ผู้เขียนเองมีหนังสือเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำคุณผู้อ่าน ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เปิดมุมมองในหลายด้านให้ผู้เขียน หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนซื้อตั้งแต่พิมพ์ครั้งที่ 2 ประมาณปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่ผู้เขียนเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ในชั้นปีที่ 4 พอดี แว๊บแรกที่หยิบขึ้นมาอ่านจำได้ว่าสะดุดตาจากหน้าปกสีเหลืองสด กับรูปผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าปก เขียนชื่อผู้เขียนว่า ทิม พิธา กับชื่อหนังสือชวนคิดว่า “ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน” (ต้องออกตัวก่อนว่าผู้เขียนรู้จักคุณทิม พิธา ในฐานะนักเขียน ก่อนที่คุณทิมจะลงสนามการเมือง ดังนั้นบทความนี้ ผู้เขียนขอเขียนในมุมมองความชอบนักเขียนและหนังสือ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด)หนังสือเล่มนี้เมื่อคุณเปิดอ่านถึงหน้าสารบัญก็ต้องตื่นตาตื่นใจแล้วล่ะค่ะ เพราะคุณทิมพาเราไปเที่ยวรอบโลกเลยก็ว่าได้ แถมการท่องเที่ยวนั้น แฝงไปด้วยมุมมองแง่คิดในมุมมองของสังคม เศรษฐกิจ ของประเทศนั้น ๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนังสือที่เหมือนจะเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระที่จริงจัง แต่เล่าเรื่องราวได้อย่างสนุกจนวางไม่ลง เริ่มต้นบทแรกที่คุณทิม ใช้คำว่าคาบเรียนที่ 1 แทนนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่อธิบายคำว่า “ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน” ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากนักเรียนทุกคนที่นี่เป็นระดับหัวกะทิที่มาจากหลายหลายประเทศ วิธีการเรียนไม่ใช่เพียงการท่องตำรา แต่เป็นการเรียนผ่านคนจริง ผ่านมุมมองของคนในแต่ละประเทศที่นำมาถกกัน ซึ่งต้องบอกว่าวิธีการเรียนนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนคาบเรียนที่ 2 มีชื่อว่า “คนบันดาลใจ” ซึ่งเป็นบทที่เขียนเล่ามุมมองเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ อาทิ Bill Gates, Steve Jobe, วอร์เรน บัฟเฟตต์, บิล คลินตัน ฯลฯ ซึ่งต้องบอกว่าผู้เขียนเองอ่านหนังสือเกี่ยวกับบุคคลสำคัญระดับโลกมาหลายเล่ม แต่ไม่มีเล่มไหนเล่าเรื่องได้เหมือนเล่มนี้ ด้วยอาจจะเพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือแปล แต่คุณทิม ได้สนทนากับ Bill Gates ตัวเป็น ๆ แล้วนำมาเขียนเล่าให้ฟังผ่านมุมมองของตนเอง มันจึงเพิ่มความน่าสนใจและทำให้เข้าใจสิ่งที่คุณทิมจะสื่อได้อย่างง่ายดายส่วนคาบเรียนที่ 3 นั้น เป็นเรื่อง “สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต” ซึ่งเป็นตอนที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษ เนื่องด้วยเป็นช่วงที่เหมือนพาท่องเที่ยวไปในตัว แต่เขียนในลักษณะการสะท้อนสภาพสังคม วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ อย่างเช่นตอนที่ชื่อว่า “watashi on Nippon ญี่ปุ่น ง่าย ยาก หนัก เบา” ที่อ่านไปคุณผู้อ่านจะได้รับความรู้จากเรื่องนี้มากทีเดียว แถมบางบทบางตอน คุณอาจจะทึ่งกับมุมมอง แนวคิด ของผู้ชายคนนี้ก็เป็นได้ส่วนคาบที่ 4 และ 5 นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ผู้เขียนขอยกตอนที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษมาแนะนำเท่านั้น ซึ่งหากคุณผู้อ่านท่านใดชอบอ่านหนังสือแนวนี้ ซึ่งล่าสุดน่าจะพิมพ์ซ้ำเกือบ 10 ครั้งแล้ว ผู้เขียนขอแนะนำเล่มนี้เป็นอีกเล่มในดวงใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้อ่านอย่างวางใจเป็นกลาง แล้วคุณ ๆ จะได้รับความรู้ และได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ จากหนังสือเล่มนี้ ไม่มากก็น้อย หมายเหตุ รูปภาพทุกรูปถ่ายโดยผู้เขียน จากหนังสือของผู้เขียนเอง