ความประทับใจในจังหวัด "สุโขทัย" เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งพระนามของ "พ่อขุนรามคำแหง", "ศิลาจารึก หลักแรก" และ "ประเพณีลอยกระทง" ทำให้ครอบครัวเราอยากเดินทางมาท่องเที่ยวและสัมผัสจังหวัดนี้สักครั้ง เด็กตื่นเต้นกับการเดินทาง เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า และแวะพักทานอาหารกลางวันมื้อแรกที่ "นครสวรรค์" ณ "ครัวทิดเทือง" ร้านอยูริมถนน มีที่จอดรถสะดวกหน้าร้าน อาหารปรุงอร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะเมนูปลา ที่จังหวัดนครสวรรค์ ขึ้นชื่อเรื่อง "ลูกชิ้นปลา" และ "ทอดมันปลา" ทานร้านไหน ยังไม่เคยผิดหวัง วันนี้เราสั่ง ทอดมันปลา, ปลาร้าผัด, ต้มยำปลาคัง (แยกพริก), ห่อหมก และหมูทอดสำหรับเด็ก อร่อยทุกอย่าง ขับรถเดินทางกันต่อ ไปยังจังหวัด "พิษณุโลก" ตั้งใจไปไหว้ "พระพุทธชินราช" ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) เพื่อความเป็นศิริมงคล และพักค้างคืนที่พิษณุโลก 1 คืน ก่อนเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น วันนี้เรารับประทานอาหารเช้าที่ร้าน "ซุ่นฮะฮวด" ร้านตกแต่งเป็นบรรยากาศแบบจีนๆ อาหารเช้าร้านนี้เน้นอาหารจานเดียว ติ่มซำ จุดเด่นอยู่ที่ใช้อุปกรณ์จานชามสวยงาม จัดจานสวยงาม โดยเฉพาะ ชุดข้าวต้มกับข้าว กับ ก๋วยเตี๋ยวหลอด มาในเข่งขนาดใหญ่เท่าถาด เด็กๆ ชอบมาก อาหารโดยรวมรสชาติดี ถึง "สุโขทัย" แล้ว แวะทานอาหารกลางวันอีกแล้ว เด็กๆ เริ่มบ่นว่ามีแต่นั่งรถและทานข้าว เราบอกว่าอดใจไว้ก่อน เดี๋ยวจะพาไปทำกิจกรรมกัน มื้อกลางวัน แวะที่ร้าน "ไม้กลางกรุง" (พ.ศ.2511) ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ร้านตกแต่งด้วยเครื่องแขวนโบราณสวยงามพนักงานในร้านแต่งชุดไทย บรรยากาศดีงาม ราคามิตรภาพ จัดแต่งจานสวย เพิ่มรสชาติอาหารได้ดีจริงๆ เมนูที่อร่อยถูกใจเป็นพิเศษคือ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และ ผัดไทย มีขนมหวาน ครบครัน เวลาที่เด็กๆ รอคอยมาถึงแล้ว เริ่มกิจกรรมแรกที่สุโขทัย โดยที่เราโทรไปจองกิจกรรมและเดินทางมาที่ "ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์เมืองสุโขทัย" โดยที่นี่จะอยู่ใกล้ๆ บ้านของครูผู้สอนเลย ได้บรรยากาศมากๆ "ครูกบ" ผู้มาในชุดม่อฮ่อม โพกศีรษะ และถือย่าม รวมทั้งใส่เฟสชีล (เข้ากับยุคโควิด) บรรยายประวัติความเป็นมาของสุโขทัย, รูปแบบเจดีย์, อาวุธ และรูปแบบพระพิมพ์ในแบบต่างๆ มีแผนภาพต่างๆ ประกอบการบรรยายในตัวบ้านที่แยกออกมาจากบริเวณที่จะทำพระพิมพ์ ชุดอุปกรณ์ทำพระพิมพ์ประกอบด้วย ดินเหนียว แม่พิมพ์ ผ้าเช็ดมือ ในแพ็คเกจใบตองสวยงาม พร้อมเครื่องดื่มเย็น ขนมใส่ไส้ ครูกบสอนทำพระพิมพ์โดยการให้เด็กๆ ปั้นดินเหนียวและกดลงในแม่พิมพ์ สอนวิธีนำพระออกจากแม่พิมพ์ และเขียนชื่อสมาชิกเป็นตัวอักษรโบราณด้านหลังพระพิมพ์ ก่อนนำไปเผาและจัดส่งให้ถึงโรงแรมในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพิมพ์พระเสร็จ เด็กๆ สนใจเรื่องสังคโลก และครูกบบอกว่าพบได้ทั่วไปในพื้นดินสุโขทัย เด็กๆ ขอร้องให้ครูกบพาเดินไปดู ครูกบพาเดินลุยไปในสวนและชี้ชวนให้ดูร่องรอยเครื่องสังคโลกในดิน ต่อมาครูกบสอนจุดไฟแบบโบราณ เด็กๆ ตื่นเต้นที่เห็นการจุดไฟโดยไม่ใช้ไม้ขีด หรือไฟแช็ค ต่อด้วยการสอนยิงธนู เด็กๆ สนุกสนานกับกิจกรรมมาก ครูกบให้ความรู้และสอนสนุกจนเด็กๆ อยากมาอีก แวะเช็คอินที่โรงแรม Legendha Sukhothai บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม ด้านหน้ามีร้านอาหาร และครัวโบราณจำลอง ร้านกาแฟโบราณจำลอง ให้ถ่ายภาพ เดินข้ามสะพานสีแดง มีซุ้มไผ่สีสดใส เราพักที่เรือนไทยด้านซ้ายมือ เดินตรงเข้าไปจะเป็นสระน้ำของโรงแรม ด้านหลังโรงแรมติดกับ "วัดช้างล้อม" ทางโรงแรมให้แผนที่ชม "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" และมีคำแนะนำจุดชมพระอาทิตย์ตก "วัดสระศรี" ประมาณบ่าย 3 เรามาถึง "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" แดดร่มกำลังดี ตกลงกันว่าเด็กโตจะเช่าจักรยานขี่ไปกับพ่อส่วนเด็กเล็กตอนแรกจะนั่งซ้อนท้ายพ่อไป แต่คณะเลือกเช่ารถกอล์ฟไฟฟ้าขับตามไปอีกคัน เพื่อจะได้รับเด็กเล็กกรณีพ่อขี่ไม่ไหว หรือเด็กเล็กโยเย และจะได้พกน้ำดื่มไปด้วยกับรถกอล์ฟ (ค่าเช่ารถกอล์ฟ 2 ที่นั่ง ชั่วโมงละ 130, 4 ที่นั่ง ชั้วโมงละ 230) วันนี้รถไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ สามารถขี่จักรยาน ขับรถ และจอดรถได้ อย่างสะดวกสบาย เราขับไปตามทางแวะเยี่ยมชม, ไหว้พระ และถ่ายภาพโดยไม่ได้ดูแผนที่ แวะวัดมหาธาตุ, วัดศรีสวาย, วัดสระศรี และวัดอื่นๆ ในบริเวณอุทยานฯ เด็กเล็กเริ่มโยเย และหันมานั่งรถกอล์ฟ นับว่าตัดสินใจถูกต้องที่เช่ารถทั้ง 2 ชนิด เราออกจากอุทยานฯ ประมาณ 6 โมงเย็นและกลับที่พัก เราฝากท้องอาหารเย็นวันนี้ที่ "ร้านอาหารน้ำค้าง" ซึ่งเป็นร้านอาหารของโรงแรม อาหารอร่อยทุกอย่าง จัดจานมาสวยงาม เด็กๆ ชอบ หมูสามชั้นคั่วเกลือ กับ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ส่วนผู้ใหญ่ชอบปลาทับทิมทอดสมุนไพร ตื่นเช้ามาประมาณตี 5 กว่า เราขับรถมาที่ตลาดเพื่อซื้อของมาใส่บาตรที่ "วัดตระพังทอง" ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ที่เกาะกลางน้ำ พระสงฆ์จะเดินบิณฑบาตรข้ามสะพานออกมา ทางวัดมีเตรียมเสื่อ และโตกเพื่อให้ผู้มาใส่บาตรนั่งรอบนสะพาน วัดนี้ใกล้กับตลาดและไม่ไกลจากโรงแรม ใส่บาตรเสร็จก็กลับโรงแรม ทานข้าวเช้าและเตรียมตัวออกเดินทางไป"ศรีสัชนาลัย" อาหารเช้าที่โรงแรมเป็นเซ็ทให้เลือกแบบ อเมริกันเบรคฟาสต์ หรืออาหารไทย เช่น ข้าวต้ม, ข้าวผัดกระเพรา อาหารอร่อยทุกอย่าง มี ชา, กาแฟ, น้ำส้ม, น้ำดื่ม. นม และขนมปัง, คอนเฟล็ก ให้บริการตัวเองอีกด้วย เป็นเซ็ทอาหารเช้าที่รสชาติดี จัดจานสวยงาม และครบครัน เราเข้า check in ที่โรงแรม Sriwilai Sukhothai Resort & Spa ก่อนเดินทางไป "ศรีสัชนาลัย เพราะต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ ที่นี่จะตกแต่งสถานที่ออกแนวทันสมัย สระน้ำจะมีวิวทุ่งนาเป็นฉากหลัง สวยสดใสไปอีกแบบ มาถึง "สาธร พิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ" ตามแผน ภายในมีผ้าแบบต่างๆ และมีผ้าทองสวยงามมาก ด้านหน้าจะมีร้านขายผลิตภัณฑ์ผ้าอีกด้วย เด็กๆ แอบบ่นเมื่อผู้ใหญ่เดินชมและเลือกซื้อผ้า เราขับรถเที่ยวต่อไปยัง "บ้านนาต้นจั่น" แต่ไม่ได้แวะลงเที่ยวเนื่องจากเด็กๆ หลับในรถ เพราะเมื่อเช้าตื่นตี 5 กว่า ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว "ร้านข้าวเปิ๊บยายเครื่อง" คือร้านที่เราเลือกแวะเติมพลัง พอมาถึงเด็กๆ ก็ตื่นเต้นกับยักษ์ 2 ตนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าร้าน เมนูแปลกใหม่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน มีทั้ง ข้าวเปิ๊บ (มีน้ำซุปราดมาด้วย), ก๋วยเตี๋ยวแบ(ก๋วยเตี๋ยวแห้ง มีหมูแดง เสิร์ฟบนใบตอง), หมีพัน (แผ่นแป้งหลากสีมีเส้นหมี่พันข้างใน), ข้าวพัน, ข้าวโอบ พวกเราจัดชุดใหญ่ สั่งแทบทุกอย่าง แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามีแบบรวมมิตร คือ หลายๆ อย่างอยู่ในจานเดียว เมนูที่เราและเด็กๆชอบคือ ข้าวเปิ๊บ และก๋วยเตี๋ยวแบ หลังจากอิ่มสบายท้องแล้ว เรามาต่อกันที่ "อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย" ที่นี่ไม่มีรถกอล์ฟให้เช่า คณะเราไม่สะดวกที่จะขี่จักรยาน จึงเหมารถพ่วงของอุทยานในราคา 300 บาท โดยจะแวะจุดสำคัญๆ 4 จุดในอุทยานฯ จุดแรกที่แวะลงคือ "วัดช้างล้อม" เราลงไปถ่ายภาพและออกเดินทางต่อไปวัดต่อไป เพราะแดดแรงมาก เจ้าหน้าที่บอกว่าขนาดวัดนี้ยังไม่ลง วัดต่อไปเดินไม่ไหวแน่ ต่อกันที่ "วัดเขาพนมเพลิง" เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขา ต้องเดินขึ้นบันไดหินไป แต่ทางขึ้นบันได แดดร่ม เด็กๆ ต่างอยากขึ้นบันไดไปชมข้างบน พ่อเลยต้องพาเด็กวัย 5 ขวบ กับ 8 ขวบ ขึ้นบันไดชันๆ คนที่รอข้างล่างลุ้นมากๆ กลัวจะกลิ้งตกลงมา แต่สุดท้ายก็ลงมาได้โดยสวัสดิภาพ มาถึง "วัดเจดีย์เจ็ดแถว" เด็กๆ ยังเหนื่อยกับการขึ้นบันได ก็เลยจอดถ่ายภาพก่อนไปวัดสุดท้าย และวัดสุดท้ายที่เราแวะ คือ "วัดนางพญา" เป็นวัดในอุทยานฯ ที่ได้รับอิทธิพลจากอยุธยา วัดนี้มีลายปูนปั้นค่อนข้างจะสมบูรณ์หลงเหลืออยู่ และลายนี้ช่างทองใช้เป็นต้นแบบของ "ลายทองสุโขทัย" กลับจากศรีสัชนาลัย เด็กๆ เรียกร้องอยากเรียนทำเครื่องสังคโลก เราเลือก "สังคโลก อาร์ต" เนื่องจากมีให้เลือกว่าจะระบายสีจานสังคโลก หรือจะปั้นสังคโลกก็ได้ โดยคิดเงินตามชิ้นงาน เราถึงบ้านของ "ครูสาว" ซึ่งเป็นทั้งบ้าน, หน้าร้านขายสังคโลก และมีห้องสอนปั้นสังคโลกเป็นสัดส่วนสวยงาม ติดแอร์ด้วย ผู้ใหญ่และเด็กโตเลือกภาชนะที่ชอบและเริ่มลงมือวาดภาพลงบนกระดาษก่อน และวาดภาพลงบนจาน ก่อนจะลงสีด้วยพู่กัน ตามคำแนะนำของครูสาว ส่วนเด็กเล็กเลือกปั้นถ้วยสังคโลก ครูสาวเป็นชาวสุโขทัย จบเพาะช่าง และเคยเป็นครูมาก่อน สอนเด็กเล็กให้ปั้นอย่างใจเย็นจนได้ชิ้นงานออกมา เครื่องสังคโลกที่เราปั้นและลงสีจะจัดส่งมาให้ที่บ้านภายหลัง เมื่อรวบรวมเป็นจำนวนเพียงพอกับการเปิดเตาเผา ค่ำแล้ว พวกเราเพิ่งทำเครื่องสังคโลกเสร็ต ตกลงใจไปทานอาหารเย็นที่ "ร้านสินวนา" อาหารอร่อยทุกอย่าง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยเพราะหิวมาก ทานกันเสร็จก็กลับโรงแรมนอน ก่อนจากลา "สุโขทัย" ในวันนี้ เราเริ่มด้วยอาหารเช้าที่โรงแรม เป็นอาหารเซ็ท หลังจากนั้นเราเดินทางไป "วัดศรีชุม" วัดนี้สวยมาก และเป็นวัดที่ค้นพบ "ศิลาจารึกหลักที่ 2" อีกด้วย ออกจากวัดเราก็ขับรถวนดูวัดสำคัญต่างๆในสุโขทัย ก่อนแวะที่ "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ รามคำแหง" พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ รามคำแหง เป็นอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด มีการจัดแสดงโบราณวัตถุทั้งภายในตัวอาคารและภายนอกอาคาร เริ่มจากประวัติของเมืองสุโขทัย แผนที่จำลองตัวเมือง เครื่องสังคโลก พระพุทธรูปโบราณ ศัตราวุธโบราณ และโบราณวัตถุอื่นๆ อีกมากมาย ภายในตัวอาคารติดเครื่องปรับอากาศเดินสบาย เด็กๆ ไม่มีบ่นเลย แต่เราต้องรีบกลับไปให้ทันเช็คเอาท์ที่โรงแรม สั่งลา "สุโขทัย" ด้วยอาหารกลางวันที่ "ร้านขนมจีนบ้านนา สุโขทัย" ร้านนี้มีอาหารหลากหลายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ เราสั่งชุดขนมจีน, ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย, ข้าวผัด และไส้กรอกอีสาน อาหารอร่อยทุกอย่าง สำหรับเซ็ทขนมจีน มีชุดน้ำราด 6 อย่าง คือ น้ำยาป่า ลูกชิ้นปลา,น้ำพริก, น้ำยากระทิ, น้ำเงี้ยว, แกงไตปลา, แกงเขียวหวานไก่ ที่เราชอบเป็นพิเศษคือ น้ำเงี้ยว กับ น้ำยาป่าลูกชิ้นปลา เราใช้สิทธิ์ "เที่ยวปันสุข" ซึ่งเริ่มใช้เป็นวันแรกๆ ที่นี่และเราก็เป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้สิทธิ์นี้ พนักงานมี Service Mind ดีมาก ช่วยกันทำจนใช้สิทธิ์ได้สำเร็จ เราซื้อลอดช่องมาทานต่อในรถ ป้าคนขายแถมชามกระดาษ, ช้อน และน้ำแข็งมาให้ด้วย (ชุดละ 40 บาท) น่ารักสุดๆ หลังจากออกจากสุโขทัย เราไปไหนกันต่อ ติดตามกันในบทความต่อไปนะ ภาพประกอบโดย....ผู้เขียน