ถ้าจำไม่ผิด ครั้งล่าสุดที่เดินเคว้งคว้างยามราตรี ณ ใจกลางเมืองสระบุรี ก็เห็นจะเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนเรียนมัธยม ที่มารับจ๊อบทำงานพาร์ทไทม์หารายได้พิเศษหลังเลิกเรียน โดยมาฝึกงานช่วงแรกอยู่ที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยี่ห้อดังสาขาห้างโลตัสสระบุรี ซึ่งเมื่อเลิกงานประมาณห้าทุ่ม ก็จะเดินลัดเลาะออกด้านหลังห้าง มาทะลุถนนสุดบรรทัด เดินต่อไปสถานีขนส่งผู้โดยสาร (บขส.) เพื่อขึ้นรถบัสโดยสารเที่ยวสุดท้ายกลับบ้านที่ลพบุรี (ตอนนั้นยังไม่มีรถตู้โดยสารแพร่หลายเท่าทุกวันนี้) เป็นเช่นนี้นานนับเดือนกว่าจะได้เข้าทำงานที่สาขาใกล้บ้าน ภาพความทรงจำเกี่ยวกับบรรยากาศค่ำคืนที่ค่อนข้างเหงาในคราวนั้นยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะเลือนลางไปตามกาลเวลาเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเดินย่ำเท้าบนถนนสุดบรรทัดในยามรัตติกาลอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่ไม่เงียบเหงาเท่าช่วงเวลาครานั้น ก็เลยอดไม่ได้ที่จะทบทวนหวนระลึกถึงบรรยากาศในอดีต ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก อย่างน้อยก็ยังเห็นภาพสถานีขนส่งฯ และรถบัสโดยสาร ที่แม้จะมีการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกให้ดูดีขึ้น แต่ก็ยังพอมองเห็นเค้าของภาพเก่าที่คุ้นเคยวางซ้อนอยู่แล้วราวกับว่าจะมีใครบางคน หรืออะไรบางอย่างจงใจจะรื้อฟื้นความทรงจำบางเรื่อง ผ่านทางเสียงเพลงทำนองเหงา ๆ เพลงหนึ่งที่ลอยมาจากที่ไหนสักแห่งรอนแรมมาไกลเหลือเกิน ใจเอ๋ยใจเรา คนใจดำทำร้ายเอา ซานซมหนีมา....."ใจรอนแรม" บทเพลงที่ถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงของศิลปินที่ทราบว่าชื่อ แจ็ค มงคล คำดี เพราะเหตุที่เนื้อหา และท่วงทำนองกระทบโสตประสาทและกระเทือนไปถึงความรู้สึกข้างใน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้บนรถบัสโดยสารเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในยามดึกดื่นคืนหนึ่งที่โดยสารรถคันนั้นกลับบ้านหลังเลิกงานก็จะไม่ "กระทบ" และ "กระเทือน" ได้อย่างไร ในเมื่อเนื้อหาของเพลงมันตรงกับสถานการณ์ของชีวิตช่วงนั้นพอดี ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องเผชิญกับปัญหาบางประการรุมเร้า ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องความรัก ที่เพิ่งมีปัญหาเลิกรากับคนรักที่ทิ้งไป ซ้ำต้องมารับมือกับความเหนื่อยล้าจากการทำงานพิเศษตอนกลางคืนหลังจากเรียนหนักมาทั้งวัน แถมตบท้ายด้วยความเหงาในระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัดหลายสิบกิโลเมตรทุก ๆ ค่ำคืน...พเนจรในคืนอ้างว้างมัวหม่น ถูกลมรำเพยพัดผ่าน หัวใจเจ้ากรรมเจ็บช้ำนานมา ดิ้นรนจนมาพบเธอ...ตอนนั้นเมื่อได้ฟังมาถึงท่อนนี้ ก็แอบอิจฉาคนในบทเพลงอยู่นิด ๆ ที่แม้ว่าผ่านความเหงา เศร้า เจ็บปวด มา แบบที่แอบคิดว่าไม่ต่างจากตัวเรา แต่สุดท้ายคนในเพลงก็ได้มาพบกับ "เธอ" คนที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมา จากการที่คาดหวังได้ว่าจะเป็นที่พักฟื้นจิตใจได้ ไม่งั้นก็คงไม่มีท่อนฮุคที่ออดอ้อนว่าขอพักพิงใจเธอซักครา ขอเวลาพักใจ ขอที่หลบพักกาย ให้มันคลายหนาวใจขอหลับสักตื่น ให้พอมีแรงฟื้นคืนมาใหม่ เนื้อเพลงท่อนนี้เองที่สะกิดต่อมน้ำตาลูกผู้ชายให้ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว เมื่อสะท้อนกลับมามองดูตัวเองในเวลานั้น ที่อยากจะร้องขอแบบในเพลงจากใครสักคนเหมือนกัน แต่ ณ ตอนนั้นมองไม่เห็นเลยจริง ๆ ว่าจะร้องขอจากใครได้ไม่อยากรอนแรมแล้วใจ เพราะมันเดียวดาย ถ้าออกไปคงต้องตาย เธอคงรู้ดีถ้อยคำรำพึงที่บ่งบอกถึงความหวาดหวั่นซ่อนอยู่ เป็นอีกท่อนหนึ่งของบทเพลงที่ตรงกับความรู้สึก ณ เวลานั้น ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นการเป็นเด็กชายมาได้เพียง 2 - 3 ปี แต่กลับมองเห็นเส้นทางชีวิตข้างหน้าพร่ามัวเต็มที จนแทบไม่กล้าจะก้าวเดินต่อไป แต่ยังดีที่เตือนสติตัวเองในเวลานั้นได้ว่า เรายังไม่โชคดีเหมือนคนในบทเพลง ที่เดินไปถึงจุดที่จะหยุดพักได้ ในขณะที่ชีวิตเรา ยังคงต้องเดินต่อ ต่อให้จะเป็นการไปต่อแบบรอนแรม ไม่เห็นจุดหมายที่แน่นอนก็ตาม แต่ก็น่าจะดีกว่าหยุดชะงักอยู่กับความเงียบงันและเคว้งคว้าง ณ จุดเดิมตัดภาพกลับคืนมา ณ เวลาปัจจุบัน ก็ต้องขอบคุณตัวเองในเวลานั้น ที่ไม่ปล่อยให้ความหวาดหวั่นต่อการรอนแรมมาครอบงำจนทำให้ชีวิตสะดุดหยุดเดิน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ชีวิตก็คงไม่อาจก้าวต่อมาจนถึงวันนี้ ที่แม้ว่าอาจจะยังไม่สามารถอวดได้เต็มที่ว่าชีวิตดีเลิศเลอ แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นชีวิตที่ก้าวมาพร้อมกับการเจริญเติบโต เรียนรู้ พัฒนา และยกระดับตนเองมาไกลพอสมควรและที่สำคัญ คือ การที่ตัดสินใจก้าวต่อมาโดยไม่หวาดหวั่นต่อการรอนแรม ทำให้ก้าวมาพบกับ "เธอ" คนที่ยืนเคียงข้างอยู่ในปัจจุบัน คนที่สามารถร้องขอความรักและที่พักพิงได้อย่างสนิทใจ เหมือนท่อนสุดท้ายของเพลงที่ว่าขอให้ใจโทรม ๆ ดวงนี้ได้พัก อยู่ในรักที่มีไออุ่น ฟังเพลง ใจรอนแรม เวอร์ชั่นต้นฉบับ ของ แจ็ค มงคล คำดี เวอร์ชั่น cover โดย เอเซียร์ อาร์สยามภาพประกอบและภาพปกบทความ โดย 31singha