวาย คิดถึงวัยเด็กจัง เชื่อว่าหลายๆคนเคยคิดแบบนี้ใช่ไหมคะ วันเวลาเปลี่ยนไป อะไรๆก็เปลี่ยน วันนี้ หนีกรุงมุ่งบ้าน เลยกลับมาเบรกเวลา แล้วพบว่าทุกอย่างช้าลงนิดนึง ไม่มีความวุ่นวาย และสบายใจมากๆเลยค่ะ กิจกรรมที่บ้านเกิดผู้เขียนในหนึ่งวัน มีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเถอะเริ่มต้นยามเช้าด้วยการเปิดมุ้งชื่นชมน้องวัวกว่า 70 ตัว ที่ที่บ้านเลี้ยงไว้ ทั้งเจ้าตัวเล็กเจ้าตัวใหญ่ ยื่นหน้ามาทักทายกันเต็มเลย ชมน้องวัวไปด้วย จิบกาแฟ โอวัลตินไปด้วย ชิลไปอีก เมื่อก่อนก็มีชื่อทุกตัวอยู่หรอกนะ แต่พอเยอะขึ้นก็เริ่มจำชื่อจำหน้ากันไม่ได้ซะแล้ว วัวจะกินเสื้อแล้วค่ะคุณพี่ (ภาพโดย :ผู้เขียน)ก่อนที่แดดจะแรงไปมากกว่านี้ เราก็ลงเรือให้อาหารปลา อาหารกุ้งกันสักนิด อากาศตอนเช้าเย็นๆ แดดยังไม่ร้อน มองดูสายน้ำที่เลื่อนไหลไป ตรงขอบบ่อบางทีก็มีนกมาคอยสอดส่องหากุ้งหาปลากินอยู่ บรรยากาศดีมากๆเลยล่ะ ให้อาหารปลาต้อนรับเช้าวันใหม่ วงสวิงสวยงาม(ภาพโดย :ผู้เขียน)ชนบทบ้านเรา อยู่กันแบบครอบครัว ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมากๆ ว่างๆกลับมาทีไรก็ต้องแวะไปหาปู่ย่าตายายให้ท่านหายคิดถึง กิจกรรมประจำตอนกลับบ้าน วันนี้ผู้เขียนแวะมาที่บ้านย่า มาถึงก็เห็นย่ากำลังทำมะม่วงกวนอยู่ มะม่วงกวนเป็นการแปรรูปอาหารอย่างหนึ่ง กรณีที่มะม่วงมันสุกเต็มต้นจนกินไม่ทันกันแล้ว จะปล่อยให้เน่าเสียไปเลยก็เสียดาย เลยเอามาแปรรูปกันสักหน่อยการทำมะม่วงกวนของย่าเริ่มจากการปอกเปลือกมะม่วงออกก่อน พลันนั้นเนื้อมะม่วงสีเหลืองทองปรากฏแก่สายตา ต่อมาก็สับเนื้อมะม่วงนั้นให้ละเอียดแล้วนำใส่หม้อ ใส่น้ำตามสัดส่วน มีเติมน้ำตาลบ้างเล็กน้อย ซึ่งสูตรการทำมะม่วงกวนแต่ละบ้านก็จะมีสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไปค่ะ พอเคี่ยวได้ที่แล้วก็เอามาแผ่หลากับถาด ตากแดดให้แห้ง ก็ได้กินมะม่วงกวนกันแล้ว บางส่วนเหลือกินก็ขายได้อีก ส่วนเปลือกมะม่วงก็เอาไปให้น้องวัวที่บ้านกิน ได้ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำเลยค่ะ หิวๆมะม่วงกวน ส่วนมะขามก่อนจะแกะเม็ดออก ต้องตากแดดก่อน เพื่อที่จะได้แกะง่ายขึ้นค่ะ (ภาพโดย :ผู้เขียน) ไม่ห่างออกไปจากชายคาบ้านนักมีต้นมะขามที่มีฝักร่วงอยู่เต็ม ย่าก็ไม่ปล่อยให้เสียหลาย เอามาปลอกเปลือก แคะเมล็ดออก ทำมะขามเปียกขายได้อีกกก กระซิบว่าราคาไม่เบาเลย ได้กิโลกรัมละ 100-150 บาทเลยเชียวล่ะ แกะเม็ดเตรียมจะขายแล้วเด้อ (ภาพโดย :ผู้เขียน)กิจกรรมของผู้เขียนยังไม่หมดวันเลย แต่หมดหน้ากระดาษเสียแล้ว การได้กลับมาบ้าน ชื่นชมกับธรรมชาติ มีกิจกรรมต่างๆร่วมกับปู่ย่าตายาย เป็นอะไรที่สานสัมพันธ์และเติมเต็มจิตใจได้ดีทีเดียวค่ะ เราได้ปล่อยวาง และรู้สึกถึงวัยเด็กอีกครั้ง ในตอนที่เราช่วยย่ากวนมะม่วง หรือแกะมะขาม เราก็ได้แต่โฟกัสกับสิ่งที่เราทำจนลืมสิ่งที่วุ่นวายในจิตใจไปเสียหมดเลย เค้าถึงว่าการกลับบ้านเป็นการชาร์ตแบตอีกทางนึงดังนั้นอย่ามัวทำงานเพลิน หาเวลากลับมาหาคนที่บ้านกันบ้างนะคะ เติมพลังงานให้เต็ม แล้วกลับไปสู้ต่อกัน ครั้งหน้า หนีกรุงมุ่งบ้าน จะพาไปบ้านคุณตากัน ติดตามอ่านกันได้ตอนต่อไปนะคะ