สวัสดีค่ะทุกคน หลายคนคงสงสัยว่า เอ๊ะ! เขามีแต่แบกเป้ ทำไมเราต้องทิ้งเป้ อยากรู้ใช่ไหมไปอ่านกันเลยจ้า ทริปนี้เราเลือกสถานที่คือเขาหลวง จ.สุโขทัยค่ะ เป็นทริปที่ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะดูรีวิวแล้วเขาบอกกันว่าธรรมชาติแท้ๆเลย ระยะทางจากพื้นดินถึงยอดเขาหลวงประมาน 4 กิโลเมตรค่ะ เราเริ่มต้นเดินทางที่จังหวัดพิษณุโลก ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงค่ะ เราต้องค่อยๆคลานไป เพราะไม่ชำนาญทาง ระหว่างทางเราแวะซื้อของสด ขนมและน้ำเพื่อไว้ทานกลางทาง ตุนของหนักมากค่ะ ด้วยความที่กลัวหิวกลางทาง เราเดินทางมาถึงหน้าอุทยาน เสียค่าเข้าแล้วตรงดิ่งไปที่ลานจอดรถเลย ใกล้ๆลานจอดรถจะมีน้ำตกเล็กๆที่สามารถลงไปเล่นได้ ตอนนั้นเราไม่ได้ลงนะเพราะตื่นเต้นกับการได้ขึ้นเขา ทุกคนเตรียมพร้อมขึ้นเขาถ่ายรูปเซลฟี่หน้าสวยหล่อก่อนขึ้น จากนั้นก็เดินไปเลือกไม้เท้าประจำกาย ไม่มีไม่ได้นะ เจ้าหน้าที่บอกมา(อยากรู้ว่าเพราะอะไรอ่านเรื่อยๆนะคะ) เราเริ่มเดินขึ้นไปอย่างสนุกสนานประมาน 1 ชั่วโมงเราเจอแคร่ไม้เล็กๆพร้อมกับถังบรรจุน้ำดิบไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทุกคนมีสีหน้าที่เหนื่อยมากๆ เหงื่อเต็มตัวเลย ในใจคิดแล้วว่าเดินมาได้ 1-2 กิโลแน่นอน สักพักนึงมีพี่นักหาบของ เขาหาบกระเป๋าสัมภาระนักท่องเที่ยวน้ำหนักน่าจะ 20-30 โลค่ะ เสียบปลายไม้ไผ่หน้าหลัง สอบถามราคาแล้ว คิดโลละ 25 บาท ถูกมากค่ะ แต่เราไม่จ้างนะ คิดว่าอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว เราจึงถามพี่เขาว่าตอนนี้หนูเดินมาได้กี่กิโลแล้ว คำตอบที่ได้คือ 500 เมตรจากพื้นดิน เรามองหน้ากันเหมือนจะร้องไห้ มองทางขึ้นไปแบบไม่มีจุดสิ้นสุด เหนื่อยล้า ทางเดินที่เหมือนต้องปีนขึ้นเขาตลอดเวลา ไม่มีบันได ไม่มีราวให้จับ นี่คือสาเหตุที่เราต้องมีไม้เท้า เพราะว่าต้องใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการเดินขึ้นเขา มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า และเต็มไปด้วยรังผึ้งตลอดทาง ใครที่อยากมาเที่ยวพกยาหม่องยาทากันแมลงกัดต่อยด้วยนะ แต่เราอารมณ์คล้ายๆเดินป่าล่าสมบัติตามละครหลังข่าวเลยค่ะ เรามองกระเป๋าตัวเองทั้ง 2 ใบ มันหนักมาก บางคนหอบกล้องแบบจัดเต็ม เดินขึ้นแบบหน้าดำหน้าแดง พวกเรานั่งพักกันสักพักจึงเริ่มเดินทางกันต่อ ยิ่งขึ้นทางยิ่งชัน และยิ่งเหนื่อย แต่เราไม่ท้อค่ะลุยต่อ เดินไปสักพัก เราก็เจอจุดชมวิวจุดนึง เขาบอกว่าตรงนี้คือครึ่งทางแล้ว พวกเราก็นั่งพักกัน อากาศดีมาก วิวดีสุดๆ หายเหนื่อยแล้วเดินทางกันต่อ กลุ่มเราแตกออกเป็น 3 กลุ่มเพราะเดินตามกันไม่ทัน บางคนเหนื่อยแทบเป็นลมเลย ตลอดทางเราถามพี่หาบของว่าเราอยู่ส่วนไหนของเขาแล้วคะ คำตอบที่ได้เหมือนกันหมดเลย อีกนิดเดียวหนู อีกนิดเดียว พอได้ฟังใจเราก็ฮึกเหิม เดินดิ่งๆขึ้นไปเลย เดินไปหยุดพักไป สัญญาณโทรศัพท์ขาดๆหายๆ คงเพราะอยู่บนเขาด้วยมั้ง เราใช้เวลาไม่นาน เราก็ถึงยอดเขา ตอนจะถึงขาเรานี่ล้ามาก แต่ใจฮึกเหิมอีกเช่นเคย ในที่สุดเราก็ถึงยอดเขาหลวงสักที นักท่องเที่ยวเยอะมากๆเลย เรานั่งรอกลุ่มที่เหลือสักพัก เมื่อครบแล้วจึงไปติดต่อเช่าเต้นท์อุปกรณ์ทำอาหาร และแจ้งพื้นที่กางเต้นท์ ข้างบนนี้สะอาดมาก ไม่มีขยะสักชิ้นเลย มองลงข้างล่างเห็นสุโขทัยสวยมากๆ อยากรู้ว่าสวยแค่ไหนต้องมาเที่ยวกันนะคะ เมื่อเราจัดการสัมภาระเรียบร้อย เราจึงเตรียมขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อดูพระอาทิตย์ตกกันที่ เขาพระแม่ย่า กันค่ะ หลังจากเราชมวิวกันเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมาทำอาหารค่ำทานกัน ข้างบนจะมีร้านสวัสดิการให้เรา โค๊กกระป๋องละ 30 บาท มาม่ารู้สึกจะประมาณ 30 บาทนะคะถ้าจำไม่ผิด ของข้างบนจะแพงมาก เราไม่คิดมากค่ะ ซื้อเลย เพราะตอนเราเดินขึ้นมาก็เหนื่อยพอตัว กว่าเขาจะขนขึ้นมาก็คงเหนื่อยเช่นกัน เมื่อเราทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายไปอาบน้ำ น้ำเย็นมาก ห้องน้ำสะอาดเว่อร์ มีไฟทางเดินให้แต่เปิดเป็นเวลา อาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็กลับมานอนพักผ่อนเอาแรง เช้าลุยต่อ (อากาศตอนกลางคืนหนาวมากๆค่ะ คุ้มกับการขนผ้าห่มขึ้นเขาสุดๆ พูดแล้วหายเหนื่อย) เช้าวันต่อมา เราตื่นกันตี 5 เพื่ออาบน้ำสระผม ไม่รู้ว่าดีดอะไรหนาวก็หนาว แต่ผมก็เหนียว จากนั้นเราปลุกทุกคนให้พร้อมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน เราจะไปดูพระอาทิตย์ที่ เขาพระนารายณ์ เราไปนั่งกันที่หินก้อนใหญ่ยักษ์ นักท่องเที่ยวเยอะมาก เสียงลมที่พัดผ่านไปดังกังวานมาก ไม่นานพระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้น สาดแสงส่องไปทั่วจังหวัดสุโขทัย มันสวยมากค่ะทุกคนไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย เมื่อเราถ่ายรูปกันเสร็จ เราก็เดินกลับเต้นท์เพื่อทานอาหารเช้า แล้วเก็บสัมภาระเดินลงเขากันค่ะ แต่รอบนี้ขอเดินตัวเปล่ากันเพราะขนของกลับไม่ไหวแล้ว เหมาพี่หาบเลยค่ะงานนี้ เราใช้เวลาเดินลงมา 1 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางเราเจอกับนักท่องเที่ยวมากมาย ที่ตื่นเต้นกับการขึ้นไปยังยอดเขาหลวง และต่างถามว่าอีกไกลไหม เราได้แต่ตอบว่าไกล แต่ไปแล้วคุ้มมากค่ะ พอเขาฟังเสร็จเขาก็รีบเดินเพื่อที่จะไปดูความคุ้มที่เราได้บอกไป เมื่อเราลงมาถึงตีนเขา เราหาข้าวทานรอกลุ่มที่เหลือ(ขากลับแตกเป็น 4 กลุ่ม) และไปนั่งรอที่น้ำตกที่เคยกล่าวไว้ตอนต้นบทความ เมื่อทุกคนลงมาครบหมดแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านกัน ทริปนี้เป็นทริปที่อยู่เหนือความคาดหมายไว้มาก ไม่คิดว่าจะต้องมาปีนเขา และได้เดินท่ามกลางธรรมชาติแท้ๆ (แท้ขนาดไส้เดือนตัวใหญ่ๆเดินเล่นตามทางเดิน) ถึงเส้นทางขึ้นจะลำบากมากๆ ท้อหลายครั้ง แต่ก็สนุก พอไปถึงยอดเขา เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับความเหนื่อย อากาศดี ฟอกปอดสบาย ใครที่อยากไป แล้วอ่านบทความนี้เปลี่ยนใจไม่ไป คิดผิดนะคะ เจ้าของบทความยังอยากไปอีกเลย ติดใจบรรยากาศข้างบนมากๆ ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ จบทริป ทิ้งเป้ขึ้นเขาหลวงแล้วนะคะ 🙏🙏🙏