สุพรรณบุรี เมื่อเอ่ยชื่อจังหวัดนี้ขึ้นมา ภาพของท้องนาสีเขียวขจี วัดวาอารามพระคู่เมือง ตลาดโบราณเก่าแก่ ขนมสาลีนุ่มฟู และรูปปั้นมังกรอันใหญ่โตก็จะลอยมาประกอบในจินตนาการทุกครั้งไป แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสุพรรณบุรีนั้นมีดีกว่าที่ใครหลาย ๆ คนจะนึกถึงได้ ถ้าผมบอกว่าจะชวนคุณไปกางเต็นท์บนภูเขา เล่นทะเลสาปน้ำจืด หรือพาไปดูวิวสวย ๆ บนมุมสูงของจังหวัดสุพรรณบุรี คุณพอจะนึกออกมั้ยว่าต้องไปที่ไหน ตรงไหนของจังหวัดสุพรรณบุรี ถ้ายังนึกไม่ออกผมจะพาคุณไปรู้จักกับ Unseen in Su๑๐๐๐ Unseen จุดที่ ๑ วัดเขานางบวช (วัดเขาขึ้น) ผมขอพาท่านผู้อ่านไปชมวิวมุมสูง ที่มองออกไปได้สุดสายตาพร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่เบื้องหน้าโดยไม่ต้องมองลอดผ่านเลนส์กล้องส่องทางไกลบนหอคอยเมืองสุพรรณกันนะครับ สถานนีแรกนี้คุณจะต้องขับรถเลยจากตัวเมือง จ.สุพรรณบุรีมาบนถนนหมายเลข ๓๔๐ (สุพรรณบุรี - ชัยนาท) เป็นระยะทางประมาณ ๕๐ กิโลเมตร อาจจะไกลหน่อยนะครับแต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าแน่นอน ปักหมุดเส้นทางไว้แล้วเดินทางกันได้เลยครับ ที่วัดเขานางบวช (วัดเขาขึ้น) ภาพวิวมุมสูงจาก วัดเขานางบวช (วัดเขาขึ้น) เป็นวิวที่สวยงามดูแล้วเพลินตาสบายใจมากในจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อคุณขับรถมาตามแผนที่จนถึงทางเลี้ยวเข้าวัด จะสังเกตุเห็นได้ทันทีว่าที่แห่งนี้แหล่ะคือ วัดเขานางบวช นั่นเพราะมีภูเขาอยู่เบื้องหน้าและเห็นชัดเจนว่ามีวัดอยู่ด้านบน ที่วัดนี้คุณสามารถขับรถขึ้นไปตามทางลาดยางจนถึงด้านบนสุดเพื่อพบกับวิวอันสวยงามนี้ได้เลยนะครับ สะดวกมาก ๆ แต่หากหนุ่มสาวคนไหนอยากจะวัดความแข็งแรงของร่างกายแล้วล่ะก็ลงจากรถยนต์ของคุณแล้วก้าวขาขึ้นบันได ๒๔๙ ขั้นกันได้เลยครับตามสะดวก ไฮไลท์ที่สำคัญอีกหนึ่งจุดของ วัดนางบวช (วัดเขาขึ้น) นั่นคือ วัดนี้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของประวัติศาสตร์ในยุคของชาวบ้านบางระจัน เหตุเพราะว่า วัดแห่งนี้คือวัดของพระอาจารย์ธรรมโชติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเครื่องรางของขลังในสมัยศึกบางระจัน นั่นเอง ด้านบนวัดยังมีศาลาพระอาจารย์ธรรมโชติ ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และยังมีปากทางเข้าอุโมงค์ ซึ่งกล่าวว่าเป็นเส้นทางที่พระอาจารย์ธรรมโชติได้ใช้เดินทางไปเพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัยตามคำเชิญของหัวหน้าค่ายบางระจัน ด้วยหวังว่าท่านจะได้มีชีวิตรอดกลับมาเพื่อทำศพให้กับเหล่าวีรชนคนกล้าแห่งบ้านบางระจัน ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ สถานที่แห่งนี้คือ Unseen แห่งเมืองสุพรรณที่ไม่ควรพลาดเลยนะครับ ภาพนี้คือบริเวณ หน้าวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ ถ้าเข้าไปด้านในจะมีปากถ้ำที่พระอาจารย์ใช้เดินทางไปที่ปลอดภัยแต่ปัจจุบันนั้นได้เกิดการทรุดตัวของดินในพื้นที่ทำให้ปิดกั้นเส้นทางของถ้ำนี้ไว้ Unseen จุดที่ ๒ กินแฟ ดูฟาย หลังจากได้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงเห็นทิวเขา ท้องนากว้างไกลกันแล้วขากลับจากวัดเขานางบวช ขับรถย้อนกลับมาเป็นระยะทาง ๒๕ กิโลเมตร บนเส้นทางเดิม ชัยนาท-สุพรรณบุรี (๓๔๐) เพื่อจะแวะพาท่านผู้อ่านได้ผักผ่อนนอนเล่นเอกเขนกกันที่ร้าน คาเฟ่ กินแฟ ดูฟาย ครับชื่อร้านตามนั้นเลยและก็จะได้ดูฟายตามชื่อร้านจริง ๆ ด้วย ซึ่งร้านคาเฟ่แห่งนี้จะตั้งอยู่ภายใน หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย นั่นคือเหตุผลที่เราต้องซื้อบัตรเข้าไปในพื้นที่ของหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยเพื่อที่จะได้เข้าไปนั่ง ชิค ชิค ในคาเฟ่แห่งนี้ ถือว่าคุ้มค่านะครับ ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างเลยทีเดียว จุดเด่นของ คาเฟ่แห่งนี้นั่น ก็คือ การได้นั่งจิบกาแฟ คลอเคล้าไปกับฝูงควายที่จะมาแหวกว่ายเล่นน้ำให้คุณได้เห็นอยู่เบื้องหน้า ทั้งด้านล่าง ด้านข้าง อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวใกล้ขนาดไหนมาดูภาพประกอบกันครับ ความใกล้ชิดระดับนี้โอเคมั้ย และในร้านคาเฟ่ยังมีอาหารสำหรับป้อนพี่ควายไว้จำหน่ายให้คุณได้ส่งอาหารถึงปากของพี่ควายทั้งหลายอย่างมีความสุข สนุกสนานกันทั้งครอบครัว ลองเดากันสิครับว่า พี่ควายของเรานั้นเค้าชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ถ้าคุณหยิบมันขึ้นมาเมื่อไหร่ พี่ควายเหล่านี้จะปรี่เข้ามาหาคุณทันที คิดกันออกรึเปล่าผมเฉลยเลยก็แล้วกันว่าเมนูนั้นคือ กล้วย ครับใช่ครับอ่านได้ถูกต้องแล้ว กล้วย ครับ กล้วย พี่เค้าชอบแค่ไหนให้ภาพมันฟ้องดีกว่า ปลื้มมากครับ ดูสายตาพี่เค้าก็จะรู้และเข้าใจความหมายได้ในทันที มีเวลาหาโอกาสมาเล่นกับพวกพี่ ๆ เค้าหน่อยนะครับ แล้วอย่าลืมตัดกล้วยมาจากบ้านมาด้วยนะ ถ้าไม่มีไม่เป็นไรที่คาเฟ่แห่งนี้มีบริการจำหน่ายให้ครับ Unseen จุดที่ ๓ ทะเลสาปน้ำจืด ถ้าหากอยากเปลี่ยนที่นั่งเล่น นอนเล่น ให้ลมพริ้วผ่านปะทะร่างกายเพื่อผ่อนคลายสบายใจจนลืมทุกเรื่องราวที่ผ่านมาในสัปดาห์ของการทำงานแล้วล่ะก็ สถานที่แห่งนี้ตอบโจทย์ให้คุณได้อย่างแน่นอนที่ เขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เขื่อนดินที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากจะมาถ่ายรูปตั้งแคมป์ เดินเล่นกันบนสันเขื่อนแล้วที่เขื่อนกระเสียวแห่งนี้ยังแอบซ่อนความสวยงามที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยทราบมาก่อน และเลยผ่านไปอย่างน่าเสียดาย สถานที่แห่งนั้นคือ หาดทรายเขื่อนกระเสียว นึกออกไหมครับ หาดทรายใน จ.สุพรรณบุรี ถ้าได้ไปเช็คอินที่นี่จะต้องสร้างความฉงนให้กับเพื่อน ๆ ได้อย่างแน่นอน หาดทรายนี้อยู่ในบริเวณของร้านอาหารที่อยู่ถึงก่อนทางเข้าเขื่อนกระเสียว ถ้าผู้อ่านต้องการไปสัมผัสหาดทราย จ.สุพรรณบุรี ก็ปักหมุดในแผนที่ไว้เลย ครัวหาดทราย แล้วการเดินทางไปถึงเขื่อนกระเสียวในครั้งนี้จะคุ้มค่าอย่างแน่นอน นอกจากหาดทรายที่สร้างความ ว้าววว ให้กับพื่อน ๆ ในโซเชียลของคุณแล้วมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ เดินทางกันต่อเพื่อไปที่ทะเลสาปน้ำจืดที่อยู่ท้ายเขื่อนกระเสียว ปักหมุดไว้ในแผนที่ของคุณว่า หาดทรายท้ายเขื่อน อ่านได้ถูกต้องแล้วครับ หาดทรายท้ายเขื่อน แม้จะไม่ได้เป็นเม็ดทรายร่วน ๆ เหมือนกับทะเลแต่ผิวสัมผัสก็พอได้อารมณ์เม็ดทรายอยู่บ้างเหมือนกันนะครับ ประกอบกับสายลมเอื่อย ๆ ที่ผลักดันผิวน้ำให้เป็นคลื่นเบา ๆ สร้างบรรยากาศของทะเลได้บาง ๆ แต่แนะนำว่าอย่าไปช่วงหน้าหนาวนะครับ หรือถ้ายืนยันจะไปช่วงหน้าหนาวล่ะก็ เตรียมผ้าห่ม ผ้านวมไปด้วยนะครับลมแรงเย็นยะเยือกเลยทีเดียวย้ำอีกครั้งนึงว่าที่นี่ จ.สุพรรณบุรี ครับ บริเวณ หาดทรายท้ายเขื่อน จะมีซุ้มไม้ไผ่ ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ร้านเช่าอุปกรณ์เล่นน้ำ ไว้คอยบริการทุกท่านนะครับไม่ต้องเตรียมอาหาร น้ำดื่มเข้ามากันก็ได้ ราคาขายปกติไม่มีบวกราคา และแน่นอนห้องน้ำที่นี่ก็มีให้บริการ ราคา 3 บาท 5 บาท ตามปริมาณการใช้บริการของเราเลยครับ วางแผนการท่องเที่ยวคราวหน้าอย่าลืมปักหมุดไว้ที่ หาดทรายท้ายเขื่อน กันนะครับและคุณจะได้ร้อง ว้าว กับ Unseen in Su๑๐๐๐ Unseen จุดที่ ๔ ทะเลหมอก ที่สุพรรณ ไม่ได้หยอก และจะได้ร้องว้าวหนักมากถ้าจะบอกใคร ๆ ว่าคุณจะไปดูทะเลหมอกที่ จ.สุพรรณบุรี จากเขื่อนกระเสียวเราสามารถปักหมุดจุดต่อไปที่ อุทยานแห่งชาติพุเตย ได้เลยโดยขับรถไปอีก ๔๙ กิโล แต่การมาสถานที่แห่งนี้คุณจะต้องวางแผนเพื่อมานอนพักค้างคืนด้านบนที่ทำการของอุทยานด้วยนะครับ บนสถานที่ทำการนั้นก็จะมี เต็นท์ ที่นอน ผ้าห่มไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ อุทยานแห่งชาติพุเตย อีกหนึ่งจุดกางเต็นท์ อีกจุดที่คุณสามารถชื่นชมกับทะเลหมอกยามเช้าได้ ใกล้ ๆ เมืองกรุงเลยครับ อุทยานแห่งชาติพุเตย แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการมาชื่นชมทะเลหมอก ก็คงต้องเลือกมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวกันนะครับ แต่การไปเที่ยวของผู้เขียนในครั้งนี้ไปในช่วงปลาย ๆ ปีเลยได้สัมผัสเพียงแค่สายลมหนาวยามเช้า อันรุนแรงที่ปะทะกับเต็นท์จนจะแทบปลิวเท่านั้นเอง บริเวณลานกางเต็นท์อุทยานอนุญาตให้ประกอบอาหารได้นะครับ เนื่องจากข้างบนนั้นไม่มีร้านค้าให้บริการเลย หากจะเดินทางไปท่องเที่ยวควรเตรียมเสบียงให้พร้อมต่อการดำรงชีวิตด้วยนะครับ ยอดเขาเทวดา จุดสูงสุดของสุพรรณบุรี อีกหนึ่งไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติพุเตย นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนยอดเขานั้นได้ด้วยการเดินขึ้นไปแต่ไม่สามารถกางเต็นท์นอนค้างคืนได้นะครับ ระยะเวลาในการเดินนั้นใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง มีลักษณะเป็นทางชันก่อด้วยหิน มีจุดพักให้เป็นระยะใครอยากท้าทายอยากเป็นผู้พิชิตยอดเขาเทวดา Unseen in su๑๐๐ ก็ตามมาเลย เป็นยังไงบ้างครับ กับ 4 สถานที่ Unseen in su๑๐๐๐ ที่ผู้เขียนนำมาเสนอแนะให้สำหรับทริปท่องเที่ยวในครั้งต่อไปของทุกท่าน วางแผนเดินทางกันได้เลยนะครับจะได้ไปถ่ายรูปเช็คอินให้เพื่อน ๆ ได้ร้อง ว้าวววววว กันดังมาก ถ้าคุณผู้อ่านไปเที่ยวแล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันด้วยนะครับ Cr :: ภาพหน้าปก ถ่ายและกำกับโดย Mail & Mark ลูกชายผู้เขียน Cr :: ภาพประกอบที่ 1-14 ถ่ายโดยผู้เขียน