เริ่มต้นจากสมาชิก 4 คนที่โหยหาธรรมชาติ โหยหาการเดินทาง การปีนเขา ต้องการพลังจากสีเขียวของต้นไม้ และที่สำคัญอยากปลดปล่อยพลังงานในร่างกายของตนเอง การวางแผนของเราใข้เวลาเพียง5 วันก่อนตัดสินใจไปเดินป่า ปุ๊บปั๊บทัวร์มาก อะไรหลายอย่างที่เราจะต้องเตรียมไม่มีความพร้อมเลย จะ CF เสื้อผ้า รองเท้า หมวก กระเป๋า สำหรับการเดินป่าก็ไม่ทัน…แต่สิ่งสำคัญของวันนี้คือที่มาขง One-day trip เพราะสมาชิกในกลุ่มก็ไม่สามารถนอนค้างคืนได้ เราจึงตกลงกันในกลุ่มว่าไปเช้าเย็นกลับ.. เมื่อตกลงเรียบร้อยแล้วทีนี้ เป็นเรื่องขออนุญาตเข้าอุทยานซึ่งช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาลวันหยุดแต่ทำไมลงทะเบียนออนไลน์เต็ม งงมากจำกัดสิทธิแค่ 200 คนต่อวัน เราจึงสอบถามเพื่อนสาวของเราที่เป็นผู้กว้างขวางในสุโขทัย ว่าทำอย่างไรดีจะติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานได้ เพื่อนจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้ โชคดีของเราที่มีคนลงทะเบียนในระบบซ้ำ จึงทำให้พวกเรา 4 คน เข้าอุทยานได้ เราดูข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตและอ่านรีวิวของแต่ละคน โอ้ยยย มันว้าวมาก ภาพสวยทั้งนั้นเลย เราต้องได้ภาพแบบนี้ ต้องหามุมนี้ให้เจอ เราวางแผนการเดินทาง ออกจากพิษณุโลก 5.30 น. เปิด GPS ค้นหาคำว่าเขาหลวงสุโขทัย ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชั่วโมง กับระยะทาง 80 กม. อ่านรีวิวมาแล้วของกินหาง่าย แต่ที่ไหนได้ หวังน้ำบ่อหน้า ของที่อยากกินหาไม่ได้เลย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวหน้าหมู เพจไหนวะบอกว่าหาง่าย มาเจอตลาดนัดที่ใกล้จะวายแล้วประมาณ 7.15 น. เราก็ลงไปเลือกดู ของกินก็จะหมดแล้ว หลายร้านก็เริ่มเก็บร้านแล้วด้วย ได้ข้าวเหนียวมา 4 ห่อ ห่อละ 10 บาทน้อยๆ ไก่ทอด หมูทอด และหมูปิ้งที่สีสันไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ น่าจะปิ้งไว้นานแล้ว เอาวะซื้อไว้ก่อนกลัวไม่มีขาย จากนั้นเราก็ขับตาม GPS ไปเรื่อยๆ อิหยังวะ ระหว่างทางป้ายบอกทางไม่มีเลย เรามาผิดทางหรือเปล่าเนี่ย ขับมาถึงเขาละ…ลัดเข้ามาในหมู่บ้านเล็กๆตาม GPS บอก แต่เพื่อความแน่ใจหยุดถามชาวบ้านก่อน “พี่คะทางไปเขาหลวงไปทางไหนคะ” “โอ้ยหนู มาผิดทางแล้ว GPS พามาหลงหลายคนแล้ว ทางนี้มันหลังเขา ต้องขับออกไปแล้วเลี้ยวขวาจะเจอถนนสายเอเชียแล้วขับออกไปอีกประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร” ค่ะลุงขอบคุณค่ะ “ใครวะมาปักหมุดไว้ตรงนี้ กูนี่อยากกรี๊ดเลย” เรามาตั้งค่า GPS ใหม่ ทีนี้ระบุว่า “ที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง” ระหว่างเข้าเขาหลวงว้าวมากเมฆลอยปกเขาสวยมาก เรารู้สึกดีน่าจะประทับใจ อ่านรีวิวดูภาพจากเน็ตมาก็เยอะ พอเข้าอุทยานก็ว้าวมากจริงๆ ร่มรื่นมากๆ เขียวขจีไปหมดเลย ตื่นเต้น เมื่อเข้ามาถึงทางเข้าอุทยานฯลฯ เราก็จะต้องผ่านจุดคัดกรองก่อน เพราะว่ายังอยู่ในช่วง covid-19 และตรวจสอบรายชื่อการลงทะเบียนขึ้นเข้า คนที่เดินเข้ามาวันนี้ก็สามารถเข้ามาได้ ทางอุทยานมีโควต้าให้อีก 60 คนเมื่อเราผ่านจุดคัดกรองชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็ลุยเลยค่ะ ต้นไทรใหญ่ วันนี้ดูแห้งแล้งมาก เพราะเพิ่งผ่านไฟป่ามา วันนี้มีนักวิ่งมาวิ่งเยอะมาก…เราเห็นแบบนี้แล้วตื่นเต้น น่าสนุกจังเลย เพราะจากการคาดการณ์ที่มีนักวิ่งและเพื่อนนักวิ่งมาซ้อมวิ่งเทรลที่เขาหลวงวันนึง 3-4 รอบ เราก็แหม!! ผ่านการเดินขึ้นภูสอยดาวมาแล้ว 8 กม. เขาหลวง สุโขทัย แค่4 กิโลกว่าๆเอง ทำไมเราจะทำไม่ได้จริงไหม ก่อนอื่นเราต้องเริ่มกินอาหารและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องไปทำอะไรประเจิดประเจ้อระหว่างทาง แวะซื้อเครื่องดื่มที่ร้านค้าสวัสดิการของอุทยาน เมื่อพร้อมแล้วลุย… แวะถ่ายรูปกับป้ายก่อน 😁 ถ่ายเสร็จก็เดินไปค่ะ 500 ม. แรกๆก็ว้าวดี พอเดินไปเรื่อยๆมันชันดีจัง มีโขดหินให้เหยียบเกาะเดินได้สะดวกมากๆดีจริงๆ อารมณ์มีความสุข เดินไปสักพักยังมองไม่เห็นทางราบเลย ทางมันชันและมันสูงไปเรื่อยๆ ตลอดระยะทาง 4 กม. กว่า ๆ เดินขึ้นจนปวดต้นขา ขนาดเราเป็นคนออกกำลังกายมาตลอด และออกกำลังกายอย่างหนักมากมาตลอดเวลา 1 เดือนเต็ม ทุกระยะเราจะดูการเต้นของหัวใจ ตายๆ หัวใจเต้นโซน5 หัวใจเต้นแรงมาก ระหว่างทางเราเดินไปถ่ายรูปไปให้หายเหนื่อยหอบบ้างนะ แต่จะไม่พักนาน เพราะเราต้องกลับลงจากที่ตั้งแคมป์ก่อนบ่าย3 เข้าใจว่าทุกคนเหนื่อยมาก เพราะเราเองก็เหนื่อยมากสุดได้ แต่ทำไงได้เราจะต้องกระตุ้นทุกคนเดินต่อค่าาา เราเริ่มออกเดินทางจากตีนเขาเวลา 8.30 น. ถึง ลานกางเต็นท์ 13.00 น. ใช้เวลานานมากเพราะมันชันจริงๆร้อนก็ร้อนลมพัดนิดเดียวเอง น้ำระหว่างทางที่ว่ามีก็ไม่มีเพราะมันแห้งแล้งมาก ไม่มีน้ำเลย ดีนะที่เราเตรียมไว้3ขวด ขวดละ 600 มล. เราดื่มเกือบหมด 3 ขวดเลย พอถึงบนลานกางเต็นท์น้ำใช้อุปโภคก็ไม่มีนะคะ น้ำกินที่ขวดเล็กๆจากที่ขายขวดละ10 บาท มาขายบนเขาขวดละ35บาท ยังขาดแคลนเลย…เราใช้เวลาอยู่บนเขาประมาณ 1ชั่วโมงกว่ากินอาหารอันน้อยนิดที่เราเตรียมมา จากนั้นเดินไปถ่ายรูปที่ผาพระนารายณ์ ณ ตอนที่เรามาที่ผาพระนารายณ์ ผู้คนไม่มีเลย ส่วนใหญ่เค้าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ตอนนี้ทุกคนกำลังพักผ่อนและกางเต็นท์กัน ลมเย็นดีมากวิวสวย บรรยากาศดีค่ะ เราพักผ่อนสักพัก และเราก็เดินทางกลับ.. การเดินทางกลับของพวกเรา พวกเราคิดว่ามันจะสบายชิลๆแต่ที่ไหนได้มันโหดยิ่งกว่าเดินขึ้นอีก ใจนี้หวิวเลย…มันสูงมาก ยิ่งทางชันขาลงเรายิ่งต้องระวัง ข้อเข่าฉันนี่ร้องลั่นเลยไม่ไหวแล้วพอเถอะ ในใจคิดว่าทำไมลำบากขนาดนี้ ข้อต่อหัวเข่าจะหลุดออกจากกันแล้ว ยิ่งเดินลงไปเรื่อยๆก็ยิ่งเจ็บนิ้วโป้งเท้า เพราะนิ้วทิ่มกับรองเท้าเจ็บเข้าไปใหญ่ เราต้องเดินถอยหลังลงและคอยเกาะราวกับพยุงไม้เท้าไว้เจ็บมือไปหมด ขอบอกทรมานสุดๆเมื่อไหร่จะถึงสักที ทางลงมันชันมาก ผิวหน้าผิวตัวแสบไปหมด ขากลับเราใช้เวลาเกือบ3 ชั่วโมง ใช้เวลาสั้นกว่าขาขึ้นก็จริง แต่ขาลงไม่ใช่จะสบายเลย เมื่อออกมาถึงหน้าที่ทำการอุทยาน เราถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าเลย ปล. สำหรับการเดินทางขึ้นเขาหลวงช่วงนี้นะคะ สิ่งที่เตรียมสำหรับสาวๆและหนุ่มๆที่รักผิวควรเตรียมครีมกันแดดและเครื่องปกป้องผิวด้วยก็ดีนะคะ ขนาดเรามีครีมกันแดดและเสื้อผ้าที่พอปกปิดแดดได้ยังเอาไม่อยู่เลย อาจจะน้อยเกินไปแดดที่นั่นแรงจริงค่ะ เราจะรู้สึกถึงความแสบร้อนของผิวได้อย่างรวดเร็ว แขนเราไหม้แดงเลย แดดทะลุเสื้อผ้าจริงๆนะคะ และด้วยระยะทางที่ชันเกิน และระยะไปกลับมากกว่า10กม.ได้ เดินแทบไม่เป็นเลย พอลงจากรถขานี้สั่นเลยค่ะ ควรเตรียมยานวดยากินไว้ด้วยนะคะ 💌อยากให้ทุกคนได้สัมผัส เพราะถ้าขึ้นไปนอนบนเขาสักคืนคงดีที่สุด สอบถามจากทางอุทยานก่อนก็ดีนะคะว่าน้ำขาดแคลนไหม