ไปเที่ยวสุโขทัยคราใด ย่อมไม่มีใครพลาดวัดศรีชุมไปได้ แม้จะมีรูปมีคนเขียนถึงมากแล้ว แต่วัดนี้ก็ยังมีความพิเศษซ่อนเอาไว้ให้เราค้นหา มาที่นี่ต้องสักการะพระอจน (อจนะ) ซึ่งก็คือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่บูรณะขึ้นจากซากปรักหักพังของพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่ประดิษฐานภายในพระมณฑปแห่งนี้ นับเป็นพระพุทธรูปที่มีผู้ถ่ายรูปมากที่สุดของสุโขทัยก็ว่าได้ พระอจน หมายถึงผู้ไม่หวั่นไหว (ต่อกิเลส) ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้านั่นเอง มณฑปนี้เดิมคงเคยมีหลังคาครอบ ซึ่งคงเป็นไม้ เมื่อผ่านกาลเวลาหลายร้อยปีจึงหักพังสูญไป ปัจจุบันเหลือเพียงอาคารที่มีผนังจตุรัสตั้งอยู่ด้านหลังวิหารที่เหลือเพียงเสาและฐานอาคาร มณฑปนี้มีความพิเศษที่น่าสนใจก็คือผนังทั้งสี่ด้านมีความหนามาก เนื่องจากมีการทำเป็นอุโมงค์อยู่ภายใน เรียกกันว่า “อุโมงค์นิมิต” เป็นทางเดินเข้าไปในผนังต่อเนื่องไปทุกด้าน จนสามารถเดินขึ้นไปจนถึงลานชั้นบนของมณฑปได้ อาคารอย่างนี้อาจได้รูปแบบจากศิลปะพุกามก็เป็นได้ ทางเข้าอุโมงค์นี้อยู่ด้านข้างทั้งทางด้านซ้ายและขวาของผนังตรงทางเข้ามณฑป แคบมากแต่ก็พอให้คนเดินเข้าไปได้ ซึ่งปัจจุบันปิดประตูเหล็กไว้ คนทั่วไปไม่ค่อยทราบว่านี่คือทางเข้าอุโมงค์นิมิตอันลึกลับแห่งนี้ ในสมัยก่อนนั้นผู้คนคงเดินขึ้นไปยังลานชั้นบนได้ จนเกิดเป็นตำนานพระพุทธรูปพูดได้ ซึ่งก็คงหมายถึงพระอจนองค์นี้ที่อาจมีคนเดินขึ้นไปตามอุโมงค์แล้วซ่อนตัวพูดกับผู้คนอยู่หลังพระอจน เฉพาะส่วนทางเข้ามีลายสลักเป็นรูปดอกบัวบาน แต่ภายในจะมีแผ่นหินชนวนติดตั้งไว้คล้ายกับเป็นโครงสร้างของอุโมงค์ด้วยเพื่อความแข็งแรง แผ่นหินเหล่านี้มีภาพสลักชาดกซึ่งก็คืออดีตชาติของพระพุทธองค์ โดยนำมาเฉพาะตอนที่โดดเด่นของเรื่องนั้นๆ พบทั้งหมดราว 64 แผ่น บางแผ่นสลักไว้มากกว่าหนึ่งเรื่อง สันนิษฐานว่าภาพสลักเหล่านี้ควรสร้างขึ้นในสมัยพญาลิไทแห่งสุโขทัย (ครองราชย์ พ.ศ.1890-1911) เพราะตัวอักษรจารึกในแผ่นหินชนวนเหล่านี้เป็นตัวอักษรไทยยุคนั้นที่ปรับปรุงคลี่คลายมาจากจารึกพ่อขุนรามคำแหง ความงามของภาพสลักเหล่านี้คือการสลักอย่างมีมิติลงไปด้วยวิธีการราวกับการวาดภาพลงไปในเนื้อหินเลยทีเดียว เห็นความแม่นยำ ความมั่นใจที่จะสลักหรือจารลงไปอย่างประณีตจนเป็นภาพเล่าเรื่องที่งดงามนัก แม้ปัจจุบันอุโมงค์นี้จะปิดไป ไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้าไปอีก แต่คุณสามารถเข้าไปชมอุโมงค์จำลองและแผ่นหินชนวนสลักภาพชาดกได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กลิ่นอายอดีตนั้นพิเศษเสมอ เมื่อได้ชมงานศิลปะจากยุคสมัยที่ผู้คนมีความศรัทธาจากหัวใจ. (เรื่องและรูปทุกรูปโดย วารุ วิชญรัฐ)