สังคมหน้ากาก เราอาจจะไม่ชอบคำนี้กันสักเท่าไหร่ แต่ในวันที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงอย่างโควิด-19 บนโลกวันนี้ เราต่างต้องยอมรับว่า สังคมหน้ากากเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรา เพราะการสวมใส่หน้ากากอนามัย คือความปลอดภัย ปลอดเชื้อ และเป็นการดูแลรักษาตัวเราเองและคนรอบข้าง แม้วันนี้เราต่างไม่เห็นรอยยิ้มของกันและกัน แต่วันหนึ่งเราจะกลับมาเปิดรอยยิ้มให้กันอีกครั้งแน่นอนนะสัญญา ! ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา เอาล่ะ เมื่อหน้ากากพร้อม เจลแอลกอฮอล์พร้อม วันนี้ ผู้เขียนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเดินเข้าห้างสรรพสินค้าเป็นครั้งแรก หลังจากที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศขานรับนโยบายการประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งส่งผลให้ทั่วทุกห้างสรรพสินค้าทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทุกจังหวัด มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเวลาเปิดให้บริการ รวมทั้งเป็นการเปิดให้บริการเฉพาะส่วนอีกด้วย และแน่นอน หากไม่จำเป็น เพื่อน ๆ ก็ไม่ควรออกจากบ้านกัน เพื่อเป็นการยับยั้งเชื้อโรคร้าย ไม่ให้เกิดกับเราและคนรอบข้างด้วยนะ ส่วนผู้เขียนเอง คงต้องขออนุญาตเลือกเข้าไปห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เพื่อซื้อข้าวสารที่หมด และของสดอีกสักนิด เป็นการเตรียมตัวหยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่ในบ้าน แบบมีเมนูอาหารง่าย ๆ ไว้ทำรับประทานกันเองแล้วล่ะ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านสุด คงเป็นที่อื่นไปไม่ได้ นอกจากห้างสรรพสินค้าโลตัส วันนี้เมื่อเราขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ ก็เริ่มเห็นแล้วว่า บรรยากาศความเงียบเหงา เข้ามาเยือนกันตั้งแต่ลานจอดรถกันเลยทีเดียว คือว่ารถบางตามาก น้อยมาก นี่แสดงว่า พวกเราต่างขานรับนโยบายของรัฐกันอย่างเต็มภาคภูมิแล้วล่ะนะ หลังจากจอดรถเรียบร้อย เราก็หิ้วถุงไปด้วย เพื่อเป็นการลดมลภาวะเป็นพิษ งดถุงพลาสติกหันมาใช้ถุงผ้าแทนตามนโยบายรัฐอีกเช่นเดียวกัน ตามทางเดินที่เราก้าวไป ล็อคขายสินค้าด้านหน้าคือปิดทั้งหมดตลอดเส้นทาง ก็จะยิ่งดูเงียบเหงาเข้าไปอีกนะ และเมื่อถึงประตูอัตโนมัติที่เปิดต้อนรับเรา ก็ยังมีพนักงานที่คอยรอต้อนรับด้วยการตรวจวัดไข้ พร้อมโต๊ะเล็ก ๆ ที่วางเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการลูกค้าอีกด้วย และเราก็ผ่านเข้าไปถึงด้านใน ด้วยอัตราวัดไข้ 35 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ภายในห้างสรรพสินค้า ก็จะดูแปลกตาไปกว่าเดิมมาก จากที่เราเคยเดินสวนทางกับผู้คนมากมาย ไฟในห้างที่เคยเปิดสว่างทุกจุด ก็จะเปิดเพียงจุดที่ให้บริการ ในโซนของเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเด็กเล่นต่าง ๆ ก็จะงดให้บริการชั่วคราว มีการใช้เทปผ้ากั้นกันผู้ใช้บริการให้เข้าใจถึงโซนปิดและเปิดที่แตกต่างออกไป พร้อมด้วยป้ายขออภัยชัดเจนตามนโยบายของรัฐ ระหว่างนี้ ผู้เขียนมองว่าเป็นการลดความแออัดได้ดี เพราะโซนเหล่านี้ ถ้าเปิดปกติ ก็จะยังคงเป็นแรงดึงดูดให้นักช็อปอดใจไม่ได้ พากันออกมาเที่ยวเล่นเหมือนเช่นเคย การขานรับนโยบายของรัฐ นอกจากเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนแล้ว ยังต้องเริ่มต้นที่เจ้าของผู้ประกอบการช่วยกันออกมาขานรับนโยบายของรัฐเช่นนี้ด้วย ทุกภาพที่เราได้มา จึงออกแนวเหงา ๆ อย่างที่เห็น แต่เหงาวันนี้ ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของเราทุกคนในวันหน้าเลยนะ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ผู้เขียนใช้เวลาอยู่ในห้างสรรพสินค้าไม่นานนัก เลือกซื้อแต่ของจำเป็นที่ตั้งใจเอาไว้ และรีบเดินทางกลับเพื่ออยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กันต่อไป และอย่างที่เราบอก ถึงวันหนึ่ง เราก็จะถอดหน้ากากเพื่อเติมรอยยิ้มให้แก่กันและกัน แม้วันนี้อาจจะดูเหงาๆ แต่เราจะกลับมายิ้มให้กัน รักษาสุขภาพกันด้วยนะทุกคน ! ขอบคุณภาพปกจาก : Pixels