แม้จะทำงานบริษัทท่องเที่ยวที่ฟังดูงานน่าสบาย ได้เที่ยว แต่แท้จริงแล้ว เบื้องหลังการพักผ่อนอันสุขสบายของลูกค้าแต่ละท่าน คือความวุ่นวายหลังโต๊ะทำงาน ที่หาเวลาเที่ยวแทบจะไม่ได้ วันหนึ่งขณะกำลังง่วนอยู่กับงานประจำวัน เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องก็เดินมาขอคำปรึกษา “นายเคยทำโปรแกรมกระเตงมั้ย” “ไม่นะ หมายถึงกระเตงลูกหรอ หรือยังไง” ผมถามกลับ เพราะไม่เคยได้ยินแม้แต่คำว่า กระเตง แต่ถ้ากระเตงหอบลูกเข้าข้างเอวนั้นพอจะเคยได้ยินอยู่ “ไม่ใช่อ่ะ ลูกค้าขอโปรแกรมไปโฮมกระเตง สมุทรสงคราม” ความสนุกอย่างหนึ่งของงานการท่องเที่ยวนั้น คือเมื่อเจอโจทย์ที่เราไม่รู้ เราต้องไปให้รู้ก่อนถึงจะขาย และให้ข้อมูลได้ดีครับ ช่วงสุดสัปดาห์เราจึงนัดกันไปสำรวจสถานที่ที่ลูกค้าขอมาทันที และไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียว แต่ต้องดูทั้งเส้นทางว่าระหว่างทาง เราสามารถแวะเที่ยวไหนได้บ้าง ตลาดร่มหุบ ตลาดเสี่ยงตาย ตลาดร่มหุบ รู้จักกันดีสำหรับนักท่องเที่ยวว่า ตลาดรถไฟ (Railway Market) หรือตลาดเสี่ยงตาย (Dangerous market) เป็นตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือพ่อค้าแม่ค้าจะตั้งแผงริมจนถึงล้ำเข้ามาในรางรถไฟ ในอดีต ตัวตลาดตั้งอยู่ข้างทางรถไฟด้านนอก แต่เมื่อมีการปรับปรุงตลาดในปีพ.ศ.2527 ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องย้ายมาตั้งแผงริมทางรถไฟด้านใน จากที่มีเพียง 2-3 รายก็ขยายขึ้นจนเต็มริมทางรถไฟ จากร่มธรรมดาที่ต้องกางและหุบเมื่อรถไฟผ่านเข้าออก กลายเป็นร่มผ้าใบ และแผงรางเลื่อนเพื่อให้การหุบกางร่ม ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ไฮไลท์ของตลาดแห่งนี้ คือการได้เห็นความชำนาญของพ่อค้าแม่ค้าในการหุบร่มเมื่อรถไฟมา แขนอันทรงพลังและว่องไวในการดึงตัวนักท่องเที่ยวที่ถ่ายรูปเพลินจนลืมหลบรถไฟ การใกล้ชิดกับรถไฟที่วิ่งผ่านไปแบบช้าๆอย่างใกล้ชิดชนิดที่บางจุดห่างเพียงปลายจมูก ไปจนถึงการกางร่มและแผงร้านจนทุกอย่างกลับมาเป็นปกติภายในชั่วพริบตา คือถ้าพลาดไปสัก 2-3 วินาทีคุณจะไม่ทันเห็นการคืนสภาพนี้ทัน เนื่องจากอยู่ระหว่างทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก เราสามารถหาแรงจูงใจให้ลูกค้าตื่นเช้าอีกหน่อย เพื่อมาแวะชมที่นี่ได้ก่อนไปต่อที่ตลาดน้ำท่าคาหรือดำเนินสะดวกซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เมื่อมาเที่ยวไทย ก็ขอเห็นตลาดน้ำสักครั้งในชีวิต รู้หรือไม่: รถไฟเที่ยวแรกมาถึงสถานีแม่กลองตอน 08.30 น. ถ้ามาถึงที่ตลาดก่อนประมาณ 8 โมง จะทำให้มีเวลาเดินเที่ยวในตลาดก่อนและได้มุมดีๆในการหลบดูรถไฟได้อย่างใกล้ชิดครับ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นที่ต้องห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากหลากหลายชาติที่ใฝ่ฝันอยากเห็นตลาดน้ำสักครั้งในชีวิต เพราะที่บ้านเขาไม่มีแบบนี้ครับ มาที่นี่ จะไม่ใช้แค่เพียงการเดินเที่ยวตลาดน้ำ แต่ยังได้เห็นบ้านเรือน เรือกสวนริมคลองดำเนินสะดวก ไปจนถึงการสัญจรทางน้ำที่ยังคงไว้เหมือนในอดีตเป็นเอกลักษณ์ครับ ผมเคยมาที่นี่สมัยเรียน แล้วไม่ได้ลงเรือ แทบจะไม่ได้เห็นอะไรเลยครับ เลยแนะนำให้เช่าเรือสักลำ หรือนั่งไปกับคนอื่นก็ได้ เรือที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีทั้งเรือพายราคา 300 บาท และเรือยนต์ราคา 600 บาท เรือเช่าเหล่านี้จะพาไปตามร้านค้า ใจกลางตลาด ร้านค้ากลางน้ำที่ถ้าจะซื้อของต้องใช้ไม้สอย ซื้อผลไม้ ไอศกรีมหรือข้าวต้มแห้งจากเรือลำข้างๆ ที่กินไปชมตลาดไปก็ได้ ไปจนถึงบ้านตาล ที่เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว แปรรูปเป็นน้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลปึก รู้หรือไม่: น้ำตาลปึก คือการนำน้ำตาลมะพร้าว โตนด หรืออ้อยมาเคี่ยว ผสมน้ำตาลทรายประมาณ 20% เพื่อให้น้ำตาลแข็งตัวตามรูปภาชนะที่ใส่ ส่วนน้ำตาลปี๊บเป็นการนำน้ำตาลตามที่กล่าวมามาเคี่ยว และผสมน้ำตาลทรายเช่นกัน แต่ในอัตราส่วนที่น้อยกว่า ทำให้สภาพน้ำตาลเหลว ข้น และหนืดกว่าน้ำตาลปึก สามารถใส่เป็นปี๊บขาย และปัจจุบันมีทั้งแบ่งขายใส่ถุงพลาสติก ทั้งคู่สามารถนำมาทำกับข้าวหรือขนมได้ไม่ต่างกัน ความต่างอยู่ที่ ความสะดวกในการพกพาครับ ในอดีตการพกเป็นน้ำตาลปึกแห้งๆเพื่อเดินทางไปต่างเมือง สะดวกกับการซื้อปลีกในจำนวนน้อย ส่วนในระดับอุตสาหกรรม สามารถซื้อยกปี๊บได้เลย ตักใช้ก็ง่ายครับ โฮมกระเตง แม้ตลาดน้ำดำเนินสะดวกจะมีของกินมากมายยั่วยวนใจ ผมแนะนำให้กินแค่พอรองท้องถ้าเรากำลังจะไปต่อกับที่โฮมกระเตงครับ เรามาค้นพบว่า ชื่อเต็มของที่นี่คือ โฮมกระเตงชาวเล เป็นชื่อร้านอาหารทะเลที่ตั้งอยู่ในคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม ห่างจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกประมาณ 33 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางต่อไปอีกประมาณ 40 นาที (ขนมจากตลาดน้ำยังไม่ทันย่อยหมดเลยครับ) คลองโคนยังเป็นแหล่งขึ้นชื่อเรื่องกะปิ และอาหารทะเล จึงเห็นร้านอาหารทะเลเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ร้านโฮมกระเตงชาวเลก็เป็นร้านอาหารทะเล ที่ตั้งอยู่ริมคลองยี่สารใกล้ปากแม่น้ำ ที่นี่ยังมีบริการโฮมสเตย์สำหรับทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เช่นปลูกป่าชายเลน งมหอย ชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน และอีกมากมาย เราสั่งอาหารทะเลไว้ก่อนเพราะยังไม่หิวมาก ก่อนที่เจ้าของร้านจะพาเราลงเรือล่องออกทะเล ไปชมที่มาของชื่อบทความนี้ครับ กระเตง เป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ปลูกไว้กลางทะเลสำหรับชาวประมงพื้นบ้านที่ทำฟาร์มหอย และเลี้ยงปลา ไว้สำหรับเฝ้าฟาร์มหอยกันขโมย หรือเมื่อมีคลื่นลมแรง กระท่อมที่ปลูกไว้ในลักษณะชั่วคราวก็จะมีอาการโยกเยก ชาวทะเลเรียกอาการดังกล่าวว่ากระเตง จึงเป็นที่มาของ กระเตงกลางทะเล ลักษณะเดียวกับขนำ หรือห้างที่ปลูกไว้ในนาเพื่อเฝ้านานั่นเอง ในกระท่อมมีชานไว้สำหรับรับลมซึ่งโกรกและเย็นสบาย สำหรับลูกค้า VIP เราสามารถจัดอาหารเสิร์ฟที่นี่ ได้บรรยากาศใหม่ๆในการกินข้าวกลางทะเล กินเสร็จสามารถเอนหลังบนชิงช้า หรือเปลญวนเพื่อพักผ่อนก่อนกลับกรุงเทพก็ได้ ที่กระเตงนี้ ทางร้านยังสามารถจัดเป็นโฮมสเตย์สำหรับค้างคืนหลังทำกิจกรรมได้ด้วย หลังจากได้คำตอบแล้วว่ากระเตงคืออะไร ลุงเจ้าของร้านยังพาเราล่องเรือไปชมลิงทะเล ที่ริมฝั่งป่าโกงกาง เป็นที่อยู่ของลิงแสมจำนวนมาก ซึ่งสนิทและคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี เพราะพาลูกค้ามาให้อาหารลิงที่นี่เป็นประจำ โดยอาหารมีทั้งแตงกวาที่ทางร้านใช้ประกอบอาหารอยู่แล้ว หรือมันแกวที่เป็นผลไม้ของโปรดของเหล่าลิงน้อยและราคาไม่แพง ผมเรียกลิงทะเล เพราะเมื่อลิงเห็นเรือของลุงมาจอดใกล้ฝั่ง จะพากันลุยเลนลงน้ำ บ้างกระเตงลูกว่ายน้ำมาขึ้นเรือ และรับอาหารจากเรากับมือ โดยไม่ดุหรือกัดเลยครับ น่ารักมาก คุณลุงพาเราไปชมฟาร์มหอยต่อ ซึ่งที่นี่มีสารพัดหอย ทั้งหอยแครงที่เลี้ยงในเลน ดูเผินๆเหมือนเนินเลนกว้างๆ แต่ลุงบอกว่า ถ้าลงไปเดินนี่จะพบหอยแครงหลากหลายขนาดฝังตัวอยู่ทุกตารางนิ้ว หอยนางรม และหอยแมลงภู่ที่มีมูลค่าสูงกว่า เพราะเลี้ยงยากกว่า ใช้การเลี้ยงแบบแขวน ลุงจะทำร้านด้วยไม้ ห้อยเชือกจุ่มลงในน้ำเพื่อให้หอยมาเกาะและเติบโตบนเชือก การเลี้ยงหอยแมลงภู่ ใช้เวลาเลี้ยงจนถึงขนาดที่ขายได้อยู่ที่ 6-8 เดือน หรือถ้าเลี้ยงได้นานถึง 1 ปี หอยจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและขายได้ราคาดีตามไปด้วย และการเลี้ยงแบบแขวน กับมูลค่าหอยนี้เองที่ทำให้มีขโมยยามค่ำคืน บ้างใช้วิธีปักหลักตีเนียนล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่เลี้ยงหอยแครงเพื่อขโมยหอย และเป็นเหตุผลที่ชาวประมงต้องสร้างกระเตงไว้ ส่วนหนึ่งคือเพื่อป้องกันขโมยครับ อาหารทะเลที่นี่สดและราคาไม่แรงมาก สำหรับผู้ต้องการมาเยี่ยมชม พักผ่อน หรือทำกิจกรรมที่โฮมกระเตงชาวเล สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของร้านที่: http://www.homekrateng888.com/ “ขอไอเดียหน่อยสิ” เพื่อนร่วมแผนกอยู่ๆก็ถามผมขึ้นมาขณะกำลังทำโปรแกรมท่องเที่ยวให้ลูกค้าอยู่ “เรื่องอะไรหรอ” ผมถาม “ลูกค้าอยากไปทะเล แต่ต้องไปสิงคโปร์ต่อจากนี้ ไปไหนดี” เพื่อนบอก ลูกค้าหลายรายชอบจบโปรแกรมของแต่ละประเทศด้วยทะเล เป็นการทิ้งช่วงเพื่อพักผ่อนยาวก่อนจะไปเที่ยวประเทศอื่นต่อหรือกลับบ้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือ สนามบินไหนที่มีไฟลท์บินไปจุดหมายถัดไปโดยใช้งบประมาณน้อย และยุ่งยากน้อยที่สุด “กระบี่ดีมั้ย” เพื่อนถามต่อ “แต่ไฟลท์กระบี่-สิงคโปร์แพงนะ” ผมบอก เพราะหลังจากเคยทำเส้นทางที่จบที่กระบี่ต่อสิงคโปร์ ไฟลท์ค่อนข้างมีน้อยและแพง หลายครั้งต้องกลับมาต่อเครื่องที่กรุงเทพซึ่งไม่คุ้มกับการบินไปบินมา “งั้นที่ไหนล่ะ” เขาถามต่อ “ภูเก็ต” เครดิตภาพ: Pornpan Kleepkaew อ้างอิง: https://migrationology.com/maeklong-train-market-thailand/ https://bit.ly/2KTpWvi https://bit.ly/3aY8TCy https://bit.ly/3c8QNPC https://bit.ly/3dc2bdZ