ในชีวิตนี้ผมไม่เคยได้ทราบเรื่องราวหรือข้อมูลเกี่ยวกับ "พระพิมพ์ดิน" เลยแม้แต่น้อย แต่จะด้วยเหตุบังเอิญหรือเหตุปัจจัยใดๆ ก็ตาม ผลักดันให้ผมได้เดินทางมาที่นี่ ณ สถานที่ซึ่งถูกขนานนามว่า "บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์" หรือ "ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์สุโขทัย" ซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 บ้านพระเชตุพน ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย โดยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยอาจยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าใดนัก อาจจะด้วยการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้เน้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Landmark และด้วยข้อจำกัดของผู้ซึ่งเป็นเจ้าขององค์ความรู้ที่ไม่ได้ต้องการทำให้ทุกอย่างเป็นธุรกิจหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่เน้นเป็นกิจกรรมเล็กๆ ในครัวเรือน และมีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตนเอง "พี่กบ" ผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแล เจ้าของ และผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับพระพิมพ์ดิน เป็นบุคคลที่หากเราไม่ได้สนทนาปราศัยด้วย เราอาจตัดสินว่าเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่เมื่อได้พูดคุยกับแกแล้ว สำหรับส่วนตัวผมเอง ผมขอเรียกแกว่า "ปราชญ์" ด้วยความที่พี่กบไม่ได้ไร้การศึกษาแต่อย่างใด แต่กลับเลือกเส้นทางชีวิตที่มีรากเหง้ามาจากองค์ความรู้ดั้งเดิมของพื้นถิ่น โดยสิ่งที่พี่กบรู้และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ได้ ไม่ได้มีเพียงแต่เรื่องพระพิมพ์ดินเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของศาสตราวุธโบราณ เช่น ดาบและธนู ประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติอย่างสอดคล้อง ผู้ที่เข้ามาศึกษาเกี่ยวกับพระพิมพ์ดิน โดยส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติที่มองเห็น "คุณค่า" และ "ศิลปะ" ที่ผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทุกคนที่เข้ามาที่แหล่งเรียนรู้แห่งนี้ จะได้รับการสอนให้ทำพระพิมพ์ดินด้วยมือของตนเอง หลังจากนั้นพี่กบจะนำไปเข้าสู่กระบวนการผ่านความร้อนและเกิดความแข็งแรงคงตัว และส่งให้ทุกคนนำกลับบ้านเป็นของที่ระลึกที่สร้างจากสองมือของตนเอง รวมทั้งจะได้รับการถ่ายทอดถึงวิถีชีวิตแบบธรรมชาติ รวมทั้งศาสตร์และศิลป์ทางวัฒนธรรมที่พี่กบได้รับการสืบทอดมา พี่กบกับภรรยาถ่ายทอดความรู้และดำเนินกิจกรรมนี้เพียงสองคนด้วยรอยยิ้ม ด้วยการต้อนรับอย่างเป็นมิตร พร้อมกับน้ำสมุนไพรไทยเย็นๆ ชื่นใจ ในหนึ่งวันพี่กบจะรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการเรียนรู้จำนวนจำกัด และบางครั้งต้องมีการจองล่วงหน้า เนื่องจากพี่กบและภรรยาต้องการให้เวลากับผู้ที่มาศึกษาเรียนรู้อย่างเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่การเอาผลกำไรเป็นตัวตั้ง ก่อนที่เราจะลาจากกัน ผมถามพี่กบว่า "แล้วช่วงที่ไม่มีคนหรือมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้ล่ะ พี่ทำอะไร" พี่กบตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า "ผมก็เข้าป่า ไปศึกษานู่น นี่ นั่น ศึกษาพืชพรรณและสมุนไพรต่างๆ" ท่าทางของพี่กบตอนที่ตอบคำถามดูสบายๆ ไร้กังวลและไม่คิดอะไรมากมาย เหตุคงเนื่องด้วย แกอยู่กับ "ธรรมชาติ" และธรรมชาติคือ ความเรียบง่าย ความปกติ และความธรรมดา.หากสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/banprapim/